หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 480 ปกป้องอย่างดี ศัตรูเคลื่อนทัพ (1)
ตอนที่ 480 ปกป้องอย่างดี ศัตรูเคลื่อนทัพ (1)
เว่ยจางถอนหายใจเสียงเบา “ข้าอยากจะพับตัวเจ้าอยู่ในอ้อมกอดของข้าตลอดเวลา เช่นนี้ถึงจะรู้สึกไว้วางใจ”
เหยาเยี่ยนอวี่หลุดยิ้ม ยกมือจับติ่งหูของเขา พร้อมตวาดด้วยเสียงต่ำ “พับอะไรของเจ้า ข้าไม่ใช่กระดาษเสียหน่อย เจ้ายังชอบนวดแน่ะ!”
“ถึงแม้เจ้าไม่ใช่กระดาษ…” เว่ยจางพูดไป นิ้วมือลูบจากแผ่นหลังของนางไปด้านหน้า แล้วยิ้มด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าพับไม่ได้ นวดก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
“อ๊าย!” เหยาเยี่ยนอวี่ตะโกนด้วยเสียงตกใจ พร้อมผลักเขาออกทันที “ปล่อยข้า!”
“เจ้าเป็นคนพูดเอง” เว่ยจางจะยอมปล่อยง่ายๆ ได้อย่างไร
“ฮ่าๆ…จักจี้…อย่า…หยุดเดี๋ยวนี้! หยุด…” เหยาฮูหยินหัวเราะจนหายใจไม่ทัน แต่ต่อให้หลบซ้ายหลบขวาอย่างไรก็หลบมือของภูตผีปีศาจนี้ไม่พ้น ภายใต้สถานการณ์ที่จนปัญญา นางใช้กำลังภายในทั้งหมดที่มี ย่อตัวลงให้พ้นจากใต้วงแขนของแม่ทัพเว่ย จากนั้นก็เผ่นหนีอย่างไร้ร่องรอย
เว่ยจางยืนอยู่ที่เดิมพลางมองเหยาเยี่ยนอวี่วิ่งหนีไปอย่างมีความสุขด้วยความนิ่งงัน…เกิดอะไรขึ้น ต่อให้เขาใช้แรงส่วนน้อยจับตัวนางไว้ นางก็ไม่มีทางหลุดออกจากอ้อมกอดตัวเองหรือเปล่า!
“ฮ่า…เจ้าจับข้าไม่อยู่!” เหยาเยี่ยนอวี่วิ่งไปถึงใต้ต้นไห่ถังที่เพิ่งจะปลูกใหม่ เหตุเพราะต้นไม้ยังเล็ก ดังนั้นพอถูกนางเขย่าแล้ว กลีบดอกไม้ก็ร่วงลงบนพื้นทันที
“เป็นไปได้อย่างไร” รอยยิ้มในแววตาดำสนิทของแม่ทัพเว่ยอ่อนโยนกว่าเดิม “หากข้าจับเจ้าได้ คืนนี้ต้องฟังคำสั่งเจ้าทั้งหมดดีไหม”
“ได้ เจ้ามาจับสิ” เพราะเหยาเยี่ยนอวี่เพิ่งจะหลุดออกจากการควบคุมของเขาอย่างง่ายดาย ตอนนี้จึงตอบตกลงไปอย่างไม่หวาดกลัวอะไร จึงตกลงกับข้อเสนอของแม่ทัพเว่ยโดยไม่ทันคิดอะไร
เว่ยจางก็จงใจลองเชิง ดังนั้นตอนที่ไล่จับนางจึงไม่ได้เร็วมากนัก
เหยาเยี่ยนอวี่เห็นเขาจึงหมุนตัววิ่งหนีไป โดยไม่ตั้งใจใช้กำลังภายในของตนเอง
เว่ยจางเห็นนางก้าวเดินอย่างแผ่วเบา ไม่ได้เหมือนฝีเท้าของสตรีทั่วไปเลย จึงนึกได้ทันทีว่านางฝึกกำลังภายในมาย่างเข้าสามปีแล้ว ถึงแม้จะฝึกบ้างไม่ฝึกบ้าง ทว่าดูท่าแล้ววันนี้กลับได้ผลลัพธ์ที่ดีอยู่บ้าง
ดังนั้นเพื่อที่จะให้นางวิ่งเร็วที่สุด เว่ยจางแอบเพิ่มความเร็วตนเอง เมื่อใช้เวลาเพียงลมหายใจไม่กี่เฮือกก็จับตัวเหยาฮูหยินที่กำลังวิ่งหนีมาไว้ในกำมือตนได้
“อ๊าย! เจ้าขี้โกง!” เหยาฮูหยินผลักไหล่ของสามี พลางพร่ำบ่นด้วยความไม่พอใจ “ห้ามใช้วรยุทธ์สิ! เจ้าทำเช่นนี้แล้วใครจะแข่งกับเจ้าได้! นี่ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด!”
