หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 483 ปกป้องอย่างดี ศัตรูเคลื่อนทัพ (4)
ตอนที่ 483 ปกป้องอย่างดี ศัตรูเคลื่อนทัพ (4)
“ข้าไม่เป็นไร” เหยาเยี่ยนอวี่หายใจออกแรงๆ หนึ่งที “พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ท่านแม่และพี่ชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
จ้าวต้าเฟิงหันไปมองรถม้าด้านหน้า เห็นได้ชัดว่าถูกจู่โจมได้รุนแรงกว่าฝั่งนี้ นั่นเป็นรถม้าที่เหยาเยี่ยนอวี่นั่งประจำ ครั้งนี้จึงเป็นเป้าหมายหลักในการจู่โจม ตอนนี้รถม้าเต็มไปด้วยธนู ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ด้านในเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ดังนั้นเขาขมวดคิ้วตอบกลับ “ฮูหยินวางใจเถอะ ข้าไปลองดู”
พอเห็นไปดูสภาพด้านในรถม้านั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก แขนของเหยาเหยียนอี้โดนธนูยิงไปหนึ่งดอก ส่วนรถม้าด้านหลังที่เหล่าสตรีจวนจือจ้าวนั่งเป็นรถม้าธรรมดามาก นั่นจึงไม่ใช่เป้าหมายของผู้ราย โชคดีที่ตกใจแต่ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ
ตอนที่จ้าวต้าเฟิงไปถาม หวางฮูหยินเพียงกอดเหยาเหยียนอี้ร้องไห้ ทว่ากลับไม่พูดไม่จาอะไร สุดท้ายเหยาเหยียนอี้อดทนกับความเจ็บปวดของแผลตรงแขนพลางถามจ้าวต้าเฟิง “น้องรองของข้าเป็นเช่นไรบ้าง นางได้รับบาดเจ็บไหม”
จ้าวต้าเฟิงพลันพูด “ฮูหยินไม่เป็นไร แผลของใต้เท้าต้องรีบจัดการ ข้าจะไปเชิญฮูหยินมาเดี๋ยวนี้”
“รบกวนเจ้าไปดูฮูหยินผู้เฒ่าที” เหยาเหยียนอี้ทนกับความเจ็บปวดพลางตบมือของหวางฮูหยินเบาๆ พร้อมปลอบโยนด้วยเสียงต่ำ “ท่านแม่อย่ากลัวเลย ลูกไม่เป็นอะไรแล้ว”
มีคนขับรถม้าได้รับบาดเจ็บ บางคนโดนยิงจนสิ้นชีวิต รถม้าขบวนนี้จำต้องหยุดลง เหยาเยี่ยนอวี่ลงจากรถม้าพลางเดินหน้าไปให้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกินยาสงบจิตใจที่นางพกติดตัวหนึ่งเม็ด พร้อมปลอบโยนสองสามประโยค จากนั้นรีบทำแผลให้เหยาเหยียนอี้
ถึงแม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะอกสั่นขวัญเสีย ทว่าอายุของนางปานนี้ก็คงเจออะไรมามาก กลับสงบสติอารมณ์ได้ดีกว่าหวางฮูหยิน แล้วยังสั่งให้เหล่าพ่อบ้านไปทำแผลให้คนขับรถม้า พร้อมทั้งยกศพของผู้เสียชีวิตขึ้นรถม้า จะได้เอากลับไปฝัง
สกุลเถียนตกใจจนร่างสั่นงันงก แล้วเฝ้าอยู่ข้างกายหวางฮูหยินและฮูหยินผู้เฒ่าตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็เช็ดน้ำตาพลางพูดไปด้วย “เหตุใดเมืองหลวงอวิ๋นถึงไม่สงบสุขเช่นนี้! เพิ่งจะลงเรือมาก็ต้องเสียชีวิต…นี่ต้องทำอย่างไรดี!”
หวางฮูหยินหันไปตวาดด้วยความไม่พอใจ “เจ้าพูดน้อยหน่อยก็ไม่มีใครหาว่าเจ้าเป็นใบ้หรอก!”
