หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 498 เก็บแห (4)
ตอนที่ 498 เก็บแห (4)
“แต่เรื่องนี้ต้องเตรียมงานเป็นอย่างดี…”
“เงียบปาก คำสั่งของนายท่าน เจ้าไม่ฟังแล้วหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“ต้องรอนานเพียงใดถึงจะได้การเคลื่อนไหว”
“สามวันเจ้าค่ะ”
“ช้าเกินไป! นายท่านรอไม่ได้นานเช่นนี้”
“…”
“สองวัน วันมะรืนเวลานี้ นายท่านต้องเห็นคนแซ่เว่ยทุรนทุราย ทางที่ดีที่สุดให้ไอ้ฮ่องเต้เกรี้ยวโกรธจนสังหารให้สิ้นซากได้ยิ่งนัก!”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
ทั้งสองปรึกษาหารือกันอย่างง่ายๆ เสร็จ ต่างก็แยกย้ายกันกลับ คนที่ลอบตามมาก่อนหน้านี้คงไม่จำเป็นต้องตามกลับไปอีก เขาต้องกลับบ้านสวนองค์หญิงคังผิงแน่นอน ส่วนอีกคนนี่แหละที่ต้องติดตามทุกฝีก้าว ถังเซียวอี้ที่ลอบตามมาอีกเส้นทางก็ติดตามคนร่างเรียวเล็กไปโดยไม่ลังเล
เพื่อที่จะจับตามองคนคนนี้ เว่ยจางก็สั่งให้กองกำลังนกอินทรีที่เฝ้าอยู่ละแวกบ้านสวนแบ่งกองกำลังมาสมทบครึ่งหนึ่ง คอยจับตามองจนถึงคืนวันที่สอง สังเกตเห็นว่าสตรีผู้นี้พาคนสองคนไปยังถนนเส้นหนึ่งอย่างเร่งรีบ เว่ยจางจึงสะดุ้งตกใจในใจทันที
แม้กระทั่งสถานที่ลับเช่นนี้ พวกเขายังรู้!
ถังเซียวอี้ก็มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ แล้วมองทั้งสามเข้าไปในผืนป่าลึกลับ จึงอดขยับเข้าไปเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำไม่ได้ “พี่ใหญ่ นี่ยังมีความลับอะไรซ่อนอยู่”
“เป้าหมายของพวกเขาคือทำลายที่นี่” เว่ยจางไม่ได้ตอบคำถาม สีหน้าเลือดเย็นกว่าทิศทางเหนือ
“ที่นี่คงไม่ใช่ว่ามีคนของพวกเขาอยู่นะ?” รองแม่ทัพเว่ยลดความมั่นใจในตนเองลงไปทันที
ด้านหลังผืนป่าแห่งนี้มีถ้ำขนาดใหญ่ซ่อนอยู่ ด้านในเป็นสถานที่แม่ทัพเว่ยลอบรวบรวมกำลังคน แล้วสร้างฐานดินปืนไว้
เพราะตอนช่วงตรุษจีนที่ปล่อยประทัดไม้ไผ่ เหยาเยี่ยนอวี่พูดขึ้นลอยๆ สองสามประโยค จึงทำให้โน้มน้าวแม่ทัพเว่ยทำสิ่งนี้ขึ้น เขาไปกราบทูลฮ่องเต้อย่างชัดเจน จากนั้นจึงกลายเป็นคนที่จัดการราชกิจลับนี้ เหตุเพราะมันเกี่ยวข้องกับความลับทางแคว้นและทหาร คนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี นอกจากมีช่างที่ตั้งแต่เข้ามาก็ยังไม่ได้ออกไปไหนแล้ว ผู้ที่เข้าออกที่นี่ได้ นอกจากฮ่องเต้และทหารคนสนิทแล้ว ก็มีเพียงเว่ยจางและกองกำลังนกอินทรีของเขา
หรือว่าที่นี่จะมีไส้ศึกของชาวเกาหลี?!
