หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 475 ศัตรูตระหนก เตรียมแผนรับมือ (1)
ตอนที่ 475 ศัตรูตระหนก เตรียมแผนรับมือ (1)
“รำคาญข้าแล้วหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่ยกคิ้วมองเขา แล้วยกมือสะบัดผ้าเช็ดหน้าใส่เขา จากนั้นเหยียดกายลุกขึ้น
เว่ยจางรับผ้ามาเช็ดหน้า แล้วลุกขึ้นตามไปด้วย “มีอย่างเจ้าที่ไหนเล่า เหตุใดถึงไม่มีเหตุผลเช่นนี้”
“องค์หญิงและจวิ้นจู่มีเหตุผลพอ เจ้าก็ไปหาพวกนางเถอะ” เหยาฮูหยินทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ แล้วนั่งลงบนก้อนหินสีนิลที่อยู่ใต้ต้นไม้
เว่ยจางก็ตามไปนั่งด้านข้าง แล้วพูดยิ้มๆ “เอาเถอะ อย่าโกรธกันอีกเลย นอกจากเจ้า ข้าไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ต่อให้เป็นเทพธิดาก็จะไม่เหลือบมองแม้แต่น้อย ดีไหม”
“เจ้าอยากมองก็มองไปสิ” เหยาฮูหยินยังรู้สึกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ต่อให้จะพูดประจบอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
แม่ทัพเว่ยลำบากใจขึ้นมาทันที ทีแรกเขาก็เป็นคนที่พูดจาอ่อนหวานไม่เป็นอยู่แล้ว เวลานี้เห็นได้ชัดว่าฮูหยินไม่ยอมยกโทษให้ ให้ใช้คำพูดโน้มน้าวปกติคงกล่อมให้นางใจอ่อนไม่ได้ แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี
ภายในใจของเหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ทว่ากลับไม่ได้ถึงขั้นที่ขาดสติ นางรู้ว่าเว่ยจางจริงใจกับตน และรู้ว่าเขาไม่ได้อะไรกับองค์หญิงคังผิง ยิ่งไม่มีทางโปรดปรานอวิ๋นเหยา
ทว่าว่าไปแล้ว ตอนที่เหล่าสตรีกินน้ำส้มสายชู ส่วนมากก็ต้องกล่อมให้คืนดีกันดีๆ อยู่แล้ว เหยาฮูหยินเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น เพียงแต่ว่านางนั่งคอยอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่น้อยอกน้อยใจไปนานเพียงใด บุรุษที่อยู่ข้างกายก็ไม่มากล่อมแม้แต่น้อย นี่มันอะไรกันเนี่ย
เหยาฮูหยินรอจนทนไม่ไหว หันไปกำลังจะโวยวายใส่เขา…แม่ทัพเว่ยกลับนอนอยู่ด้านข้าง หลับ ไป แล้ว!
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เหยาฮูหยินที่รู้สึกไม่เป็นธรรมในใจ ตอนนี้ก็ยิ่งโมโหเดือดพล่านกว่าเดิม!
“ฮึ!” นางโยนหญ้าในมือลงบนหน้าของใครบางคนอย่างเต็มแรง แล้วลุกขึ้นกำลังเดินจากไป จู่ๆ ใครบางคนก็ยื่นมือออกมาจับข้อเท้านางไว้
“ว้าย…” เหยาฮูหยินตะโกนพลางล้มเข้าไปในอ้อมกอดของใครบางคน
ทันใดนั้นนางก็ดิ้นไปดิ้นมาพลางสบถหยาบด้วยความโมโห
“ไอ้สารเลว!”
“ปล่อยข้า!”
“ตาบ้า!”
