หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 484 ถือโอกาสโต้กลับ (1)
ตอนที่ 484 ถือโอกาสโต้กลับ (1)
“เยี่ยนอวี่!” ถ้วยชาในมือของเหยาหย่วนจือสั่นเทา “ความหมายของเจ้าคือเป้าหมายของพวกเขาคือเยี่ยนอวี่นั้นหรือ!”
“หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น” เหยาเหยียนอี้ยิ้มอย่างสุดหนทาง “ท่านพ่อ คำพูดนี้อย่าให้คนอื่นรู้โดยเด็ดขาด”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เหยาหย่วนจือพยักหน้า
สองพ่อลูกตระกูลเหยาต่างเข้าใจ หากหวางฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า และหนิงฮูหยินน้อยรู้เรื่องนี้เข้า เกรงว่าพวกนางจะคิดมาก ทว่าเหยาเหยียนอี้ถามด้วยคิ้วขมวดอีกครั้ง “แต่เยี่ยนอวี่รู้มิใช่หรือ วันนี้คนพวกนี้สังหารไม่สำเร็จ ต้องไม่ยอมง่ายๆ แน่นอน”
“ข้างกายนางมียอดฝีมือมากมายเช่นนั้น น่าจะไม่เป็นอันตรายอะไร” เหยาเหยียนอี้พูดด้วยความมั่นใจ “เพียงข้าคิดว่าพวกเราควรสืบหาความจริงให้เร็วที่สุดว่านางกับเว่ยจางไปมีเรื่องบาดหมางใจกับใคร”
เหยาหย่วนจือพึมพำเสียงเรียบ “น่าจะไม่ต้องสืบ ไปถามเยี่ยนอวี่โดยตรงดีกว่า นางน่าจะมีคำตอบในใจ”
เหยาเหยียนอี้พยักหน้า เขาก็รู้สึกว่าเว่ยจางไม่ใช่คนธรรมดา ไม่มีทางเดาไม่ออกแม้กระทั่งเรื่องของตัวเองหรอก
ดังคาด วันที่สองตอนเหยาเยี่ยนอวี่มาทำแผลให้เหยาเหยียนอี้ ก็ได้สั่งให้คนอื่นออกไปให้หมด แล้วนางก็โค้งคำนับให้เหยาเหยียนอี้ด้วยความจริงใจ “พี่รองได้รับบาดเจ็บ ล้วนเป็นเพราะข้า ข้ารู้สึกผิดยิ่งนัก”
เหยาเหยียนอี้ยื่นมือพยุงนาง พร้อมเปรยด้วยเสียงเบา “ข้าได้รับบาดเจ็บย่อมดีกว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ อย่างไรข้าก็คือบุรุษคนหนึ่ง ก็ย่อมอดทนได้ดีกว่าเจ้า”
เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกซาบซึ้งทันตา ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“เรื่องเมื่อวานไม่ได้เป็นเหตุบังเอิญใช่ไหม” เหยาเหยียนอี้มองเหยาเยี่ยนอวี่ พร้อมเปรย “เสี่ยนจวินรู้ไหม พวกเจ้าเดาออกหรือไม่ว่าไปมีเรื่องบาดหมางใจกับใคร”
ทั้งบิดาและพี่ชายของต้นตระกูลล้วนเป็นที่พึ่งพิงของเหล่าสตรี บางครั้งสามียังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าแยกแยะได้ชัดเจนว่าใครดีกับตนเอง ใครที่ไม่ดีกับตนเอง ยิ่งไม่มีทางเห็นบิดาและพี่ชายตนเองเป็นคนนอกอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเล่าเรื่องขององค์หญิงคังผิงและหยาจวิ้นให้เขาฟังอย่างละเอียด รวมไปถึงตัวตนที่แท้จริงของหยาจวิ้นและเรื่องที่ตนโดนหน้าไม้ยิงตอนอยู่ที่ทะเลสาบเซียนหนู่ในครั้งนั้น จึงเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้เหยาเหยียนอี้ฟัง
เหยาเหยียนอี้ได้ยินก็มีเหงื่อเย็นท่วมตัว ผ่านไปสักพักถึงจะเปรยด้วยเสียงเรียบ “เช่นนั้น คนที่นามว่าหยาจวิ้นเป็นตัวปัญหาที่สุด”
