หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 474 แม่ทัพกล่อมภรรยา (4)
ตอนที่ 474 แม่ทัพกล่อมภรรยา (4)
บุรุษที่คล้ายทั้งชายและหญิงนี้ยกคิ้วดั่งสุนัขจิ้งจอกขึ้น จากนั้นขยับไปใกล้องค์หญิงคังผิงด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “องค์หญิงไม่ทราบในความลำบากของหยาจวิ้นหรือ”
องค์หญิงคังผิงถูกยั่วเย้าด้วยเสียงออดอ้อนของบุรุษรูปงามนามว่าหยาจวิ้น จึงหัวเราะเสียงต่ำพลางส่งสายตาให้เขา เหยาเยี่ยนอวี่มองเว่ยจางเพียงชั่วพริบตา แล้วส่งยิ้มจางๆ พลางถอยออกนอกวงอย่างเงียบๆ
“แม่ทัพเว่ย เจ้ามานี่สิ” องค์หญิงคังผิงเหมือนมีดวงตาตรงท้ายทอย ทันใดนั้นก็รั้งเว่ยจางไว้
“แม่ทัพอยู่สอนองค์หญิงยิงธนูที่นี่เถอะ ข้าไปหาหมอทหารตรงกระโจมฝั่งโน้นเสียหน่อย” เหยาเยี่ยนอวี่ไม่อยากทนดูพวกเขาสองคนใกล้ชิดกันอีกต่อไป จึงขอตัวจากไปด้วยความใจกว้าง
องค์หญิงคังผิงยิ้มจางๆ “หมอหลวงเหยาเชิญตามสบายได้เลย เปิ่นกงยืมตัวแม่ทัพของเจ้าสักพัก เดี๋ยวจะคืนให้”
เหยาเยี่ยนอวี่เห็นนางยิ้มเย้ย ภายในใจรู้สึกดูหมิ่นอย่างมาก ใบหน้ากลับส่งยิ้มจางๆ “องค์หญิงตรัสได้ขบขันแล้ว หม่อมฉันขอตัวเพคะ” ทูลจบก็ถอยออกจากท่ามกลางทหารรักษาการณ์ แล้วยื่นมือจูงเถาเยาพลางควบขึ้นหลังม้า จากนั้นก็เร่งม้าจากไป
ฮูหยินโกรธแล้วหรือ ภายในใจของเว่ยจางเหมือนมีคันฉ่องอยู่หนึ่งบาน เพียงแต่ว่าองค์หญิงคังผิงมีฐานะสูงส่งแล้วยังพูดจาเช่นนั้น เว่ยจางก็จากไปตอนนี้ไม่ได้ ทันใดนั้นก็รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก แล้วกำลังคิดหาวิธีปลีกตัวออกไป
ทว่าแม่ทัพเว่ยยังไม่ทันคิดวิธีได้ จู่ๆ ก็มีธนูหนึ่งดอกฝ่าผ่านเหนือศีรษะของฝูงชนจากด้านหลัง จากนั้นก็ยิงลงบนเป้าสีแดงตรงกลาง
เหล่าทหารรักษาการณ์รู้สึกกระวนกระวายทันที ต่างชักดาบหันหลังไป หยาจวิ้นก็ยิ่งต้องคุ้มครององค์หญิงคังผิงไว้ จึงตะโกนถามด้วยเสียงเคร่งขรึม “ใครบังอาจยิงธนูจากด้านหลังองค์หญิง! ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่หรือไม่!”
“ฮ่าๆ…” เสียงหัวเราะดั่งกระดิ่งเงินดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สตรีสวมชุดขี่ม้าสีนิลกำลังควบม้าสีนิลวิ่งมาตรงหน้าองค์หญิงคังผิงอย่างว่องไว จากนั้นก็ลงจากม้า ร่างเล็กดูแข็งแรง ท่าทางดูกระฉับกระเฉง เพียงมองก็รู้ว่าต้องเป็นสตรีที่มานะบากบั่น
“พี่คังผิง ข้ากำลังหยอกท่านเล่นน่ะ!” ผู้มาเยือนยืนตรงหน้าองค์หญิงคังผิงด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“บังอาจ!” หยาจวิ้นชี้หน้าสบถหยาบผู้ที่มาเยือน “เจ้าคือใคร บังอาจทำเช่นนี้กับองค์หญิง ฮือ…!” หยาจิว้นเพิ่งจะกล่าวจบก็มีเสียงร้องทุกข์ทรมานและเสียงบางอย่างดังขึ้น ทุกคนต่างเงยหน้ามอง ใบหน้ารูปงามของหยาจวิ้นมีรอยเลือดหนึ่งจุด
“เหยาเอ๋อร์!” องค์หญิงคังผิงตะโกนด้วยความโมโห “เจ้าจะทำอะไร!”