“เจ้าไสหัว…ไป…อื้ม…”
จู่ๆ เขาก็จุมพิตนางอย่างดุเดือด ทำให้เหยาฮูหยินที่พยายามดิ้นจนตาแดง แม้กระทั่งเกือบจะหลั่งน้ำตาออกมา แม่ทัพเว่ยถึงจะยอมปล่อยนางออก
“ตาบ้า! เจ้านี่เหตุใดถึงน่ารำคาญเช่นนี้…” เหยาฮูหยินอยู่ในอ้อมกอดของแม่ทัพเว่ยแล้วพร่ำบ่นอย่างไม่พอใจ
“ยังจะโวยวายอีกหรือ ข้าไม่รู้ว่าจัดการเจ้าอย่างไรแล้ว ยัยตัวแสบ” แม่ทัพเว่ยใช้นิ้วหยาบกร้านลูบหางตาของฮูหยิน เสียงทุ้มต่ำแหบพร่านั้นฟังแล้วเย้ายวนใจยิ่งนัก
“ปล่อยข้า!” เหยาฮูหยินรู้สึกไม่สบอารมณ์อีกแล้ว
“ไม่ปล่อย” แม่ทัพเว่ยกระชับแขนให้ตึงกว่าเดิม กอดรัดนางแน่นขึ้น
“ข้าหิวแล้ว!” เหยาฮูหยินต่อต้านโดยบิดเรือนร่างไปมา “นี่มันยามใดแล้ว เจ้าจะให้ข้าหิวตายกลางป่าหรือไร”
แม่ทัพเว่ยเงยหน้ามองฟ้า นี่ได้เวลาเที่ยงแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงอุ้มฮูหยินในอ้อมกอดไปไว้ด้านข้าง แล้วกำชับด้วยเสียงเบา “เจ้าอยู่ที่นี่ดีๆ ล่ะ ข้าจะไปหาอะไรให้เจ้ากิน” ขณะพูด แม่ทัพก็ลุกขึ้น จากนั้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปในป่าลึก
“นี่…เร็วหน่อยนะ!” เหยาเยี่ยนอวี่ตะโกนใส่เขาที่กำลังเดินจากไป
“วางใจเถอะ เร็วมากอยู่แล้ว” แม่ทัพเว่ยไม่หันกลับไป สาวเท้าก้าวใหญ่เข้าไปในป่า
เหยาเยี่ยนอวี่มองร่างของเขาที่กลมกลืนไปกับป่าเขียวขจีจึงถอนหายใจเบาๆ พลางเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ จากนั้นสะบัดเสื้อคลุมพลางนอนไขว้ขาบนก้อนหิน
อากาศฤดูใบไม้ผลิค่อนข้างอบอุ่น ลมพัดแผ่วเบา บรรยากาศกลางป่าพงไพรนี้เคล้าด้วยกลิ่นหญ้า เหยาฮูหยินนอนไขว้ขาบนก้อนหินสีนิล ไม่นานก็หลับใหลไป
จากนั้น ก็สัมผัสถึงความผิดปกติถึงได้ตื่นขึ้นมา เหมือนนางถูกอะไรบางอย่างจับจ้องไว้ ทั้งร่างเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
นางลืมตาขึ้นอย่างกังวลใจ จึงสบตากับแววตาอันลุ่มลึกที่กำลังยิ้มอย่างมีเลศนัย บุรุษแปลกหน้านี้เหมือนจะหน้าคุ้นๆ แก้มขาวผ่องมีรอยเลือดหนึ่งจุด ทันใดนั้นก็สะดุ้งตกใจ…นี่ไม่ใช่หยาจวิ้นที่ถูกอวิ๋นเหยาใช้แส้โบยหรือ
“ว้าย…” เหยาฮูหยินกำลังจะตะโกนอย่างตกใจ คนคนนั้นก็ยกมือปิดปากนางไว้
“อย่าขยับ…โอ๊ย!” หยาจวิ้นยังไม่ทันพูดจบ หินเล็กลอยมาจากด้านข้าง แล้วกระทบลงบนข้อมือของเขา ทำให้รู้สึกเจ็บจนต้องดึงมือกลับมา
จากนั้นก็มีลมพัดมาจากด้านข้าง เขาตั้งใจหลบไปด้านหลัง จึงหลบเท้าที่ทะยานมา ทว่าเท้าของบุรุษผู้นั้นยังคงทะยานใส่น่องขาของเขา
‘กร๊อบ’ ดังขึ้นเสียงเบา เป็นเสียงหักของกระดูก
เหยาเยี่ยนอวี่สะดุ้งตกใจอย่างมาก และเพิ่งทันนั่งตัวตรงก็ถูกบุรุษคนหนึ่งดึงเข้าไปในอ้อมกอดแล้ว ลมหายใจที่กระทบลงหน้านั้นคุ้นเคยมาก นางจึงยื่นมือไปกอดเอวของอีกฝ่ายไว้