“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ แม่ทัพเองก็อับจนหนทางกับเรื่องนี้จริงๆ ครั้งนี้ที่ออกเดินทาง จึงให้เก๋อไห่และจ้าวต้าเฟิงอยู่ต่อ เพียงแค่ว่าข้าครุ่นคิดอย่างไร ก็นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะลงมือตอนอยู่นอกเมืองหลวงเช่นนี้ อีกอย่างยังจู่โจมซึ่งหน้าเช่นนี้”
“หรือพวกเขาต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น” นิ้วมือเหยาเหยียนอี้จับราวเก้าอี้ไว้พลางลูกเบาๆ นัยน์ตาดั่งหงส์ดูลุ่มลึกเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอย่างเงียบๆ
เหยาเยี่ยนอวี่เห็นว่ากำลังขบคิดจึงไม่ได้ขัดจังหวะ แค่นั่งจิบชาอยู่ด้านข้างอย่างเงียบงัน ผ่านไปสักพัก เหยาเหยียนอี้ถึงจะถอนหายใจด้วยเสียงเบา “ข้ารู้สึกว่าเป้าหมายของพวกเขายังคงเป็นเสี่ยนจวิน แต่ไม่ใช่เจ้า”
“เหตุใดท่านพี่ถึงคิดเช่นนี้” เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกสงสัย ภายในใจมีภาพที่ถูกผู้ร้ายสังหารกลางหิมะที่ตกกระหน่ำ เป้าหมายของคนพวกนั้นชัดเจนว่าเป็นตัวเอง
“ต่อให้พวกเขาลงไม้ลงมือกับเจ้า สุดท้ายเป้าหมายก็คือเสี่ยนจวิน” เหยาเหยียนอี้ใช้มือซ้ายที่ไม่ได้รับบาดเจ็บยกถ้วยชาที่เย็นแล้วขึ้น พลางดื่มช้าๆ หนึ่งคำ แล้วค่อยวิเคราะห์แยกแยะแทนเหยาเยี่ยนอวี่อย่างละเอียด “ผู้ที่ฆ่าล้างเผ่าเกาหลีไม่ใช่เจ้า แต่เป็นเสี่ยนจวิน อีกอย่าง พวกเขาทำร้ายเจ้า สุดท้ายเป้าหมายคือต้องการทำให้เสี่ยนจวินโมโห เจ้าที่เป็นสตรีตัวเล็กคนหนึ่ง ต่อให้ชำนาญในการรักษาโรค พวกเขาไม่ได้เจ็บป่วยอะไร ต่อให้ลักพาตัวเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้ฆ่าเจ้าไปเพื่อทำให้เสี่ยนจวินโมโหได้ แล้วผลลัพธ์ที่เสี่ยนจวินโมโห ก็คือมัจฉาตายตาข่ายขาด พวกเขาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่แล้ว”
“หรือพวกเขาอยากใช้ข้ามาข่มขู่เสี่ยนจวิน” เหยาเยี่ยนอวี่ถามด้วยความแปลกใจ นี่คือคำพูดของเว่ยจาง เขาบอกว่าหากฝ่ายตรงข้ามจับตนเองไป ต่อให้สั่งเขาทำอะไร ก็ย่อมทำตามทุกอย่าง
“ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ก็เพื่อต้องการให้เสี่ยนจวินกระวนกระวายเท่านั้น ทว่าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าต่อให้เสี่ยนจวินกระวนกระวาย พวกเขาก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว” เหยาเหยียนอี้แสยะยิ้มน้อยๆ “หากข้าเดาไม่ผิด พวกเขาคงใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม ทางฝั่งเสี่ยนจวินถึงจะเป็นใจความสำคัญของพวกเขา”
“หา?!” เหยาเยี่ยนอวี่กังวลใจทันที ถ้วยชาในมือเอียงจนน้ำชาสาดลงบนกระโปรงของนาง หยดน้ำชาค่อยๆ กระจายไปทั่วกระโปรงสีขาวนวลจันทร์ทันที
“ใครก็ได้!” เหยาเหยียนอี้ตะโกนเรียกสาวใช้ทันที จากนั้นสาวใช้ด้านนอกก็รับคำแล้วเข้ามา “คุณชายรองต้องการสั่งการใดเจ้าคะ”
เหยาเหยียนอี้ตวาดด้วยน้ำเสียงไม่ดี “ไม่เห็นว่าน้ำชาหกใส่คุณหนูรองหรือ ยังไม่รีบจัดการอีก!”
