หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 473 แม่ทัพกล่อมภรรยา (3)
ตอนที่ 473 แม่ทัพกล่อมภรรยา (3)
“นี่ยังดุอีกหรือ” เว่ยจางยิ้มจางๆ “หากมีคนสร้างความวุ่นวายในสนามรบ และพวกเขายังคงทำเช่นนี้อยู่ เกรงว่าคงจะไม่รอดชีวิตไปนานแล้ว”
เหยาฮูหยินทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ พร้อมถามว่า “ตามที่เจ้าพูด ข้าเป็นคนที่สร้างความวุ่นวายน่ะสิ”
แม่ทัพเว่ยหลุดยิ้ม “ไม่ว่าอย่างไร คนที่ทำให้เหล่าทหารว้าวุ่นใจไม่ใช่ข้านี่”
“เหอะ” เหยาฮูหยินถลึงตามองแม่ทัพเว่ยเพียงพริบตา ยกมือสะบัดแส้ม้า เร่งความเร็วของเถาเยาให้พุ่งไปด้านหน้า เพียงลมหายใจสองสามเฮือก ก็แซงเฮยเฟิงไปหลายจั่ง
เว่ยจางมองฮูหยินที่ขี่ม้าไปด้านหน้า จึงยิ้มอย่างรักใคร่ แล้วเร่งม้าตามไปด้วย
เหยาเยี่ยนอวี่เลือกสถานที่ไม่มีใครโดยเฉพาะ นางเร่งม้าผ่านสนามฝึกไปครึ่งทาง ก็เห็นทหารกำลังฝึกยิงธนูทางฝั่งสนามยิงธนูที่ไกลๆ จึงชะลอความเร็วพลางเข้าไปเยี่ยมชม
พอเดินเข้าไปใกล้ เหยาเยี่ยนอวี่ก็รู้อย่างชัดเจนว่าเหตุใดถึงมีทหารรักษาการณ์ล้อมรอบอยู่มากมาย
ท่ามกลางทหารรักษาการณ์หลายสิบคน มีสตรีสวมชุดขี่ม้าสีม่วงคนหนึ่งและบุรุษร่างสูงสง่าสวมชุดสีนิลคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่างาม บุรุษผู้นั้นคงจะเป็นครูสอนสตรีในชุดขี่ม้ายิงธนู พอสังเกตดูดีๆ สตรีในชุดขี่ม้านั้นเหยาเยี่ยนอวี่ก็รู้จัก คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นใด แต่เป็นองค์หญิงคังผิงที่เคยเจอหน้ากันที่จวนองค์หญิงใหญ่หนิงหวา
และผู้ที่คอยสอนองค์หญิงคังผิงยิงธนูนั้น เหยาเยี่ยนอวี่เห็นเพียงใบหน้าข้างของเขาเท่านั้น ดังนั้นไม่รู้ว่าคือใคร ทว่าใช้เท้าคิดก็คงรู้ว่า คนคนนี้ต้องไม่ใช่สามีของนางแน่นอน
ช่วงก่อนสามีของนาง เหตุเพราะถูกเปิดโปงเรื่องที่ไปเที่ยวโสเภณีกับหยางกวงรุ่น องค์หญิงคังผิงก็โวยวายจนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว หลังจากนั้นฮ่องเต้ทรงพระพิโรธจนปลดตำแหน่งมหาบัณฑิตของเขาในสำนักฮั่นหลิน แล้วบัญชาให้เขาคิดใคร่ครวญความผิดในจวน ห้ามออกจากจวนแม้แต่ก้าวเดียว เวลานี้ คงไม่พากันว่าฝึกยิงธนูในสนามฝึกอยู่แน่
บุรุษให้สตรียั่วเย้า? เหยาฮูหยินนึกถึงประโยคนี้โดยไม่มาจากใจจริง จากนั้นหันไปมองเว่ยจางด้วยยิ้มเจ้าเล่ห์
เว่ยจางกะพริบตาโดยจนปัญญา แล้วสื่อทางอ้อมว่า ไปเถอะ อย่าไปร่วมสนุกกับคนอื่นที่นี่เลย
เหยาเยี่ยนอวี่เม้มปากยิ้ม แล้วกำลังจะดึงบังเหียนจากไป กลับนึกไม่ถึงว่ามีคนเจอหน้าเว่ยจางแล้ว จึงรีบเข้ามาน้อมคำนับ “ข้าน้อยขอคาวระแม่ทัพเว่ย”
องค์หญิงคังผิงที่อยู่ท่ามกลางทหารรักษาการณ์ได้ยินเสียงจึงหันไปหาเว่ยจางที่อยู่ในฝูงชน พร้อมถามว่า “แม่ทัพเว่ยอยู่ไหน”