“ปฏิบัติการ บนร่างของพวกเขามีพิษ ต้องทำให้พวกเขารอดชีวิตให้ได้” เว่ยจางกล่าวจบก็ออกปฏิบัติก่อน
ถังเซียวอี้ตามอยู่ด้านหลัง ทั้งสองว่องไวดั่งสายลม ไม่ทิ้งร่องรอยแม้แต่น้อย
สถานที่ซ่อมแซมโดยผ่านตาตนเอง แน่นอนว่าต้องคุ้นเคยมากที่สุด ต่อให้หลับตาก็ยังซ่อนตัวอย่างระมัดระวังและรวดเร็วกว่าทุกคน
เว่ยจางไม่เชื่อว่าสถานที่ที่ตนเองรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจะมีโจรบุกเข้ามาได้ ดังนั้นจึงให้ถังเซียวอี้ติดตามสามคนนั้นไป ส่วนตัวเองก็ใช้ถนนลับอีกเส้นเข้าไปในถ้ำ
สามคนนั้นที่อยู่ด้านนอกปล่อยหนูขาวในมือ จากนั้นก็ถูกถังเซียวอี้จับไว้ได้
รองแม่ทัพถังพาทหารนกอินทรีหกคนไปลอบจู่โจมสามคนที่บุกรุกเข้ามาในนี้ สุดท้ายก็จับพวกเขามาตีจนฟันพิษในปากร่วง หักขากรรไกของพวกเขา ซ้ำยังตัดเส้นเอ็นมือและกระดูกให้ขาด ทุกอย่างก็เพื่อให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้ฆ่าตัวตาย
“ใช้วิธีนี้ส่งสารกระนั้นหรือ กลับค่อนข้างพิเศษ” ถังเซียวอี้มองหนูขาวโพลนที่ในปากยัดเครื่องมือส่งสารไว้หายตัวเข้าไปในพุ่มไม้ ก็อดยกมือเชยชมฝีมืออันยอดเยี่ยมของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ “เลี้ยงสัตว์เหล่านี้ คงจะเปลืองกำลังน่าดู?”
แต่น่าเสียดายที่ทั้งสามตอบโต้ใดๆ ไม่ได้ เหตุเพราะขากรรไกรของพวกเขาหักไปแล้ว มุมปากจึงเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง น้ำลายไหลย้อยไม่หยุด เอ่ยไม่ได้แม้แต่คำเดียว
ถังเซียวอี้ไม่ไว้วางใจทั้งสามคนนี้ จึงสั่งให้ทหารนกอินทรีคนหนึ่งเข้าไปส่งสารให้แม่ทัพเว่ย จากนั้นแม่ทัพเว่ยก็จับช่างผลิตปืนดินที่ก้มตัวลงไปจับหนูขาวได้
ในมือของหนูขาวยัดขวดแก้วขนาดเล็กไว้ นี่เป็นของที่โรงงานกระจกของเหยาเยี่ยนอวี่ผลิตออกมา เป็นบรรจุภัณฑ์ที่เหล่าสตรีเอาไว้ใช้ใส่น้ำมันหอม ขนาดความหนาและยาวเท่านิ้วชี้ เก็บไว้ในถุงบุหงาแล้วก็สะดวกพกพาไปได้ทุกที่
ในขวดเล็กมีกระดาษม้วนอยู่ ด้านบนเขียนตัวอักษรขนาดเล็กว่าระเบิด
“ลายมือใช้ได้” แม่ทัพเว่ยใช้นิ้วบี้กระดาษขนาดเล็กนั้น แล้วแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็น
ช่างปืนดินคนนี้ไม่ใช่ชาวเกาหลี เป็นช่างในเมืองหลวงอวิ๋นที่มีบรรพบุรุษประดิษฐ์ประทัดไม้ไผ่มาสามรุ่นแล้ว เว่ยจางจึงมองเขาแล้วยิ้มเย็นชาเล็กน้อย “บอกสิ่งที่เจ้ารู้ออกมาให้หมด ข้าอาจพิจารณาให้ศพเจ้าสวย”
“ท่านแม่ทัพ!” คนคนนั้นคุกเข่าลงทันที “ได้โปรดช่วยชีวิตครอบครัวของบ่าวด้วยเถอะ! บ่าวขาดสติจึงกระทำความผิดโทษฐานถึงตาย ต่อให้บ่าวตายไปก็ไม่เสียดาย แต่สงสารหลานอายุห้าขวบของบ่าวเถอะ…ท่านแม่ทัพได้โปรดช่วยเขา! บ่าวจะบอกทุกอย่างที่รู้”
