หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 479 ศัตรูตระหนก เตรียมแผนรับมือ (5)
ตอนที่ 479 ศัตรูตระหนก เตรียมแผนรับมือ (5)
เหยาเยี่ยนอวี่เลือกปิ่นทรงดอกไห่ถัง แล้วผลักชุดที่เป็นดอกฝูหรงให้หร่วนฮูหยิน “เจ้าเก็บชุดนี้ไว้เถอะ เครื่องประดับสีเรียบเช่นนี้ไม่ค่อยได้สวมใส่มากหรอก รอให้ผ่านเรื่องพวกนี้ไปก็คงจะไม่ได้ใช้มันอีก”
ทีแรกหร่วนฮูหยินสั่งทำมาสองชุด อยากให้เหยาเยี่ยนอวี่เลือกหนึ่งชุด อย่างไรเครื่องประดับสีเรียบก็ไม่ควรเป็นของขวัญส่งมอบให้คนอื่น เพราะเห็นว่าฮูหยินเป็นครอบครัวเดียวกัน จึงคิดว่านางคงต้องการใช้ของเหล่านี้ ถึงได้ส่งมอบมาให้นาง ดังนั้นจึงตอบกลับ “ฮูหยินกล่าวถูก”
เหยาเยี่ยนอวี่คุยกับหร่วนฮูหยินไปสองคำประโยค เหตุเพราะฟ้าค่อยๆ มืดลง หร่วนฮูหยินลุกขึ้นกล่าวอำลา เหยาเยี่ยนอวี่คิดว่าเฮ่อซีน่าจะกลับมาแล้ว จึงไม่ได้รั้งให้นางอยู่ต่อ เพียงแค่สั่งให้เฝิงหมัวมัวเอาผ้าต่วนสีเรียบให้นางสองผืน แล้วส่งนางออกไปด้านนอก
ตอนกลางคืน เว่ยจางกลับมา หลังจากกินมื้อค่ำกับเหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่ได้กลับห้องอักษร แล้วจูงมือเหยาเยี่ยนอวี่ไปเดินเล่นสวนหลังเรือน
“ข้ามีเรื่องอยากบอกเจ้า พวกเราเดินเล่นไปคุยไปเถอะ” เว่ยจางจูงมือเหยาเยี่ยนอวี่ออกจากประตูหลังของเรือนเยี่ยนอาน เดินผ่านห้องโถงไปสวนบุษบาด้านหลัง
ไม่รู้ว่าฉังเหมาไปหาคนสวนสองคนมาจากไหน ในฤดูใบไม้ผลินี้ สวนบุษบาเต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด
ตอนนี้ ดอกท้อและดอกลูกไหนในสวนดอกไม้กำลังแข่งกันเบ่งบานพอดี ทั้งยังเป็นช่วงที่ดอกกล้วยไม้ส่งกลิ่นหอม ลมยามค่ำพัดโชยมาพร้อมกลิ่นหอมของบุษบา ผู้ที่หมายดองเดินอยู่เคียงข้างเช่นนี้ เหยาฮูหยินหรี่ตาพิงบนแผงอกอันแข็งแรงของสามี บรรยากาศเช่นนี้ช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก
“จริงด้วย เมื่อครู่เจ้าบอกมีเรื่องจะคุยกับข้ามิใช่หรือ” เหยาฮูหยินเอ่ยถาม
“คนนามว่าหยาจวิ้น ข้าแอบไปสืบประวัติมาแล้ว”
“อ้อ? เป็นเช่นไรบ้าง” เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
“นี่ไม่น่าใช่นามแท้จริงของเขา คนที่นามว่าหยาจวิ้นเป็นซิ่วไฉ[1]ที่อาศัยอยู่นอกเมือง รูปลักษณ์หน้าตาหล่อเหลา น่าเสียดายที่เป็นคนอวดดี มักจะผิดใจกับญาติมิตร ทั้งยังยากไร้ขัดสนถึงที่สุด ได้ข่าวว่าฤดูหนาวเมื่อปีที่แล้ว เขาป่วยหนักจนหลังๆ มาไม่มีใครเจอหน้าเขาอีก ข้าคิดว่าเขาคงตายไปแล้ว คนคนนั้นเลยแอบเอาฐานะของเขามาใช้ ช่วงก่อน เหตุเพราะเรื่องที่ราชบุตรเขยเที่ยวโสเภณีถูกเปิดโปง องค์หญิงคังผิงเลยไปพักผ่อนหย่อนใจนอกเมือง จึงบังเอิญเจอกับเขา แวบแรกที่พบเขา เพียงเอ่ยถามฐานะของเขาคร่าวๆ ก็ให้เขามาติดตามอยู่ข้างกายแล้ว”
เว่ยจางพูดจบก็ถอนหายใจเบาๆ “ตอนนี้เขามีฐานะเช่นนี้ ทั้งยังใช้เกียรติคุณของการเป็นซิ่วไฉอยู่ข้างกายองค์หญิงคังผิง หากไม่ทำอะไรเกินเลย พวกเราก็เอาเรื่องอะไรเขาไม่ได้”
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว “ทว่าเขาอยู่ในเมืองหลวง แล้วยังอยู่ข้างกายองค์หญิง…นี่อันตรายเกินไปแล้ว”
“พวกเราไม่มีหลักฐานใด ต่อให้ทูลฝ่าบาท ฝ่าบาทก็อาจไม่เชื่อ” เว่ยจางถอนหายใจอย่างจนหนทาง หากคนคนนี้ไม่ได้ติดตามองค์หญิงคังผิง เขาย่อมมีวิธีทำให้เขาหายตัวไปได้อย่างไร้ร่องรอย
ทว่า ตอนนี้เขาคือคนขององค์หญิงคังผิง อีกทั้งยังกลายเป็นหัวแก้วหัวแหวนของนางไปแล้ว อย่าว่าแต่เว่ยจางเลย ต่อให้เป็นเจิ้นกั๋วกงก็ยังแตะต้องเขาไม่ได้…คนอื่นจะหาว่าตนมีเรื่องแค้นเคืองกับองค์หญิงคังผิง มิเช่นนั้นเหตุใดถึงหาว่าคนขององค์หญิงคังผิงเป็นเผ่าศัตรู
เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิด พลางถามขึ้น “เช่นนั้นเจ้าก็ส่งหาไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขาสิ”
“ข้าส่งคนคอยจับตาดูเขาแล้ว…ทว่าเจ้าก็รู้ องค์หญิงคังผิงก็บุตรีของฝ่าบาท ทหารรักษาการณ์ของตำหนักองค์หญิงคังผิงไม่ได้ธรรมดา คนของข้าไม่กล้าไปเข้าใกล้ตำหนักองค์หญิงแม้แต่น้อย ขืนโดนจับได้ขึ้นมา ก็เท่ากับว่ากำลังจับผิดองค์หญิงคังผิงอยู่ ถึงเวลานางไปร้องไห้ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ต่อให้ข้าอธิบายอย่างไรก็คงไม่มีประโยชน์”
ก็ใช่ โทษฐานที่ไปจับตาดูการเคลื่อนไหวขององค์หญิงนั้นไม่เบา เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าอย่างจนปัญญา
“ดังนั้น ตอนนี้ข้าจึงเป็นห่วงเจ้ามาก” เว่ยจางพูดไป ยกมือวางลงบนไหล่ของฮูหยิน พลางดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด นิ้วมือสัมผัสปอยผมปลายหู น้ำเสียงจนปัญญานั้นโศกเศร้าเล็กน้อย
“เป็นห่วงข้า?” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ “ตอนนี้ข้าแค่ออกจวน ก็มีคนประกบหน้าประกบหลังประมาณยี่สิบกว่าคน เจ้ายังไม่วางใจอีกหรือ”
“คนพวกนี้ล้วนเป็นบุรุษ ไม่มีใครปกป้องเจ้าอย่างใกล้ชิด” เว่ยจางก้มหน้า คางของเขาวางบนศีรษะของนาง
“หากมีทหารที่เป็นสตรีก็คงดี!”
“หากมีน้าตู้ซานอยู่ก็ดี!”
หลังจากทั้งสองถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียง เหยาเยี่ยนอวี่ก็ยิ้มอย่างขมขื่น เว่ยจางจุมพิตบนขมับของนาง แล้วเก็บความจนปัญญานี้ไว้ในใจ
ผ่านไปสักพัก เว่ยจางพูดอีกครั้ง “ข้าสั่งให้คนไปทำเกาทัณฑ์แขนเสื้อให้เจ้าแล้ว อีกสองวันก็น่าจะเสร็จ เดี๋ยวข้าจะสอนเจ้าใช้ หากเจอเรื่องอันตราย จะได้เอาไว้ป้องกันตัวหน่อย”
“เกาทัณฑ์แขนเสื้อ?” เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกไม่คุ้นเคยกับศัพท์นี้ เหมือนเคยเห็นในนิยายที่เคยอ่านเท่านั้น
“อืม ใช้งานง่ายมาก แค่ฝึกก็ได้แล้ว” เว่ยจางอธิบายด้วยเสียงต่ำ “คล้ายกับ…หน้าไม้ขนาดเล็ก ใช้กลไกในการยิง ถึงแม้อานุภาพไม่ค่อยสูง ทว่าก็พอจู่โจมคนที่อยู่ในระยะกระชั้นชิดได้”
ภายในใจของเหยาเยี่ยนอวี่ลอบถอนหายใจเบาๆ กำลังคิดในใจว่า จะเสนอปืนดินกับเขาดีไหม
เว่ยจางเห็นฮูหยินของตนนิ่งเงียบ ยังนึกว่านางกลัว จึงรีบปลอบโยนทันที “ข้าส่งคนมากมายปกป้องเจ้าตลอดเวลา แค่ป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด พวกเขารู้ว่าเจ้ารู้วิชาการแพทย์ และรู้ว่าอาจารย์ของเจ้าคือจางฉางเป่ย น่าจะไม่กล้าวางยาพิษเจ้าหรอก”
เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกร้อนใจขึ้นมา ยื่นมือวางบนไหล่ของเว่บจาง พร้อมถามด้วยเสียงต่ำ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาจ้องจะทำร้ายข้า”
“ข้าหวังเป็นอย่างมากว่าเขาไม่จ้องจะทำร้ายเจ้า ทว่าพวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่ น่าจะรู้จุดอ่อนของข้า และรู้ว่าเจ้าก็คือจุดอ่อนของข้า อยากจะจู่โจมข้า ก็ต้องลงไม้ลงมือกับเจ้าแน่นอน” เว่ยจางยื่นมือกอดเขาไว้แน่นๆ แล้วจุมพิตบนเส้นผมของนางพลางเปรยด้วยเสียงเบา “เจ้าคงรู้ดีว่า หากพวกเขาควบคุมตัวเจ้าไว้ได้ แล้วสั่งให้ข้าทำอะไร ข้าล้วนเชื่อฟัง”
เหยาเยี่ยนอวี่จุมพิตบนซอกคอของแม่ทัพ พลางยิ้มแผ่วเบา “วางใจเถอะ ข้าก็ไม่ใช่คนที่ยอมถูกรังแกง่ายๆ เช่นนั้น”
[1] ซิ่วไฉ คือ ผู้ที่สอบผ่านระดับท้องถิ่นเรียกว่าซิ่วไฉ