เหยาเยี่ยนอวี่ทำแผลให้เหยาเหยียนอี้ จ้าวต้าเฟิงพาคนเก็บกวาดสถานที่ให้เรียบร้อย
“พี่รอง เป็นเช่นไรบ้าง” เหยาเยี่ยนอวี่ถามเหยาเหยียนอี้ คิดๆ แล้วเขาต้องได้รับบาดเจ็บเพราะตนเอง ภายในใจรู้สึกผิดอย่างมาก
“ไม่เป็นไร ยาสมานแผลของเจ้าดีมาก ตอนนี้ไม่ค่อยเจ็บแล้ว” เหยาเหยียนอี้ฝืนยิ้ม แล้วหันไปบอกทุกคน “เอาเถอะ ทุกคนขึ้นรถม้าก่อน กลับจวนค่อยว่ากัน”
การลอบสังหารครั้งนี้มาเร็วไปก็เร็ว ภายใต้การเฝ้าดูเหตุการณ์ของชาวบ้านที่สัญจรในถนนสายนี้ คนตระกูลเหยาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วขึ้นรถม้าของตนเอง มุ่งหน้าไปยังประตูเมืองหลวง
ครั้งนี้เหยาเยี่ยนอวี่ขึ้นรถม้าคันเดียวกับฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง เหยาเหยียนอี้ยังคงนั่งรถม้าคันเดิมกับหวางฮูหยิน จ้าวต้าเฟิงสั่งให้คนของตนเองปกป้องรถม้าสองคันนี้ไว้ดีๆ ส่วนรถม้าสกุลเถียนและเหยาเชวี่ยหวาที่อยู่ด้านหลัง กลับมีเพียงทหารตระกูลเหยาคอยคุ้มกัน
สกุลเถียนไม่พอใจอย่างยิ่ง จึงดึงมือเหยาเชวี่ยหวาพร้อมเปรย “ดูสิ เวลานี้มาแบ่งชนชั้นแล้ว ในสายตาของเหล่าสุนัขรับใช้พวกนั้นมีแต่เจ้านายที่ตำแหน่งสูง จะมีพวกเราในสายตาได้อย่างไร”
เหยาเชวี่ยหวาเม้มปาก ไม่ได้ตอบกลับอะไร
“เหอะ นี่ยังไม่ทันได้เข้าเมืองหลวงก็เห็นสถานการณ์นองเลือดแล้ว วันข้างหน้าต้องเกิดแต่เรื่องไม่ดีแน่นอน! ข้าบอกแล้วพวกเราไม่ควรถือโอกาสร่วมงานศพจวนติ้งโหวเข้าเมืองหลวง…”
“พอเถอะ!” เหยาเชวี่ยหวาถลึงตามองสกุลเถียนอย่างไร้ความอดทน “เหตุใดเจ้าถึงมากความเช่นนี้”
สกุลเถียนพร่ำบ่นอย่างไม่พอใจ หันไปตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “รังเกียจข้าที่มากความ เช่นนั้นข้าไม่พูดก็ได้ ข้าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น ข้าจะคอยดู คอยดูว่าเจ้าจะสมดั่งปรารถนาหรือไม่!”
สองพี่น้องเหยาเหยียนอี้ ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเหยาและฮูหยินเจอผู้ร้ายกลางทางถูกรายงานทันที ศาลต้าหลี่และศาลซุ่นเทียนต่างร่วมมือกันประกาศออกมา จะให้รางวัลผู้ที่จับคนร้ายได้
ผู้ที่มีอำนาจสูงส่งในเมืองหลวงต่างก็ตกตะลึง จวนเฉิงอ๋อง จวนจิ่นอ๋อง จวนเยี่ยนอ๋อง จวนเจิ้นกั๋วกงและอื่นๆ ต่างส่งคนมาเยือนถึงจวนเหยา จวนเจิ้นกั๋งกง จวนจิ้งไห่โหว และจวนเฉิงอ๋องส่งสมุนไพรบำรุงสุขภาพมากมายมาที่จวนแม่ทัพฝู่กั๋ว ทันใดนั้น ตระกูลเหยาเลื่องชื่อและมีอำนาจในเมืองหลวง ไม่มีใครเทียบเทียมได้
ณ ลานขนาดเล็กอันหรูหรา เรือนตะวันตกตำหนักองค์หญิงคังผิง
ดอกพญาเสือโคร่งบานสะพรั่งอย่างงดงาม หยาจวิ้นที่อยู่ในชุดผ้าต่วนสีนิลพิงอยู่บนตั่งไม้นุ่ม ในมือถือถ้วยชา กำลังลิ้มลองชาฤดูใบไม้ผลิของปีนี้อยู่ กลีบดอกสีชมพูร่วงลงบนเสื้อผ้าสีนิลของเขา รอยแผลจางๆ บนใบหน้าของเขา ทำให้ดูงดงามแปลกหน้าเล็กน้อย
