หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 494 สืบหาไส้ศึกชาวเกาหลี เหิงอ๋องลงไม้ลงมือ (5)
ตอนที่ 494 สืบหาไส้ศึกชาวเกาหลี เหิงอ๋องลงไม้ลงมือ (5)
แต่โชคดีที่แม่ทัพเว่ยไม่อยู่จวน ถ้าส่งบ่าวสองครอบครัวนี้ไปเก็บกวาดบ้านสวนหรือซ่อมแซมเตาหลอมก่อนที่เขากลับมา ก็อาจปิดบังเรื่องนี้กับเขาไว้ได้ พอนึกได้เช่นนี้ เหยาฮูหยินก็สั่งให้เหยาซื่อสี่มาพาบ่าวสองครอบครัวนี้ไปบ้านสวนของเหิงจวิ้นอ๋อง
โรงงานกระจกที่สร้างใหม่ นอกจากมีที่ดิน มีคน ก็ยังต้องมีเงิน สองปีที่เปิดโรงงานกระจกมา เหยาเยี่ยนอวี่ได้กำไรไปไม่น้อย แล้วยังมีโรงยาที่เหยาเหยียนอี้คอยดูแล ก็ได้กำไรมากพอสมควร พูดตามตรง ตอนนี้เหยาฮูหยินไม่ได้ขาดแคลนเงิน ดังนั้นพอคิดบัญชีดูแล้ว นางจึงเอาเงินก้อนโตออกมา แล้วให้ฉังเหมาและเหยาซื่อสี่คอยดูแลงานสร้างโรงงานใหม่ หลังจากนั้น ตนเองจะหาเวลาว่างส่งตั๋วเงินที่เหยาเฟิ่งเกอและเฟิงฮูหยินน้อยสั่งให้คนส่งมาในก่อนหน้านี้กลับไปที่จวนติ้งเป่ยโหวด้วยตัวเอง
เวลานี้ จวนติ้งเป่ยโหวเปลี่ยนหัวหน้าครอบครัวคนใหม่ นั่นก็คือซูอวี้ผิงที่เพิ่งดำรงตำแหน่งเจวี๋ย ทั้งยังแต่งตั้งให้เฟิงฮูหยินน้อยเป็นฮูหยินติ้งเป่ยโหว เป็นฮูหยินดูแลงานเรือนทั้งหมด
ครอบครัวบุตรคนรองและบุตรคนที่สาม แม้ยังอาศัยอยู่ในจวน ทว่างานเรือนในจวนติ้งเป่ยโหว พวกเขาล้วนไม่มีสิทธิ์ข้องเกี่ยว ทุกคนปิดประตูใช้ชีวิตของตนเอง เพียงแค่มีประตูใหญ่ทางเข้าออกจวนเดียวกันเท่านั้น และจะรวมตัวกันตอนที่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น หรืออาจจะร่วมฉลองในเทศกาลสำคัญ เวลานั้นเหล่าพี่น้องและสะใภ้ถึงจะมาอยู่ร่วมกัน
เฟิงฮูหยินน้อยกำลังตรวจบัญชีที่ใช้จัดงานศพในครั้งนี้ที่โถงข้าง ในจวนมีพ่อบ้านและแม่บ้านที่คอยดูแลงานเรือนอยู่สี่ห้าคน ต่างคนต่างใจจดใจจ่ออยู่กับงานบัญชี เตรียมตัวตอบคำถามของฮูหยินตลอดเวลา
จู่ๆ ก็มีคนเข้ามารายงานว่าฮูหยินแม่ทัพฝู่กั๋วมาเยือน เฟิงฮูหยินน้อยพลันวางสมุดบัญชีในมือลงแล้วลุกขึ้นไปต้อนรับ จากนั้นก็สั่งเฉินซินที่อยู่ด้านข้าง “สั่งให้คนไปเชิญฮูหยินน้อยสามมา”
เหยาเยี่ยนอวี่ตามผัวจื่อที่นำทางเข้าไปถึงโถงข้าง เหยาเฟิ่งเกอก็มาถึงแล้ว
สองพี่น้องเจอหน้ากัน ก็ถามสารทุกข์สุขดิบกันไปก่อน จากนั้นเหยาเยี่ยนอวี่ก็ยื่นมือไปเอาห่อผ้าในมือของเซียงหรู หลังจากเปิดออกก็เอาหีบสองกล่องให้เหยาเฟิ่งเกอและเฟิงฮูหยินน้อย พลางยิ้มจางๆ “ขอบคุณฮูหยินและพี่สาวที่คอยเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง ข้าจัดการเรื่องโรงงานกระจกไปแล้ว และเงินก็เพียงพอแล้วด้วย เมื่อใดที่ข้าต้องการ จะมายืมกับฮูหยินและพี่สาวเอง”
เฟิงฮูหยินน้อยถามด้วยความตกตะลึง “เร็วเช่นนี้เลยหรือ น้องสาวอย่าได้เกรงใจกับพวกเรา แล้วเห็นพวกเราเป็นคนนอกสิ”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “ที่ไหนเล่า ฮูหยินกับพี่สาวข้าเป็นครอบครัวเดียวกัน และข้าก็มีพี่สาวทางสายเลือดเพียงคนเดียว หากข้าจะเห็นพี่สาวและฮูหยินเป็นคนนอกอีก ข้าคงกลายเป็นคนซื่อบื้อไปแล้ว ข้าแก้ไขปัญหาได้แล้วจริงๆ ว่ากันว่ายืมแล้วคืน จะยืมอีกก็คงไม่ยาก”