“ไม่เลว ช่างกล้าหาญยิ่งนัก” เว่ยจางยิ้มจางๆ แล้วมองช่างชราคนนั้น “มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังกล้าต่อรองกับข้าอีกหรือ”
ช่างชราคนนั้นสะดุ้งตกใจเพราะเสียงแสยะยิ้มอันเลือดเย็นจนร่างสั่นงันงก แล้วอดถอยไปด้านหลังไม่ได้
“เจ้าไม่อยากพูดที่นี่ ก็เปลี่ยนสถานที่พูดเถอะ” กล่าวจบ แม่ทัพเว่ยผายมือ ทหารนกอินทรีสองนายที่อยู่ด้านหลังเดินหน้ามามัดสองมือของช่างชรา แล้วนำตัวออกไป
อยากจะทำลายที่่นี่? โหดเหี้ยมจริงๆ
เว่ยจางกวาดสายตามองถ้ำที่กว้างขวางแห่งนี้ พลางมองปืนใหญ่ที่กำลังเกิดเป็นรูปเป็นร่าง จึงแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็นอีกครั้ง
เหยาเยี่ยนอวี่ถูกคนปลุกให้ตื่นจากฝันหวาน นี่เป็นเวลายามสี่
“อะไรของเจ้า! ตาบ้า” เหยาฮูหยินที่โดนปลุกให้ตื่นกลางดึกจึงสะบัดมือด้วยความโมโห นางปัดมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้ไปเรื่อยออก แล้วกำลังจะพลิกตัวหลับต่อ
“ฮูหยิน” เว่ยจางจับข้อมือของนางไว้ แล้วใช้แรงดึงนางออกจากผ้าห่มเข้ามาในอ้อมกอด “ตื่นๆ มีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ”
“มีเรื่องเร่งด่วนอะไร รอให้ข้าตื่นนอนก่อนค่อยพูด…อย่ากวนข้า” เหยาฮูหยินโมโหเดือดพล่าน นางเพิ่งหลับไปตอนยามสามหรือเปล่า นี่เพิ่งหลับไปยามกว่าหรือเปล่า สตรีหลับไม่สนิทอาจทำให้ผิวเหี่ยวย่นหรือเปล่า สตรีผิวเหี่ยวย่นน่ากลัวมากหรือเปล่า บุรุษที่แก่เฒ่าแล้วยังแต่งตั้งอนุภรรยาได้ ทว่าสตรีแก่เฒ่าทำได้เพียงกินนอนรอความตายหรือเปล่า นางไม่อยากใช้ชีวิตเช่นนั้นหรือเปล่า
“ถ้ายังไม่ตื่น ข้าจะหอมเจ้า” เว่ยจางรู้ว่านางตื่นแล้ว เพียงแค่ขี้เซาเท่านั้น
“หรือเจ้าอยากให้ข้าทำเจ้าจนตื่น”
“ก็ได้ ทีแรกข้าอยากรอให้สะสางราชกิจเสร็จแล้วบรรเลงเพลงรักกับเจ้า ทว่าตอนนี้ก็คงทำได้เพียงปล่อยให้ถังเซียวอี้รอด้านนอกไปสักพัก”
“ตามสมรรถภาพของข้า อย่างน้อยก็ต้องหนึ่งชั่วยามไหม ไม่รู้ว่าให้เซียวอี้ยืนกลางสวนจนฟ้าสาง เขาจะคิดอย่างไร”
“อ้อ ใช่แล้ว ถ้าฮูหยินครางออกไปอย่างไม่ทันระวัง เขาต้องได้ยินแน่ๆ”
“จริงๆ เขาได้ยินไปแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอีก ข้าแค่กลัวว่าเขาจะหาว่าข้าถ่วงเวลาอีกแล้ว กลับไปเล่าเรื่องนี้ให้ฮูหยินของเขาฟัง…”
เหยาฮูหยินทนไม่ไหวอีกต่อไป จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมานั่ง แล้วถลึงตามองเจ้าสารเลวนี่ด้วยความโมโห “เจ้าจะทำอะไรกันแน่!”
“ฮูหยินช่วยข้าที เรื่องนี้นอกจากเจ้าแล้ว เกรงว่าคงไม่มีใครทำได้” เว่ยจางพูดไป ก็หันไปเอาเสื้อผ้าของเหยาเยี่ยนอวี่ที่อยู่ด้านข้างมาสวมให้นาง “เร็ว รีบสวมเสื้อผ้าเถอะ”