เว่ยจางทำได้เพียงลงจากรถม้า แล้วเดินเบียดทหารรักษาการณ์เข้าไปในวง พร้อมโค้งลำตัวลง “กระหม่อมเว่ยจาง ถวายบังคมองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงคังผิงเห็นเว่ยจางก็แย้มยิ้มจางๆ แล้วเงยหน้ามองเหยาเยี่ยนอวี่ที่อยู่ด้านหลังเว่ยจาง พร้อมแย้มยิ้มได้ร่าเริงกว่าเดิม “ที่แท้ฮูหยินแม่ทัพก็มาด้วย วันนี้สนามฝึกนี้ครึกครื้นเหลือเกิน”
เหยาเยี่ยนอวี่เดินหน้าไปถวายบังคมพลางพร่ำบ่นในใจ ที่แท้ค่ายทหารใหญ่นี้ก็คือสวนสนุกของเชื้อพระวงศ์นี่เอง โชคดีที่ก่อนหน้านี้นางยังนึกข้ออ้างมาเป็นอย่างดีว่าจะวิจัยยาสูตรใหม่ไว้ให้เหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการฝึกวิชาการต่อสู้ใช้ คิดท่าแล้วคงไม่จำเป็นแล้ว
“ปกติก็ได้ข่าวว่าแม่ทัพฝู่กั๋วและฮูหยินมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งนัก ไปไหนมาไหนก็ตัวติดกันตลอดเวลา ทีแรกเปิ่นกงเพียงแค่ไม่เชื่อ วันนี้พอเห็นแม่ทัพและฮูหยินตัวติดกันเช่นนี้ ช่างเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันยิ่งนัก” องค์หญิงคังผิงมองเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยสายตาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เว่ยจางได้ยิน จึงประสานมือคารวะพลางพูดด้วยเสียงกังวาน “ทูลองค์หญิง ช่วงนี้ฮูหยินของกระหม่อมกำลังวิจัยยาสูตรใหม่บรรเทาบาดแผล เพื่อทดลองใช้ยาที่คิดค้นมา ฉะนั้นวันนี้ถือโอกาสมาสนามฝึกพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงคังผิงพูดยิ้มๆ “ที่แท้ก็มาเพื่อราชกิจนี่เอง”
เหยาเยี่ยนอวี่ค้อมตัวลง “เป็นเช่นนั้นเพคะ หม่อมฉันไม่ได้จงใจขัดจังหวะความสุขขององค์หญิง ได้โปรดองค์หญิงทรงอภัย หากองค์หญิงไม่มีคำบัญชาอะไรแล้ว หม่อมฉันขอตัวเพคะ”
“ไม่รีบ” องค์หญิงคังผิงมองเว่ยจางด้วยสีหน้ายิ้มๆ “หลายวันมานี้เปิ่นกงเจอแต่เรื่องน่ากลุ้มใจ ฉะนั้นจึงขอให้เสด็จพ่อมาฝึกยิงธนูที่นี่ เพียงแต่น่าเสียดายที่ทหารที่สอนเปิ่นกงมีความสามารถจำกัด ฝึกไปครึ่งค่อนวันก็ยังยิงไม่โดนสักเป้า เปิ่นกงได้ยินว่าแม่ทัพเว่ยยอดฝีมือทั้งขี่ม้าและยิงธนูมาโดยตลอด วันนี้บังเอิญเจอกัน แม่ทัพช่วยสอนเปิ่นกงทีเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่มองแม่ทัพเว่ยที่อยู่ด้านข้างเพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าเหมือนเดิม ทว่าภายในใจกลับไม่สบอารมณ์นัก รอยยิ้มและสีหน้าขององค์หญิงคังผิงตอนมองเว่ยจาง เหตุใดถึงรู้สึกขวางหูขวางตายิ่งนัก
ครั้งนี้ เหยาฮูหยินถือว่าเกิดอารมณ์หึงหวงอย่างแท้จริง สอนอะไรของเจ้า จะให้บุรุษของข้าเป็นครูฝึกให้กับหญิงสาวรักความงามแต่ไร้สมองอย่างพวกเจ้าได้อย่างไรกัน! เหอะๆ หากให้คนรู้ว่าองค์หญิงต้าอวิ๋นถูกคนเรียกว่าเป็นหญิงสาวรักความสวยความงามแต่ไร้สมองเช่นนี้ ไม่รู้ว่าปี่เซี่ยจะคิดอย่างไร
แต่ต่อให้เหยาฮูหยินจะหึงหวงมากเพียงใด ก็รั้งไม่ให้บุรุษของนางไปเป็นครูฝึกยิงธนูขององค์หญิงคังผิงไม่ได้ ใครสั่งให้อีกฝ่ายเป็นถึงองค์หญิงเล่า!
