หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 476 ศัตรูตระหนก เตรียมแผนรับมือ (2)
ตอนที่ 476 ศัตรูตระหนก เตรียมแผนรับมือ (2)
เหยาเยี่ยนอวี่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเว่ยจาง รอให้คนพวกนั้นจากไป เว่ยจางถึงจะดึงนางออกจากอ้อมกอด แล้วสังเกตมองทุกซอกทุกมุมของนางด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร” ถึงแม้เขาจะจับท้ายทอยนางไว้เมื่อครู่นี้ ทว่าก็ได้ยินคำพูดคนของพวกนั้นอย่างชัดเจน “พวกเขาประหลาดมาก”
“หืม?” เว่ยจางจัดเส้นผมยุ่งเหยิงของนาง แล้วไม่ได้สนใจคำพูดของฮูหยินตนเอง
เหยาเยี่ยนอวี่มองเว่ยจางอย่างตั้งใจ พร้อมถาม “เจ้าไม่รู้สึกว่าพวกเขาแปลกมากหรือ บุรุษคนนั้นจ้องจะหาเรื่องข้า จากนั้นพูดจาเข้าข้างพวกเรา? นี่ไม่สมเหตุสมผลเกินไปหรือเปล่า”
“เป็นเพียงการแสร้งปล่อยเพื่อจับเท่านั้น ไม่ต้องไปสนใจหรอก” เว่ยจางยิ้มอย่างดูหมิ่น เรื่องวันนี้ต่อให้องค์หญิงคังผิงโวยวายถึงฮ่องเต้ เขาก็ไม่กลัวอยู่แล้ว บุรุษแปลกหน้าคนหนึ่งเข้าใกล้ภรรยาตนเอง ผู้ที่เป็นสามี หากอดทนกับสถานการณ์เช่นนั้นได้ก็คงไม่ใช่บุรุษแล้ว
“เจ้าหมายถึงการกระทำขององค์หญิงคังผิงที่มีต่อเจ้าหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่ถามด้วยแปลกใจ
เว่ยจางยิ้มจางๆ “นางแอบดึงขุนนางในราชสำนักมาเป็นพรรคพวกเดียวกัน ไม่ใช่ความลับอะไรอีกต่อไปแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่ตกตะลึงทันที “นางคิดจะทำอะไร”
“ไม่รู้” เว่ยจางยกยิ้มพลางหมุนตัวไปเอากระต่ายป่าสีเทาที่ไปล่ามาเมื่อครู่นี้แขวนบนกิ่งไม้ จากนั้นชักดาบสั้นในรองเท้าออกมา แล้วลอกหนังกระต่ายออกอย่างรวดเร็ว ผ่าท้องควักเครื่องในออก แล้วเอาไปล้างน้ำตรงริมลำธาร
เหยาเยี่ยนอวี่ตามไปนั่งลงข้างกายของเว่ยจาง แล้วพูดด้วยคิ้วขมวด “ข้ารู้สึกว่าบุรุษตาทรงสุนัขจิ้งจอกคนนั้นดูคุ้นๆ เจ้ารู้สึกเช่นนั้นหรือไม่ พวกเราเหมือนเคยเจอเขาจากที่ไหนมาก่อน”
เว่ยจางหยุดชะงักพลางหันไปมองนางที่กำลังทำสีหน้าสงสัย แล้วยิ้มน้อยๆ “ข้าไม่ได้รู้สึกว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน นึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึกแล้ว” ในหัวของฮูหยินตนเองคิดถึงแต่บุรุษคนอื่น ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ค่อยดียิ่งนัก!
“นี่ เจ้า?” เหยาเยี่ยนอวี่มองเว่ยจางจัดการกับกระต่ายจนสะอาด จากนั้นเอาหินสองก้อนมาวางไม่ให้เนื้อกระต่ายลอยไปกับกระแสน้ำ แล้วค่อยลุกขึ้นยืน “เจ้าจะทำอะไรอีก”
“ไปตัดฟืนมาปิ้งอย่างไร”
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
“อืม ไป”
ทั้งสองเดินไปได้ไม่ไกล แค่เก็บฟืนระแวกนี้มาไม่มาก ระหว่างนั้นเว่ยจางยังเด็ดใบไม้ไปด้วย เหยาเยี่ยนอวี่ถามว่าจะเอาไปทำอะไร เขาส่งยิ้มแล้วยื่นใบไม้พวกนั้นมาตรงปลายจมูกของเหยาเยี่ยนอวี่ “ดมดู”
“หือ?” เหยาเยี่ยนอวี่สูดดม ก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เข้าไปในจมูก “เครื่องเทศ?”