เหล่าสาวใช้ชั้นล่างรีบเดินหน้าไปช่วยเหยาเยี่ยนอวี่เก็บถ้วยชา พร้อมใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำชาวพกนั้น เซียงหรูมองน้ำชาสีจืดแปดเปื้อนกระโปรงสีขาวนวลจันทร์ แล้วเปรยว่า “กระโปรงของฮูหยินสกปรกแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ด้านหลังจะดีกว่าหรือเปล่าเจ้าคะ”
เหยาเหยียนอี้เปรยว่า “ไปเถอะ เรื่องบางอย่างรีบร้อนไม่ได้อยู่แล้ว เจ้าสนใจตัวเจ้าเองก่อนเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่ขานรับลุกขึ้นจากที่นั่ง พาสาวใช้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่ด้านหลัง หนิงฮูหยินน้อยได้ยินว่าเหยาเยี่ยนอวี่ทำน้ำชาหก ด้วยเหตุนี้จึงมาถามอย่างเป็นห่วง “โดนลวกหรือเปล่า เหตุใดถึงไม่ระวังตัวเลย เจ้ากับพี่ชายเจ้าเหมือนกันเลย มักทำให้คนอื่นเป็นห่วงตลอด”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันพูด “ไม่มีอะไรแล้ว ชาไม่ร้อนตั้งแต่แรกแล้ว มือของข้าลื่น เพียงแค่ทำให้เสื้อผ้าสกปรกเท่านั้น”
ดั่งคาด เรื่องนี้ได้มีคนไปรายงานฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งสั่งให้คนมาถาม เหยาเยี่ยนอวี่ทำได้เพียงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ไปรายงานกับฮูหยินผู้เฒ่าด้วยตัวเอง ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกุมมือนางพลางเปรย “หลายวันมานี้เกรงว่าคงเกิดเรื่องอัปมงคลขึ้น ในจวนถึงได้ไม่สบายสุขเช่นนี้ มิเช่นนั้นก็เลือกวันไปจุดธูปภาวนาให้ทั้งตระกูลอยู่ดีมีสุขหน่อยเถอะ”
ตอนนี้เหยาเยี่ยนอวี่แทบอยากจะขังตัวเองไว้ในจวน แล้วไม่ออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว จะมีกะจิตกะใจไปจุดธูปขอพรได้อย่างไร นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการสร้างโอกาสให้อีกฝ่ายหรือ ด้วยเหตุนี้จึงพูดยิ้มๆ “เมื่อวานคนของจวนเฉิงอ๋องได้ยินว่าพวกเราเจอผู้ร้ายระหว่างทางกลับเมืองหลวง ถึงสั่งให้คนมาเยี่ยมเยียนโดยเฉพาะ ความหมายที่พวกเขาต้องการสื่อคือ โรคตาของหวังเฟยยืดเยื้อต่อไปไม่ได้ ถึงได้มาเร่งให้ข้าไปรักษา เรื่องนี้เป็นพระราชโองการของฝ่าบาท ดังนั้นฃปฏิเสธไม่ได้ ข้าคงไปจุดธูปขอพรไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงขอให้ฮูหยินผู้เฒ่าช่วยหลานทูลต่อหน้ากวนอิมที ขอให้เจ้าแม่กวนอิมอย่าถือโทษข้าเลย”
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งจึงพูด “ไหนๆ ก็คือเรื่องของจวนอ๋อง ทำอย่างผิวเผินไม่ได้”
หนิงฮูหยินน้อยยุ่งมาถึงเวลานี้ จึงรู้สึกเหน็ยเหนื่อยยิ่งนัก พอได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าจะไปจุดธูปขอพร ก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
หวางฮูหยินจะไม่รู้ว่าสะใภ้คิดอะไรในใจอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นยกจอกชายื่นให้ฮูหยินผู้เฒ่าเฟิง พร้อมเกลี้ยกล่อม “นั่งเรือมานานเช่นนี้ สองวันนี้รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่าเลย อีกอย่างยังต้องจัดสรรเวลาไปจวนติ้งโหวอีก หากท่านอยากไปจุดธูปขอพร หลายวันมานี้เกรงว่าคงยากที่จะเตรียมตัวให้เหมาะสม อีกอย่าง วัดราชวงศ์นอกเมืองหลวงอวิ๋นเทียบไม่ได้กับที่อื่น จึงไปขอพรตามอำเภอใจไม่ได้ เช่นนั้นรอให้เรื่องของจวนติ้งโหวจบลง สะใภ้ค่อยไปขอพรเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งรับชาแต่ไม่ดื่ม แค่ยิ้มจางๆ พลางพูด “ข้าเองที่มัวแต่เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยในจวน กลับลืมว่าพวกเจ้าที่เป็นเจ้าของบ้านนั้นลำบากเพียงใด ไหนๆ เป็นเช่นนี้ก็รอให้พวกเจ้าจัดการธุระทั้งสิ้นให้จบ แล้วค่อยจัดการก็ยังไม่สาย”
เหยาเยี่ยนมองใบหน้าเรียบเฉยของฮูหยิน จึงค่อนข้างรู้สึกไร้ความหมาย ด้วยเหตุนี้ถึงเกลี้ยกล่อม “ฮูหยินผู้เฒ่าก็ทำเพื่อจวน มีอะไรที่ฮูหยินไม่เข้าใจอีกหรือ แค่ว่าเดิมทีฮูหยินก็คิดเผื่อความสุขสงบของฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อวานตอนพวกเราเจอผู้เฒ่าใหม่ๆ คนของศาลต้าอวิ๋นและทหารจิ่นหลินต่างสืบหาเบาะแสอย่างสุดความสามารถ จากนั้นก็ไม่ได้ผลสรุปอะไร เวลานี้หากยังออกประตูอีก เกรงว่าคนพวกนั้นคงก่อเรื่องวุ่นวาย ขืนใช้วิธีสกปรกอีก ไม่ใช่ว่ายิ่งทำให้พวกเราลำบากกว่าเดิม”