องค์หญิงคังผิงเพิ่งจะตรัสออกมา ก็มีคนยื่นคันธนูไปให้แม่ทัพเว่ยแล้ว
แม่ทัพเว่ยหันไปมองเหยาฮูหยินเพียงปราดเดียว แล้วทูลองค์หญิงคังผิงด้วยเสียงเรียบ “คันธนูในพระหัตถ์ขององค์หญิงคือ ‘พระจันทร์เสี้ยว’ ที่ปี่เซี่ยทรงใช้ในก่อนหน้านี้ ทว่าธนูคันนี้เป็นธนูเหล็ก เพราะว่าเป็นธนูเหล็กคงหนักเป็นพิเศษ จำต้องใช้แรงข้อมือ ฉะนั้นจึงไม่ค่อยเหมาะสมกับองค์หญิง มิเช่นนั้นองค์หญิงลองเปลี่ยนคันที่เบากว่านี้ดีหรือไม่” ขณะที่ทูลขึ้น แม่ทัพเว่ยเสียบลูกธนูพลางดึงสายให้ดึง แล้วยิงลูกธนูออกมาอย่างเรื่อยเปื่อย ธนูลูกธนูกลับยิงโดนเป้าตรงกลางอย่างแม่นยำ
“แม่ทัพช่างมือฝีมือยิ่งนัก!” องค์หญิงคังผิงแย้มยิ้มอย่างดีใจ
เหยาเยี่ยนอวี่ยืนอยู่ด้านข้างพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย คนที่อยู่ข้างกายองค์หญิงคังผิงล้วนเป็นทหารรักษาการณ์ที่คิดว่ามีฝีมือไม่ธรรมดา แต่ละคนดูองอาจผึ่งผาย รูปลักษณ์หล่อเหลา และแข่งกันสง่าผ่าเผย ทว่ากลับไม่มีใครเทียบเทียมกับเว่ยจางได้
“เหยาฮูหยิน?” มีคนเข้ามาใกล้พลางเรียกด้วยเสียงต่ำ
เหยาเยี่ยนอวี่หันไปด้วยคิ้วขมวด แล้วมองบุรุษรูปงามที่ค่อนข้างอ่อนโยน คนคนนี้มีนัยน์ตางดงามดั่งตาสุนัขจิ้งจอก รอยยิ้มบนริมฝีปากบางยกเป็นทรงโค้งอันน่าแปลกใจ สีหน้าดูลึกลับและอันตราย เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกกังวลใจขึ้นมา มักรู้สึกว่าดวงตาคู่นี้เหมือนเคยเห็นจากไหนมาก่อน ทว่ากลับนึกไม่ออกจริงๆ
“ข้าชื่นชมในความเลื่องชื่อของฮูหยินมานานแล้ว วันนี้ช่างโชคดีที่ได้เจอกันจริงๆ” คนคนนี้คารวะให้เหยาเยี่ยนอวี่
เหยาเยี่ยนอวี่ยกมุมปาก พลางพยักหน้าน้อยๆ “เกรงใจเกินไปแล้ว” ข้าก็แค่มาฝึกวิชาเป็นเพื่อนสามีเท่านั้น มีบทบาทเหมือนทหารรักษาการณ์นี่แหละ
“ฮูหยินอยากจะฝึกยิงธนูหน่อยหรือไม่” คนคนนั้นยื่นคันมาด้วยรอยยิ้มจางๆ
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหน้าเบาๆ “ขอบคุณจริงๆ ไม่ต้องแล้ว”
“ทำไมล่ะ” คนคนนั้นยื่นคันธนูในมือมา “คันธนูนี้ไม่หนัก ฮูหยินต้องลองดู”
เหยาเยี่ยนอวี่ยังคงไม่ยื่นมือ เพียงยิ้มจางๆ “สามีของข้าไม่ให้ข้าแตะต้องอาวุธเหล่านี้”
“อ้อ?” คนคนนั้นมองเว่ยจางที่อยู่ด้านข้างด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “นึกไม่ถึงว่าท่านแม่ทัพที่ทำศึกในสนามรบ สังหารศัตรูนับไม่ถ้วน กลับยังเรียกร้องเรื่องเหล่านี้”
แม้เว่ยจางกำลังสอนองค์หญิงคังผิงยิงธนู ทว่ากลับใจกับจดจ่ออยู่กับฮูหยินตนเองเท่านั้น ได้ยินบุรุษที่คล้ายชายและคล้ายหญิงนี้พูดเกี้ยวฮูหยินตนเอง จึงอัดอั้นใจขึ้นมา เวลานี้ยังคิดจะกล่าวถึงตนเอง เขาหันไปมองคนคนนั้นด้วยสายตาเยือกเย็น พลางพูด “เจ้าสนใจการยิงธนูมากเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่ตั้งใจสอนองค์หญิงล่ะ”
องค์หญิงคังผิงเพิ่งยิงธนูได้ดอกเดียว ถึงแม้จะไม่โดนตรงกลางเป้า ทว่าก็ยิงโดนเป้าอยู่เหมือนกัน ทันใดนั้นรู้สึกดีใจอย่างมาก จึงหันไปพูดยิ้มๆ “หยาจวิ้น เจ้าซุ่มเงียบอย่างที่คาดจริงๆ”