อวิ๋นเหยายิ้มอย่างไม่แยแส แล้วเชิดหน้าใส่หยาจวิ้นพลางพูด “พี่สาว ท่านไปหาสุนัขรับใช้เช่นนี้มาจากไหนกัน ไม่มีมารยาทเลย บังอาจพูดจาหยาบคายกับเปิ่นจวิ้นจู่! ข้าจะสั่งสอนเขาแทนท่านหน่อย จะได้ไม่ต้องไปพูดหยาบคายกับผู้ที่สูงศักดิ์กว่าพี่สาว แล้วสร้างปัญหาให้ท่านในภายหลังอีก”
“อวิ๋นเหยา!” องค์หญิงคังผิงมองรอยเลือดบนใบหน้าของหยาจวิ้นอย่างเป็นห่วง พร้อมต่อว่าด้วยความโมโห “เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
“แหม! พี่สาวเป็นห่วงเขาหรือ” อวิ๋นเหยาเดินหน้าส่งยิ้มเบิกบาน พลางทำท่างทางหยอกล้อแล้วมองหน้าหยาจวิ้น ยกมือดึงถุงบุหงาที่แขวนอยู่ตรงเอว จากนั้นเอาขวดกระเบื้องสีขาวออกมาโยนให้หยาจวิ้น “นี่เป็นยาชั้นดีสมานแผลชั้นนอก แค่ได้ทาก็จะดีขึ้นเอง ไม่ทิ้งรอยใดๆ แน่นอน”
พูดจบ อวิ๋นเหยามองเว่ยจางที่อยู่ด้านข้างปราดเดียว พลางหุบยิ้มหยอกเย้า “นี่เป็นยาชั้นดีที่ฮูหยินแม่ทัพฝู่ปั๋วคิดค้นขึ้นแน่ะ ใต้หล้านี้มีเพียงขวดเดียวเท่านั้น”
ต่อให้หยาจวิ้นได้รับการโปรดปรานจากองค์หญิงคังผิง ก็แค่ได้รับการโปรดปรานเท่านั้น ทว่าต่อหน้าอวิ๋นเหยาจวิ้นจู่ เขากลับไม่มีความสำคัญอะไรเลย
และองค์หญิงคังผิงคงไม่มีทางหนุนหลังบ่าวที่โปรดปรานเพื่อหักหน้าอวิ๋นเหยาหรอก ดังนั้นจึงเก็บความไม่สบอารมณ์ไป พร้อมถามด้วยสีหน้าเย็นชา “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
อวิ๋นเหยามองเว่ยจางอีกครั้ง พร้อมพูดว่า “ข้าติดตามพี่ชายมา พี่ชายได้ยินว่าแม่ทัพเว่ยมาที่นี่ มีธุระต้องปรึกษาหารือกันพอดี กลับไม่รู้ว่าพี่สาวกำลังเสวนากับแม่ทัพอยู่ ฉะนั้นจึงสั่งให้ข้ามาถามว่าเมื่อใดพี่สาวถึงจะคุยกับแม่ทัพเว่ยเสร็จ จะได้เชิญแม่ทัพเว่ยไปทางโน้น”
“เจ้ามาพูดเท่านี้เองหรือ เหตุใดถึงยังเปลี่ยนนิสัยใจร้อนนี้ไม่ได้อีก เอะอะก็จะเอาแส้โบยคนอื่นเช่นนี้ อนาคตเจ้าจะทำอย่างไร” องค์หญิงคังผิงมองรอยเลือดบนใบหน้าของบ่าวที่โปรดปรานด้วยความรักและเอ็นดู
“อั๊ยยา ข้าก็เอายาให้เขาแล้วนี่ พี่สาวยังไม่เลิกพูดถึงเรื่องนี้อีก เช่นนั้นข้ากล่าวคำขอโทษกับพี่สาวดีหรือไม่ หรือว่า พรุ่งนี้ข้าจะส่งบ่าวที่โดดเด่นกว่านี้ให้พี่สาวถึงจวน ท่านว่าดีหรือไม่” อวิ๋นเหยายิ้มเบิกบานพลางมองหยาจวิ้นเพียงชั่วพริบตา ใบหน้าเคล้าด้วยรอยยิ้มหยอกเย้า
“พอเถอะ” ต่อให้องค์หญิงคังผิงหน้าด้านเพียงใดก็รับไม่ได้กับคำพูดของอวิ๋นเหยา จึงปั้นหน้าเย็นชา “เจ้าไม่ใช่ว่ามาหาแม่ทัพเว่ยหรือ ข้าไม่มีธุระอะไรแล้ว พวกเจ้าไปได้แล้ว”