เว่ยจางพยักหน้าด้วยรอยยิ้มอ่นๆ “เป็นใบเครื่องเทศของสัตว์ป่า ประเดี๋ยวต้องใช้ต้องปิ้งกระต่าย”
“แล้วอันนี้ล่ะ?” เหยาเยี่ยนอวี่หยิบใบไม้เล็กๆ พลางถาม
“นี่เป็นใบพริกไทย แม้กระทั่งนี่เจ้ายังไม่รู้จักอีกหรือ”
“อ๋า? ใบไม้?” เหยาเยี่ยนอวี่จึงเอามาดมดู เป็นกลิ่นของพริกไทยจริงด้วย
“เจ้าเคยเห็นแค่เม็ดพริกไทยดำในโรงครัวเท่านั้นใช่ไหม นั่นคือต้นพริกไทย หมอหลวงเหยาหนอ” เว่ยจางชี้ต้นไม้ต้นหนึ่งให้เหยาเยี่ยนอวี่ดู
“อ้อ?” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า ที่แท้เจ้าหมอนี่ไม่เพียงแต่รู้วิชาการต่อสู้เท่านั้น
“สิ่งที่เจ้ารู้ไม่น้อยเลย” เหยาฮูหยินเดินอยู่ด้านหลังสามี แล้วเอาผ้าเด็ดหน้าห่อใบเครื่องเทศและใบพริกไทยไว้
เมื่อฮูหยินตนเองเชยชม จึงรู้สึกมีความสุขมาก เว่ยจางหันไปส่งยิ้ม ยกมือนวดขมับของฮูหยินหนึ่งที จากนั้นพูดด้วยเสียงต่ำ “ตอนทำศึกสงคราม มักจะขาดแคลนอาหารอยู่บ่อยๆ ทำให้ตนเองได้กินดีหน่อย ไม่ดีกว่าหรือ”
ทั้งสองเก็บกิ่งไม้แห้งกลับไปไม่น้อย หลังจากนั้นก็เริ่มเผาไฟ เว่ยจางเหลากิ่งไม้พลางยัดเครื่องเทศเข้าไปในท้องของกระต่ายแล้วใช้ไม้เสียบพลางปิ้งบนไฟ จากนั้นเอาถุงหนังที่แขวนอยู่ตรงแอกม้าของเฮยเฟิงมา แล้วค้นเกลือในนั้น
เหยาฮูหยินอดเปรยไม่ได้ “เจ้าพกพาของมาครบครันจริงๆ ”
เว่ยจางหันไปมองนาง พร้อมยิ้มอย่างรักใคร่ “อืม ต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา”
เหยาฮูหยินยิ้มจางๆ “เตรียมอะไรพร้อมตลอดเวลา หนีออกจากจวนหรือ”
“อืม ขืนวันใดถูกฮูหยินไล่ออกจากจวน จะได้ไม่ถึงขั้นหิวตาย”
“เชอะ! เหลวไหลไปกันใหญ่!” เหยาฮูหยินตวาดด้วยรอยยิ้มจางๆ
แสงแดดเจิดจ้า ผืนป่าเงียบสงบ เนื้อกระต่ายปิ้งหอมกรุ่น แล้วยังมีคนที่หมายดองอยู่เคียงข้าง หากมองข้ามคำพูดไม่สบอารมณ์ขององค์หญิงคังผิงเมื่อครู่นี้ไป ถือว่าเป็น ‘การท่องป่าที่สนุกสนาน’ ยิ่งนัก เป็นเวลาที่สบายใจอย่างยิ่ง
ทั้งสองแบ่งกันกินกระต่ายปิ้งอันเลิศรสเสร็จ เหยาเยี่ยนอวี่ห่มเสื้อคลุมของเว่ยจางพลางนอนบนก้อนหินสักพัก แม่ทัพเว่ยหลับตาเฝ้านางอยู่ข้างๆ หลังจากรอนางนอนหลับอย่างเงียบๆ เสร็จ ทั้งสองถึงจะเก็บของขี่ม้ากลับจวน
ตอนกลางคืนไม่มีอะไรทำ เหยาเยี่ยนอวี่อ่านตำราสักพักก็นอนพักแต่เนิ่นๆ
เว่ยจางยุ่งกับงานในห้องอักษรด้านหน้าถึงยามสองถึงจะกลับเรือน พอกลับเรือนก็เห็นฮูหยินหลับสนิทไปแล้ว จึงไม่ได้ให้สาวใช้มาปรนนิบัติ ตนเองเข้าสุขาไปหน้าล้างแปรงฟัน แล้วขึ้นเตียงด้วยฝีเท้าแผ่วเบา จากนั้นตลบผ้าห่มนอนลงอย่างเงียบๆ กลัวว่าฮูหยินจะตื่น