“อย่ากลัวเลย” มือข้างหนึ่งโอบนางไว้ ส่วนอีกข้างก็จับท้ายทอยของนาง เพื่อให้นางอยู่ในอ้อมอก
ทหารรักษาการณ์หลายสิบนายปรากฎตัวออกจากรอบทิศล้อมเว่ยจางและเหยาเยี่ยนอวี่ไว้ แล้วมีคนเข้ามาพยุงหยาจวิ้นลุกขึ้น กระดูกตรงน่องขาเขาหักไปแล้ว ตอนนี้จึงยืนขึ้นเองไม่ได้ อีกทั้งความเจ็บปวดทำให้ใบหน้าของเขาบูดบึ้ง แววตายังคงเลือดเย็น
เว่ยจางกลับไม่สนใจเขา แค่หันไปมององค์หญิงคังผิง พร้อมถามด้วยความเย็นชา “องค์หญิงต้องการทำสิ่งใด”
องค์หญิงคังผิงยิ้มบางๆ แล้วตรัสด้วยเสียงเรียบ “ท่านแม่ทัพคิดมากเกินไปแล้ว หยาจวิ้นเพิ่งจะทูลข้าว่ารู้สึกคุ้นหน้าฮูหยินของเจ้า กลับนึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน ดังนั้นเลยอยากจะมองใกล้ๆ ” กล่าวจบ สีหน้าก็เยือกเย็นขึ้นทันที สายตาเคล้าด้วยความโมโหเดือดพล่าน “กลับนึกไม่ถึงว่าแม่ทัพเว่ยจะอำมหิตใช้ขาถีบกระดูกน่องของเขาจนหักเช่นนี้”
เว่ยจางมองหยาจวิ้นอย่างเย็นชา “เขาจงใจล่วงเกินภรรยาของข้า ข้าไม่ฆ่าเขาตายก็ถือเป็นให้เกียรติองค์หญิงแล้ว”
องค์หญิงคังผิงถามกลับอย่างไม่พอพระทัย “พูดเช่นนี้ แสดงว่าให้เกียรติข้ามากสิ?”
เว่ยจางกวาดมองมือขวาของหวาจวิ้นด้วยความเย็นชา แล้วไม่ได้พูดอะไรออกมา คนคนนี้หากไม่ใช่คนขององค์หญิงคังผิง เขาต้องสังหารเขาไปด้วย กล้าเอามือปิดปากภรรยาเขา เพียงแค่หักข้อมือและน่องขาของเขาก็ถือว่าเบาไป!
“แม่ทัพเว่ยทำร้ายคนไปเรื่อยเปื่อย จะไม่อธิบายอะไรหน่อยเลยหรือ” องค์หญิงคังผิงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ
“ไม่ทราบว่าองค์หญิงต้องการให้อธิบายอะไร” เว่ยจางที่กำลังขุ่นเคือง น้ำเสียงจึงไม่ค่อยเป็นมิตร
หยาจวิ้นกลับยิ้มจางๆ “องค์หญิงอย่าโกรธเคืองไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เป็นไร คิดว่าแม่ทัพเว่ยก็คงรักและเป็นห่วงภรรยาเกินไป เลยเห็นว่ากระหม่อมเป็นคนร้าย”
“เจ้ายังพูดเข้าข้างเขาอีก” องค์หญิงคังผิงขมวดคิ้ว
“แม่ทัพเว่ยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของแคว้น กระหม่อมเป็นเพียงต้นกล้าเล็กๆ องค์หญิงได้โปรดเห็นแก่ราชสำนัก อย่าทำให้แม่ทัพเว่ยลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ” หยาจวิ้นคารวะ ท่าทางนั้นดูเที่ยงธรรมอย่างมาก
“เหอะ” องค์หญิงคังผิงถลึงตามองเว่ยจาง พร้อมตรัสอย่างไม่เต็มใจ “เอาเถอะ ไหนๆ เจ้าก็พูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็หยุดเรื่องนี้เพียงเท่านี้! ทว่าแม่ทัพเว่ย…เจ้าทำตัวให้ดีแล้วกัน” กล่าวจบ องค์หญิงคังผิงผายมือ ทหารรักษาการณ์หลายสิบคนที่นางพามาและบ่าวคนสนิทที่ถูกทำร้ายร่างกายเมื่อครู่นี้ก็จากไป