“เหิงจวิ้นอ๋องเอาบ้านสวนแห่งหนึ่งให้ข้าใช้ ถือเป็นการร่วมลงทุน” เหยาเยี่ยนอวี่พูดขึ้นลอยๆ อันที่จริงก็ไม่ถือว่าพูดขึ้นลอยๆ หรอก นางรู้สึกว่าเรื่องเช่นนี้ไม่อาจปิดบังไว้ได้ วันข้างหน้าทุกคนก็คงร่ำลือถึงแน่นอน ตนเองพูดตรงๆ ไม่ดีกว่าหรือ
ตอนนี้องค์ชายใหญ่ถูกส่งตัวไปที่หลินหนาน องค์ชายรองล่วงลับไปตั้งแต่เยาว์วัย ตอนนี้ในบรรดาองค์ชาย องค์ชายสามเหิงจวิ้นอ๋องกลายเป็นผู้ที่มีอายุมากที่สุด เรื่องมากมาย ฮ่องเต้คงไม่ชอบออกหน้าออกตา ก็มักจะให้องค์ชายสามทำแทน ในใจของตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพลในเมืองหลวง ฐานะของเหิงจวิ้นอ๋องแทบจะเทียบเท่าฐานะของว่าที่ฮ่องเต้
เหิงจวิ้นอ๋งทำเช่นนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการดึงแม่ทัพฝู่กั๋วมาเป็นพรรคพวกเดียวกัน นี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพราะเกี่ยวข้องกับความรุ่งเรืองและร่วงโรยของตระกูลในหลายสิบปีข้างหน้า คงยากที่จะไม่คิดถึงมัน
กลับกลายเป็นเหยาเฟิ่งเกอที่ปั้นหน้าตะลึงงัน จากนั้นก็คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม และไม่พูดไม่จาอะไร
เพราะว่าโรงงานกระจกแห่งใหม่มีเหิงจวิ้นอ๋องเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกคนกลับไม่อยากถามให้มากความอะไร เหยาเฟิ่งเกอก็ยิ่งเบี่ยงประเด็นก่อนคนแรก นางดึงมือเหยาเยี่ยนอวี่ “เจ้ามาได้เวลาพอดี เมื่อวานเย่ว์เอ๋อร์ดื่มข้าวต้มไปครึ่งถ้วยและอาเจียนตอนกลางดึก รุ่งเช้านี้ก็ร้องมาปวดท้อง ข้าก็นึกว่านางกินเยอะเกินไปจนแน่นท้อง ไหนๆ เจ้าก็มาแล้ว ก็ไปดูอาการยัยหนูน้อยหน่อยเถอะ จะได้ไม่อาเจียนตอนกินมื้อเที่ยงอีก”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดขึ้น “ข้ากำลังคะนึงถึงนางพอดี เหตุใดอยู่ดีๆ ก็ป่วยอีกแล้วล่ะ”
“น้องสาวไปดูเย่ว์เอ๋อร์ก่อนเถอะ ข้าจะสั่งให้คนไปจัดโต๊ะอาหารที่สวนเสาเย่า” เฟิงฮูหยินน้อยพูดไป ก็หันไปมถามไฉ่จู “ไปบอกโรงครัวหรือยัง เหยาฮูหยินจะอยู่กินมื้อเที่ยงด้วยกัน ให้พวกเขาเตรียมอาหารไว้ด้วย”
ไฉ่จูโค้งคำนับตอบกลับ “บ่าวบอกทางโน้นแล้ว หากฮูหยินไม่วางใจ บ่าวจะไปดูอีกรอบเจ้าค่ะ”
เฟิงฮูหยินน้อยพยักหน้า พลางกำชับด้วยเสียงเบา “ไปดูอาหารของซิ่วอวิ๋นและเจียฮุ่ยด้วยแล้วกัน ให้พวกเขาทำอาหารอย่างพิถีพิถันด้วย”
ทางฝั่งไฉ่จูขานรับ ทางฝั่งเหยาเยี่ยนอวี่ก็ลุกขึ้นพร้อมกับเหยาเฟิ่งเกอแล้ว จากนั้นก็บอกเฟิงฮูหยินน้อยให้ทราบว่าพวกนางขอกลับเรือนก่อนสักพัก