เว่ยจางก้มหน้าไปกัดปลายจมูกนางเบาๆ พลางจุมพิตบนหยาดเหงื่อเม็ดเล็กของนาง “เจ้าไม่ได้ใช้กำลังภายในหรือไร เพียงแค่ว่าฝีเท้าของเจ้าไม่ถูกต้องเท่านั้น”
เหยาเยี่ยนอวี่ตะลึงงัน ผ่านไปสักพักถึงจะได้สติกลับมา “เจ้าหมายความว่า?”
“ไม่เช่นนั้น ครั้งแรกเจ้าจะหลุดออกจากมือของข้าได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะว่าข้าไม่ทันได้ป้องกันตัว แล้วปล่อยช่องว่างให้เจ้าวิ่งหนี”
“อ๋า…” เหยาฮูหยินรู้สึกอึ้งไปสักพัก…หรือว่าข้าก็เป็น ‘จอมยุทธ์’ ในตำนาน?
ดวงจันทร์สว่างเต็มดวง เว่ยจางมองฮูหยินในอ้อมอกที่กำลังทำท่าทางงงงวย จึงอดยิ้มและอดจับจมูกของนางไม่ได้ “คิดอะไรอยู่”
“เช่นนั้น…ข้าก็เก่งวรยุทธ์ได้ใช่ไหม หืม?” เหยาเยี่ยนอวี่เหวี่ยงหมัด “ข้าปกป้องตัวเองได้นี่”
“เป็นไปได้อย่างไร” แม่ทัพเว่ยยิ้มจางๆ “เจ้าแค่วิ่งไปเรื่อยเปื่อยเช่นนี้ ก็แค่วิ่งเร็วกว่าพวกชุ่ยเวยหน่อยเท่านั้น”
“เหอะ” พอถูกจู่โจมด้วยคำพูดนี้ นางก็โกรธจนหันหน้าไปทางอื่น
เว่ยจางยกมือจับคางและหมุนหน้าเล็กๆ นั้นกลับมาทางเขา พลางยิ้มอย่างลุ่มลึก “แต่ก็ไม่แน่ หากเจ้ายอมฝึกวิธีการก้าวเดินอย่างจอมยุทธ์ ข้าที่เป็นสามีของเจ้าก็ยินดีสอนเจ้า”
“ก็ได้” เหยาเยี่ยนอวี่ที่ต้องเลือกระหว่างเป็นตัวถ่วงกับจอมยุทธ์ นางเลือกเป็นจอมยุทธ์อย่างไม่ลังเล
ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป นอกจากเหยาฮูหยินต้องฝึกกำลังภายในตามคัมภีร์ไท่ผิงแล้ว ยังต้องฝึกให้วิ่งด้วยฝีเท้าที่ว่องไวกับแม่ทัพเว่ย ชีวิตของนางวุ่นวายอย่างมาก แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย
เพียงแต่ว่า สวรรค์ราวกับว่าเห็นนางยังยุ่งไม่พอ หลังจากสองวันผ่านไป เฉิงหวังซื่อจื่ออวิ๋นคุนนำของฝากมากมายมาเยือนถึงจวน แล้วยังเสวนากับเว่ยจางว่าอยากเชิญเหยาฮูหยินไปรักษาตาให้เฉิงหวังเฟย
เว่ยจางเห็นแก่เขาที่เป็นสหายในราชสำนัก จึงปฏิเสธกลับไม่ได้ อีกอย่างอวิ๋นคุนยังพูดว่าเขารู้ว่าสำนักแพทย์มีหน้าที่ปรุงยาอย่างเดียว แล้วจะรักษาแต่อาการแปลกที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเท่านั้น ดังนั้นท่านอ๋องจึงทราบทูลฮ่องเต้ ฮ่องเต้ก็ทรงพระอนุญาตให้เชิญหมอหลวงเหยาไปรักษาผู้ป่วยด้านนอกได้
ในแคว้นต้าอวิ๋นที่เป็นดินแดนกว้างขวางเช่นนั้น พระราชโองการของฮ่องเต้มีอำนาจที่สุด เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ ภายในใจรู้ว่าการรักษาอาการของเฉิงหวังเฟยเป็นเรื่องที่ต้องทำ