หลังจากนอนลงไป เว่ยจางก็ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับองค์หญิงคังผิงที่คุยกับถังเซียวอี้เมื่อครู่นี้ หากองค์หญิงคนหนึ่งอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ก็ต้องมั่งคั่งจนถึงตอนแก่ ขืนทำอะไรที่ไม่พึงกระทำ ต่อให้บิดาของนางเป็นถึงฮ่องเต้ ก็ยากที่จะสิ้นทุกข์
เว่ยจางครุ่นคิดอย่างสะลืมสะลือ แล้วกำลังจะหลับไป ฮูหยินที่อยู่ข้างกายตะโกน ‘อ๊า’ ทันที จึงลุกขึ้นมานั่งทันที
“เป็นอะไรไป” เว่ยจางพลันลุกขึ้นมากอดนางไว้ พลางลูบหลังให้นางเบาๆ จากนั้นพูดอย่างอ่อนโยน “ฝันร้ายหรือเปล่า ไม่ต้องกลัว เป็นเด็กดี ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่”
“คือเขา…เสี่ยวจวิ้น คือเขา…” เหยาเยี่ยนอวี่จับคอเสื้อของเว่ยจางไว้แน่นๆ หน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “คนที่เคยลอบทำร้ายพวกเรา…”
“ใคร” เว่ยจางกอดฮูหยินชุ่มด้วยเหงื่อทั้งตัว เรือนร่างสั่นเทาไม่หยุด จึงรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก “อย่ากลัวเลย บอกข้าว่าเป็นใคร”
“หยาจวิ้น” เหยาเยี่ยนอวี่พิงกลางอกของสามี ลมหายใจกระทบลงบนร่างของเขา แล้วจิตใจค่อยๆ สงบลง “คนที่นามว่าหยาจวิ้น ก็คือลอบทำลายพวกเราตอนอยู่ทะเลสาบเซียนหนู่…ดวงตาคู่นั้นของเขา…ข้าจำไม่ผิดแน่นอน”
ในฝันเมื่อครู่นี้เสมือนจริงอย่างมาก ท้องฟ้าโปรยปรายด้วยหิมะสีขาวโพลน จู่ๆ ก็มีคนมาลอบสังหาร ทำให้คนมากมายต้องตาย แล้วยังมีอีกมากมายที่ได้รับบาดเจ็บ นางเพียงแค่หันกลับไป ก็เห็นคนคนนั้นกำลังใช้ดาบแทงหัวใจของเว่ยจาง เลือดสาดกระจาย เขากลับยิ้มอย่างโหดเหี้ยม แววตาดั่งสุนัขจิ้งจอกนั้นยากที่จะคาดเดา จวบจนตื่นขึ้นมาในตอนนี้ เหยาเยี่ยนอวี่เหมือนยังได้กลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งกระจายไปทั่วฟ้า
“จริงหรือ!” เว่ยจางตื่นตระหนกในใจทันที หากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเรื่องนี้คงไม่ธรรมดาแน่นอน
“ต้องเป็นเขาแน่นอน!” เหยาเยี่ยนอวี่พูดอย่างมั่นใจ “วันนั้นดาบของเขาปาดเสื้อข้าจนขาด สายตาที่เขามองข้าแปลกประหลาดเช่นนั้น ข้ามั่นใจว่าเป็นเขา! เขากลับมาเมืองหลวงอวิ๋น! กลับเข้าไปเป็นบ่าวในจวนองค์หญิง…นี่ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ไม่ต้องกลัว ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเขาคือใคร ก็ยังต้องหวาดกลัวอยู่ ทว่า” เว่ยจางเพียงแค่ตกตะลึงชั่วขณะ หลังจากนั้นจิตใจก็นิ่งสงบ เขาตบหลังฮูหยินเบาๆ มืออีกข้างลูบผมยาวสลวยของนาง พร้อมกล่อมด้วยเสียงต่ำ “ตอนนี้พวกเรารู้ตัวตนของเขาแล้ว เขาไม่มีอะไรน่ากลัวอีก”