ตอนที่จัดพิธีงานศพของท่านโหวและฮูหยิน เพื่อที่จะสะดวกต่อการพบปะกับแขกเหรื่อ เฟิงฮูหยินน้อยและซูอวี้ผิงย้ายมาอยู่ในเรือนหลัก ในตอนนี้เรือนชิงผิงจึงปล่อยว่าง เฟิงฮูหยินน้อยเคยบอกว่าเหลียงฮูหยินว่าเซวียนเอ๋อร์ค่อยๆ เติบโตขึ้นทุกวัน จึงต้องการห้องอักษรที่เป็นของตนเอง เหลียงฮูหยินก็รู้ว่านางอยากอาศัยอยู่ในเรือนชิงผิง ดังนั้นก็ยังไม่ได้พูดอะไรซึ่งหน้า แค่บอกเรื่องนี้ให้เฟิงฮูหยินน้อยทราบทีหลัง
หลังจากนั้นเฟิงฮูหยินน้อยก็ปรึกษาหารือกับซูอวี้ผิง บอกว่าให้สองสามีภรรยาซูอวี้อันพาเซวียนเอ๋อร์ย้ายไปที่เรือนชิงผิง เรือนอันจวีจึงปล่อยว่างไว้ เลยให้ซูอวี้เสียงและเหยาเฟิ่งเกอย้ายไปอยู่ จากนั้นก็ให้ซูอวี้คังย้ายไปที่เรือนเก่าของซูอวี้เสียง
พอต้องย้ายเรือนกันเช่นนี้ ทั้งจวนติ้งเป่ยโหวคงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซุนฮูหยินน้อยกลัวยุ่งยาก จึงปฏิเสธที่จะไม่ย้ายอีก ส่วนซูอวี้คังเองก็ไม่อยากย้ายอยู่แล้ว เพียงกล่าวขอบคุณเฟิงฮูหยินน้อย แล้วปฏิเสธกลับเช่นกัน ดังนั้น ตอนนี้เฟิงซิ่วอวิ๋นและเฉินเจียฮุ่ยอาศัยอยู่ในเรือนชิงผิง กลับเป็นอนุภรรยาสองคนนี้ที่ได้เรือนนี้ไปครอบครอง เรื่องนี้เลยทำให้ซุนฮูหยินน้อยไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ทว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหยาเยี่ยนอวี่ นางแค่ติดตามเหยาเฟิ่งเกอไปเรือนตะวันออกของเรือนฉีเสียง ซึ่งเป็นที่พักของซูจิ่นเย่ว์ ระหว่างทาง เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถาม “เย่ว์เอ๋อร์ยังเล็กเช่นนี้ ก็ให้นางแยกเรือนแล้วหรือ”
“บรรยากาศทางโน้นย่ำแย่เกินไป วันข้างหน้า ยัยหนูน้อยก็ค่อยๆ เติบโตแล้ว เรื่องที่ไม่ควรเห็น ก็อย่าให้นางได้เห็นจะดีกว่า” เหยาเฟิ่งเกอเดินไปยิ้มขมขื่นไป
เหยาเยี่ยนอวี่นิ่งเงียบ รู้สึกว่านางไม่มีสิทธิ์พูดอะไร ต่อให้พูดอะไรไปก็ไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงหุบปาก
เหยาเฟิ่งเกอหันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วส่งสายตาให้ซานหูที่อยู่ด้านหลัง ซานหูรีบเดินช้าไปครึ่งก้าว แล้วดึงเซียงหรูพลางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ เหยาเฟิ่งเกอคล้องแขนของเหยาเยี่ยนอวี่ไว้ พลางถามด้วยเสียงเบา “เหิงจวิ้นอ๋องเอาบ้านสวนมาร่วมลงทุนด้วย เป็นเพราะแม่ทัพเว่ยหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินคำพูดนี้ก็นึกถึงวันนั้นที่เว่ยจางโวยวายไร้เหตุผล จึงยิ้มอย่างจนปัญญา “น่าจะไม่ใช่ เพื่อเรื่องนี้ เขาเอะอะโวยวายกับข้าใหญ่เลย เกือบจะสาดน้ำส้มสายชูเต็มฟ้าแล้ว”
เหยาเฟิ่งเกอได้ยินก็อดยิ้มไม่ได้ แล้วพูดอย่างหยอกล้อ “เรื่องนี้ก็โทษคนอื่นไม่ได้ อยู่ดีๆ เจ้าก็ไปร่วมงานกับเหิงจวิ้นอ๋องเช่นนี้ เป็นบุรุษก็ต้องกินน้ำส้มสายชูอยู่แล้ว ขืนเขาไม่หึงหวง เจ้าคงร้องไห้เสียใจแน่”
“พี่สาวก็พูดจาขบขันเกินไปแล้ว!” เหยาเยี่ยนอวี่เบะปะ จู่ๆ ก็พูดยิ้มๆ “ทว่าวันนั้นที่ข้าไปคุยเรื่องนี้กับเหิงจวิ้นอ๋องที่ซูเย่ว์ไจ เขากลับพูดถึงพี่สาวด้วย”