หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 495 เก็บแห (1)
ตอนที่ 495 เก็บแห (1)
“อืม?” เหยาเฟิ่งเกอยิ้มไม่ออกทันที แล้วหันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยความระมัดระวังตน “เหตุใด อยู่ดีๆ ก็เอ่ยถึงข้าล่ะ”
“ท่านอ๋องตรัสว่า ตอนหนุ่ม เขาได้ไปสะสางราชกิจที่เจียงหนาน เคยมีโอกาสได้ดื่มชาที่พี่สาวชงหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่นึกถึงสีหน้าตอนพูดคำนี้ของเหิงจวิ้นอ๋อง ก็ลอบมองสีหน้าของเหยาเฟิ่งเกอ ภายในใจคิดว่า หรือว่าสองคนนี้มีอะไรกันจริงๆ
เหยาเฟิ่งเกอยิ้มจางๆ พลางพูด “หมายถึงครั้งนั้นหรือ เจ้าไม่พูด ข้าก็ลืมไปนานแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันยิ้มคล้อยตาม แล้วถามด้วยเสียงต่ำ “เช่นนี้ ท่านอ๋องตรัสความจริงหรือ”
“ตอนนั้น เขาไม่ใช่ท่านอ๋อง ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาคือองค์ชาย ข้ายังนึกว่าเขาเป็นพ่อบ้านธรรมดาที่เดินทางเร่งรีบจนหิวกระหายน้ำคนหนึ่งเท่านั้น พอเห็นว่าเขาน่าสงสาร ถึงได้ให้เขาดื่มชาถ้วยนั้น” เหยาเฟิ่งเกอย้อนวันวานด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย “หลังจากนั้นถึงได้ยินท่านพ่อบอก ถึงจะรู้ว่าเขาคือองค์ชายสาม”
เหยาเยี่ยนอวี่มองสีหน้าที่นิ่งเฉยของเหยาเฟิ่งเกอ ภายในใจที่กำลังคิดจะสอดรู้สอดเห็นก็ล้มเลิกไปทันที ดูท่าแล้วต่อให้สองคนนี้จะมีอะไรกันจริงๆ ก็กลายเป็นแค่อดีตแล้ว อีกอย่างเห็นได้ชัดว่าเฟิ่งเกอก็ไม่เอ่ยถึง ดังนั้นนางก็ไม่อยากถามให้มากความด้วย
เมื่อได้เจอหน้ากับซูจิ่นเย่ว์ ยัยหนูน้อยยังคงปั้นหน้าทุกข์ระทมพลางพิงกลางอ้อมกอดของเหยาเยี่ยนอวี่ พร้อมบอกพึมพำว่าปวดท้องเหลือเกิน
เหยาเยี่ยนอวี่ลูบท้องน้อยๆ ของนาง แล้วให้นางนอนลง จากนั้นก็นวดให้นางกับมือไปสักพัก แล้วให้นางพลิกตัวนอนคว่ำนวดแผ่นหลังที่มีน้ำมีนวลไปสักพัก ไม่นานยัยหนูน้อยก็ผายลมออกมาสามสี่ที จากนั้นก็รีบไปนั่งในสุขาสักพัก กลับมาก็บอกว่าไม่ปวดท้องแล้ว
เหยาเฟิ่งเกอพูดยิ้มๆ “เจ้ารู้แต่เห็นแก่กินอย่างเดียว วันข้างหน้าจะเปลี่ยนนิสัยไหม”
ยัยหนูน้อยเย่ว์เอ๋อร์รีบวิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วกอดคอนางไว้ “ท่านน้า ให้ข้าไปจวนของท่านเถอะ”
“ได้” เหยาเยี่ยนอวี่อุ้มนางไว้ในอ้อมกอดด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“เช่นนั้นท่านน้าให้ข้ากินขนมอร่อยๆ ได้ใช่ไหม” ยัยหนูน้อยถามขึ้นอย่างจริงจัง
“ได้สิ” เหยาเยี่ยนอวี่ยกมือจับแก้มอ้วนกลมของยัยหนูน้อย พลางพูดว่า “ในจวนของท่านน้ามีขนมอร่อยๆ เยอะแยะ ให้เย่ว์เอ๋อร์กินหมดเลย”
“เยี่ยมจริงๆ!” ยัยหนูน้อยยิ้มจนตาเป็นพระจันทร์เสี้ยว “ท่านน้า พวกเรากลับกันเถอะ”