ชายหนุ่มผิวพรรณผ่องใสคนหนึ่งกำลังยกจานแก้วใส่ผลไม้พลางคลานมาใกล้ จากนั้นยื่นส้มหนึ่งกลีบในจานไป พร้อมพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “นายท่าน เรื่องที่เกิดนอกเมืองจบลงแล้ว พวกเขาจู่โจมรถม้าผิดคัน เป้าหมายของเราเลยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยขอรับ”
“เหอะ” หยาจวิ้นหัวเราะเสียงเรียบ แล้วกัดส้มกินหนึ่งคำ พร้อมพูด “ต่อให้ไม่ได้ดูรถม้าผิดคัน พวกเจ้าก็ไม่มีทางทำร้ายนางได้”
“ขอรับ รอบกายนางมียอดฝีมือไม่น้อยกว่าสามสิบคนคอยปกป้อง คนของพวกเราไม่มีโอกาสได้ลงมือขอรับ”
“ไม่เป็นไร” หยาจวิ้นยกมือจับกลีบดอกไม้บนไหล่มาเป่าเบาๆ กลีบดอกไม้ลอยไปไกล “อย่างไรเป้าหมายของพวกเราก็ไม่ใช่นาง ยุทธศาสตร์ของพวกเขาชาวจีน ไม่ใช่ว่ามีคำพูดหนึ่งที่ว่า…กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมหรือไร”
“ขอรับ นายท่านฉลาดชาญชัยอย่างยิ่ง” ชายหนุ่มโค้งลำตัวลงด้วยความจริงใจ พร้อมทั้งโขกหน้าผากลงบนที่รองฝ่าบาทตรงหน้า
หยาจวิ้นยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็โบกมือ “ไปเถอะ”
“ขอรับ” ชายหนุ่มค้อมตัวลงด้วยความเคารพ จากนั้นลุกขึ้นแล้วถอยไปด้านหลังเจ็ดก้าว ถึงจะกล้าหันหลังเดินจากไป
ในจวนเหยา หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแล้ว เหยาหย่วนจือและเหยาเหยียนอี้ต่างก็สงบสติลงแล้วนั่งอยู่ในห้องอักษรเพื่อปรึกษาหารือเรื่องเจอผู้ร้ายในวันนี้
“เป็นศัตรูทางราชกิจของพวกเราหรือเปล่า” เหยาหย่วนจือกำลังครุ่นคิดว่าช่วงนี้ตนได้ไปผิดใจกับใครในราชสำนักหรือเปล่า
เหยาเหยียนอี้ส่ายหน้า พร้อมพูด “ขุนนางบุ๋นพวกนั้นคงไม่มีทางทำเช่นนี้”
“แล้วถ้าเป็นคนก่อนหน้านี้ล่ะ ตระกูลปั๋ว?” เหยาหย่วนจือถามขึ้นอีก
เหยาเหยียนอี้ส่ายหัว “น่าจะไม่ใช่ ต่อให้พวกเขาอยากแก้แค้น ก็ยังหาผู้ที่มากฝีมือในวรยุทธ์เช่นนี้ได้หรอก อีกอย่าง อาวุธที่เป็นธนูถูกราชสำนักควบคุมอย่างเคร่งครัด ไม่มีใครได้มาง่ายๆ เพียงแต่แอบซ่อนธนูไว้ใช้เป็นการส่วนตัว ก็ถือว่ามีโทษฐานความผิดในการก่อกบฎแล้ว อีกอย่างยังมาลอบสังหารคนอื่นนอกเมืองหลวงเช่นนี้”
“อืม ใช้ธนูสังหารผู้อื่นในละแวกเมืองหลวง ต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดา” เหยาเหยียนอี้พยักหน้า
“ท่านพ่อ ข้านึกความเป็นไปได้อย่างหนึ่งออก” เหยาเหยียนอี้ครุ่นคิดอย่างรอบคอบ แล้วถึงจะพูดขึ้น
“ว่า” เหยาหย่วนจือหันข้าง
“วันนี้คนเหล่านั้น แม้จะยิงธนูใส่พวกเรา ทว่าตามที่ข้าไปสืบเรื่องมาทีหลัง ผู้ร้ายน่าจะมีเป้าหมายเป็นเจ้าของรถม้าที่ข้านั่ง รถม้าของฮูหยินผู้เฒ่าและรถม้าที่เหยาเยี่ยนอวี่นั่ง แม้จะถูกโจมตี แต่เห็นได้ชัดว่าเบากว่าคันที่ข้านั่ง เหมือนแค่ต้องการหลอกล่อทหารที่คอยคุ้มกันเท่านั้น”
เหยาหย่วนจือขมวดคิ้ว “ดังนั้น เจ้าหมายความว่าพวกเขาต้องการทำร้ายเจ้า?”
เหยาเหยียนอี้ส่ายหน้าเล็กน้อย พร้อมพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ไม่ ท่านพ่อ ข้ากับมารดานั่งรถม้าของเหยาเยี่ยนอวี่”