เว่ยจางที่ชมเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ สุดท้ายก็เอ่ยพูด “กระหม่อมขอตัวพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงคังผิงตอบอืมอย่างไม่เต็มใจ แล้วดึงหยาจวิ้นออกจากสนามยิงธนูก่อน อวิ๋นเหยามองพวกเขาจากไปพลางยิ้มเย้ยหยัน พร้อมทั้งเหลือบตาเว่ยจางเพียงคราเดียว หมุนตัวขึ้นรถม้า เร่งม้าจากไปทันที
เว่ยจางค่อนข้างแปลกใจ ทว่าก็ไม่ได้คิดมากอะไร จูงเฮยเฟิงพลางควบขึ้นไป จากนั้นก็ตามเหยาเยี่ยนอวี่ไป รอให้เขาหาเหยาเยี่ยนอวี่เจอ แล้วถามเซี่ยวเว่ยในค่ายทหาร สุดท้ายถึงจะรู้ว่าอวิ๋นคุนไม่ได้มาเยือน
เหยาเยี่ยนอวี่มองสีหน้าของเว่ยจาง จึงอดรู้สึกไม่สบอารมณ์ในใจไม่ได้ ทว่าก็ถามด้วยความสงสัย “ใครบอกเจ้าว่าเฉิงอ๋องซื่อจื่อมา”
เว่ยจางยิ้มจางๆ แล้วเล่าเรื่องที่อวิ๋นเหยาโบยบ่าวที่องค์หญิงคังผิงโปรดปรานไปหนึ่งรอบ พร้อมพูดว่า “นางบอกว่าท่านซื่อจื่อมีเรื่องจะปรึกษาหารือกับข้า ข้ายังนึกว่าเป็นความจริง นึกไม่ถึงว่ากลับหาข้ออ้างเช่นนี้”
“ฮ่า! แม่ทัพเว่ยน่าเกรงขามยิ่งนัก องค์หญิงและจวิ้นจู่ต่างก็ศึกชิงรักหักสวาทท่าน จนถึงกับใช้แส้แล้ว” เดิมทีแม่ทัพเว่ยอยากให้เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกสบายใจขึ้น ทว่ากลับนึกไม่ถึงว่าพออธิบายเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้นางสบายใจ กลับทำให้นางไม่สบอารมณ์กว่าเดิม
“เจ้าหมายความว่าอะไร” เว่ยจางเห็นฮูหยินกำลังเร่งม้าจากไป รีบยื่นมือไปจับบังเหียนของเถาเยาไว้ “อยู่ดีๆ ก็โกรธอะไรเล่า”
“ข้าโกรธตรงไหน ข้าเพียงแต่ดื่มน้ำส้มสายชูเยอะไปหน่อยเท่านั้น” เหยาเยี่ยนอวี่ยกมือผลักมือเว่ยจางออก แล้วโบยเถาเยาแรงๆ หนึ่งที
เถาเยาเจ็บจนร้องหนึ่งที จากนั้นก็วิ่งอย่างรวดเร็ว
“นี่! อย่าวิ่งเร็วขนาดนั้น!” เว่ยจางตะโกนขึ้น รีบเร่งม้าตามไป
เหยาเยี่ยนอวี่เลือกสถานที่กันดารโดยเฉพาะ ไม่นานก็ออกจากเขตสนามฝึกแล้วเข้าไปในผืนป่าแห่งหนึ่ง ค่ายทหารซีและเขตล่าสัตว์ภูเขาซีอยู่ใกล้กัน หากมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ของค่ายทหารก็คือภูเขาสูง ภูเขาปกคลุมไปด้วยต้นไม้หนาแน่น นั่นเป็นแดนสุขาวดีของสัตว์ป่า เถาเยาพานายหญิงวิ่งเข้าไปในผืนป่าเสร็จก็ช้าลง พอเจอน้ำธารก็ค่อยๆ หยุดลง จากนั้นก้มหน้าดื่มน้ำ
เหยาเยี่ยนอวี่กวาดสายตามองไปรอบทิศ รู้สึกว่าที่นี่สงบสุขมาก กลับเป็นสถานที่พักผ่อนที่ดี ฉะนั้นจึงกระโดดลงจากหลังม้า แล้วนั่งลงไปล้างหน้า เอาผ้ามาเช็ดหยดน้ำบนใบหน้า
เว่ยจางก็ตามไปด้วย เห็นฮูหยินนั่งลงริมลำธาร จึงถอนหายใจเบาๆ แม่ทัพเว่ยไม่กลัวอะไรทั้งนั้น กลัวแต่ว่าฮูหยินจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้พอเห็นนางนิ่งงันไป จึงตบเฮยเฟิงด้วยความสบายใจ แล้วปล่อยให้มันไปหาหญ้ากินเอง
“เจ้ายิ่งอยู่ยิ่งดื้อดึงทุกที” แม่ทัพเว่ยนั่งลงข้างฮูหยิน ยื่นมือไปตักน้ำมาดื่ม