เหยาเฟิ่งเกอเครียดจนหลุดยิ้ม “ยัยเด็กนี้ อกตัญญูจริงๆ” กล่าวจบก็แตะจมูกของบุตรีเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าอย่านึกว่าไปจวนท่านน้าแล้วอยากกินอะไรก็กินได้หมด ไม่ว่าจะไปไหน หากยังกินไปเปื่อยเช่นนี้ ก็จะปวดท้องอยู่ดี”
“แต่ท่านน้าเป็นหมอเซียนแน่ะ!” ยัยหนูน้อยพิงในอ้อมอกของเหยาเยี่ยนอวี่พลางมองมารดาตน พร้อมทั้งพูดอย่างภูมิใจเล็กน้อย “แค่นวดท้องก็ไม่ปวดแล้ว”
“ก็ได้ๆ เจ้าไปกับท่านน้าเจ้าเถอะ ข้าจะได้ไม่ต้องคอยห่วงเจ้าทั้งวัน” เหยาเฟิ่งเกอพูดยิ้มๆ
“ท่านแม่พูดจริงหรือ” จู่ๆ ยัยหนูน้อยก็ไวต่อความรู้สึกขึ้นมา จึงยื่นแขนน้อยๆ ออกไปกอดคอของเหยาเฟิ่งเกอ “ถ้าท่านไม่ดีใจ เย่ว์เอ๋อร์ไม่ไปจวนท่านน้าแล้ว เย่ว์เอ๋อร์จะอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่เอง”
เหยาเยี่ยนอวี่อิจฉาไม่ไหวแล้ว การเลี้ยงดูแก้วตาดวงใจของตัวเองเป็นเรื่องที่คุ้มค่าอย่างมาก ไม่ว่าเจ้าจะตีหรือต่อว่านางอย่างไร สุดท้ายนางก็ยังสนิทสนมกับมารดาที่สุด ไม่มีทางรังเกียจและไม่มีทางทรยศตลอดไป
เหยาเฟิ่งเกอยกยิ้มพลางดึงบุตรีเข้ามาในอ้อมกอด พร้อมทั้งพูดว่า “ท่านแม่มีอะไรน่าโกรธด้วยเล่า ท่านน้าของเจ้าไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย อีกอย่างเย่ว์เอ๋อร์โตมา ก็ต้องกตัญญูกับท่านน้าให้มาก ท่านน้าก็รักและเป็นห่วงเย่ว์เอ๋อร์เหมือนท่านแม่เลย เพียงแต่ว่าท่านน้ายุ่งเกินไป ต้องทำงานมากมายทุกวัน ต้องปรุงยาอัศจรรย์ออกมารักษาผู้คน ดังนั้นก็ยิ่งไม่มีเวลาดูแลเย่ว์เอ๋อร์แล้ว”
ยัยหนูน้อยรีบตอบกลับ “เช่นนั้นเย่ว์เอ๋อร์ดูแลท่านน้าได้”
ทั้งเรือนจึงหัวเราะเพราะคำพูดนี้ เหยาเยี่ยนอวี่ก็ยิ่งซาบซึ้งกว่าใคร แล้วดึงยัยหนูน้อยมาหอมอย่างรักใคร่หนึ่งที จากนั้นก็พูดว่า “ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ท่านน้าก็จะพาเจ้ากลับไป เจ้าต้องทำให้ท่านน้าดูว่าเจ้าจะดูแลคนอย่างไร”
เหยาเฟิ่งเกอพูดยิ้มๆ “หากเจ้ามีเวลาเล่นกับนาง ก็พากลับไปเถอะ ข้าจะได้อยู่อย่างสงบๆ เสียสองวัน” ว่าไปแล้ว หู่พั่วและหลิวหลีก็ใกล้จะคลอดบุตรแล้ว เหยาเฟิ่งเกอไม่ได้หยุดพักเลยจริงๆ
เหยาเยี่ยนอวี่พลันตอบกลับ “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ อย่างไรในจวนข้ายังมีจี๋เอ๋อร์ บุตรชายของรองแม่ทัพเฮ่อที่ยังคอยเล่นกับนางได้ พี่สาววางใจเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่พาจิ่นเย่ว์กลับจวนแม่ทัพจริงๆ พอเข้าประตูยัยหนูน้อยก็วิ่งเล่นในเรือนอย่างมีความสุข ซูอวี้เหิงเข้าประตูก็เห็นยัยหนูน้อยกำลังวิ่งเล่นอยู่ จึงยิ้มอย่างตกตะลึง “เย่ว์เอ๋อร์มาได้อย่างไร”
“ท่านอา!” ซูจิ่นเย่ว์ขานเรียกอย่างมีความสุข แม้กระทั่งหน้ายังไม่เงย ก็หยิบผลซิ่ง[1]ที่ยังไม่สุกดีมากัด เปรี้ยวจนจมูกและตาย่นจนดูไม่ได้ จากนั้นก็รีบคายออกจากปากทันที