อีกอย่าง สิ่งที่ยุ่งวุ่นวายกว่าก็คือ ยังไม่ทันดูอาการของเฉิงหวังเฟย จวนเหยาก็ให้คนมาส่งจดหมาย บอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินจะมาถึงเมืองหลวงในอีกสองวันข้างหน้า ฮูหยินน้อยรองเตรียมจัดงานเลี้ยงต้อนรับฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยิน ถึงเวลานั้น แค่ขอให้คุณหนูรองกลับมาตามเวลาที่กำหนดก็พอ
เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจเบาๆ นาง ‘กลับมาตามเวลาที่กำหนด’ ได้กระนั้นหรือ จำเป็นต้อง ‘กลับมาก่อนเวลา’ หรือเปล่า! นางต้องกลับไปดูว่าในจวนมีอะไรให้ช่วยหรือไม่ จะให้แสดงความมีน้ำใจของผู้ที่เป็นบุตรี! ดังนั้นเหยาฮูหยินวางธุระในมือลงให้หมด แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้านั่งรถม้ากลับจวนเหยา
หนิงฮูหยินน้อยกำลังเก็บกวาดทั้งในและนอกจวนเหยา จากนั้นเก็บกวาดเรือนที่ตนพักในวันปกติให้ฮูหยิน และนางก็พาเด็กสองคนย้ายไปอยู่ในเรือนเล็กด้านหลัง ชเรือนของฮูหยินจะจัดไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้ จึงต้องเลือกเรือนในจวนที่กว้างใหญ่ที่สุด อีกอย่าง ในจดหมายเขียนไว้ว่าคุณหนูสามก็ติดตามมาด้วย หนิงฮูหยินจึงต้องเก็บกวาดเรือนให้เหยาเชวี่ยหวา
“จวนแห่งนี้ยังถือว่าเล็กไปด้วยซ้ำ” หนิงฮูหยินดึงมือของเหยาเยี่ยนวี่พลางเปรยอย่างจนหนทาง “ย้ายเรือนของข้าและเฟิ่งเกอไปที่หลังสวนบุษบา นั่นก็คือสวนที่ปลูกดอกไห่ถังในครั้งก่อนนี้ เจ้าบอกว่าโปรดปราน ข้าจะพาเจ้าไปดูเอง”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันพูดยิ้มๆ “ข้ากับพี่สาวนอนไม่ไกล ปกติกลับมากินข้าวหนึ่งมื้อเสร็จแล้วค่อยกลับไปมาก พี่สะใภ้รองทุ่มเทในการปรนิบัติฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินเช่นนี้ ต้องลำบากแล้วจริงๆ พวกเราพี่น้องอาจช่วยไม่ค่อยได้ ทว่าพี่สะใภ้ยังสร้างปัญหา เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างมาก”
“ยังพูดเช่นนี้ไม่ได้ ที่นี่เป็นจวนต้นตระกูลพวกเจ้าแล้ว” หนิงฮูหยินน้อยพูดยิ้มๆ
“วันนี้ข้ามาถามว่าพี่สะใภ้มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่ พี่สาวไม่สะดวกมาเยือน ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้ ทว่าเป็นเพียงผู้ลงแรงก็ยังดี ผู้ช่วยของพี่สะใภ้ไม่พออยู่แล้ว ให้ข้าเรียกเฝิงหมัวมัวมาช่วย?”
หนิงฮูหยินน้อยเปรยว่า “ผู้ช่วยน่ะเพียงพอแล้ว เกรงว่าสัมภาระของท่านย่าจะมากไป รถม้าไม่พอใช้ ตั้งแต่เช้าตรู่ที่นอนมา พี่ชายเจ้าบอกว่าจะเพิ่มรถม้าอีกสิบคัน ทว่าครั้งนี้ไปซื้อทีเดียว กลัวว่าจะไม่เหมาะสม อีกอย่างมีงานศพของจวนติ้งโหว พวกเราก็คือญาติที่ปรองดองกันอย่างมาก อีกอย่างทางฝั่งยังสนใจแต่เรื่องงานศพ…เฮ้อ ผู้ที่นั่งเรือมาด้วยกันก็คือฮูหยินและสะใภ้ของจวนจือจ้าว ครั้งนี้ในจวนเจอแต่เรื่องครึกครื้นจริงๆ”