“ฮ่าๆ!” ซูอวี้เหิงหัวเราะจนตัวงอทันที จากนั้นเอาผ้าเช็ดหน้ารับผลซิ่งยัยหนูน้อยคายออกมา แล้วเช็ดปากของนางให้สะอาด พร้อมพูดยิ้มๆ “เหตุใดเจ้าถึงกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ไปเอานี่มาจากที่ใดกัน”
“พี่สาวคนนั้นให้ข้า” ซูจิ่นเย่ว์ชี้ไป กลับชี้ตัวเฝิงหมัวมัว ทำให้คนทั้งเรือนหัวเราะเพราะนางอีกครั้ง
เหยาเยี่ยนอวี่เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาก็เห็นซูอวี้เหิง จึงพูดยิ้มๆ “หลายวันมานี้เจ้าไม่อยู่จวน ในจวนเกิดเรื่องวุ่นวายจนทำให้ข้าปวดศีรษะนัก ไม่ได้ไปสำนักแพทย์หลายวันแล้ว เกรงว่าใต้เท้าจางคงไร้ความอดทนแล้ว เจ้ากลับมาได้เสียที”
“เรื่องในจวนก็ปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ เรื่องด้านนอก ข้าคงช่วยพี่เหยาไม่ได้ ทว่าเรื่องยิบย่อยในเรือนคงจะรับมือได้อยู่แล้ว” ซูอวี้เหิงพูดไป หันไปรับถ้วยชาในมือของสาวใช้พลางยื่นให้เหยาเยี่ยนอวี่ แล้วยังถามว่า “งานในโรงงานกระจกแห่งใหม่ เป็นเช่นไรบ้างแล้ว”
“อืม เรื่องยากที่สุดก็ถือว่าสะสางเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร” เหยาเยี่ยนอวี่ก้มหน้าเป่าชาร้อนๆ พลางจิบเบาๆ หนึ่งคำ แล้วถาม “เซียวอี้ออกไปสองวันแล้วใช่หรือไม่”
ซูอวี้เหิงยิ้มจางๆ “คงเป็นเช่นนั้น ข้ากลับมาก็ยังไม่เห็นเงาของเขาเลย”
เหยาเยี่ยนอวี่ตบมือนางพลางยิ้มน้อยๆ “หลายวันมานี้ พวกเขายุ่งมาก ข้าก็ไม่ได้เจอแม่ทัพมาสองวันแล้ว พวกเขาอยู่ด้วยกัน เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“ข้าไม่ได้เป็นห่วงเสียหน่อย” ซูอวี้เหิงยิ้มจางๆ “ข้าแค่เป็นห่วงพี่เหยา”
“อย่าพูดเช่นนี้สิ ขืนรองแม่ทัพถังมาได้ยินเข้า คงเกลียดฆ่าจนตาย”
“เขากล้าหรือ” ซูอวี้เหิงพูดขึ้น
“เขาไม่กล้าตอนอยู่ต่อหน้าเจ้า อาจมาลอบทำร้ายข้าทีหลังก็ได้”
“พี่เหยายังจะพูดอีก ตอนนี้เขากลัวพี่สาวมากกว่าแม่ทัพอีก จะกล้าทำร้ายท่านได้อย่างไร”
เหยาเยี่ยนอวี่นึกถึงถังเซียวอี้ที่เกือบจะทิ้งงานมงคลสมรสเพราะถูกตนเองกลั่นแกล้ง จึงอดยิ้มไม่ได้
ขณะที่กำลังยิ้ม จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงทารกร้องไห้ เหยาเยี่ยนอวี่หันไปถามเซียงหรู “ทารกที่ไหนร้องไห้”
เซียงหรูค้อมตัวตอบกลับ “ทารกที่อุ้มกลับมาจากโรงงานกระจกในก่อนหน้านี้ บิดาและมารดาก็เสียชีวิตไปแล้ว ทิ้งไว้แต่เพียงทารกน้อยๆ เจ้าค่ะ ฮูหยินบอกให้อุ้มกลับมาเลี้ยง ก่อนหน้านี้เฝิงหมัวมัวหาแม่นมมาได้หนึ่งคน ทารกคนนั้นเหมือนไม่ค่อยถูกคอกับแม่นมผู้นั้น เอะอะก็ร้องไห้ตลอดเวลา ฮูหยินอย่าได้รำคาญใจไปเลยเจ้าค่ะ บ่าวจะไปบอกนางประเดี๋ยวนี้ ให้รีบอุ้มเด็กไปไกลๆ”
ขณะที่พูด อูเหมยที่อยู่ข้างๆ ก็เดินออกไปด้านนอก กลับถูกเหยาเยี่ยนอวี่รั้งไว้ “ช้าก่อน” อูเหมยพลันหันกลับมา เหยาเยี่ยนอวี่สั่งการอีกครั้ง “ไปอุ้มเด็กคนนั้นมาให้ข้าดูที”
[1] ผลซิ่ง คือ แอปริคอท