หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 499 สตรีสติวิปลาสโวยวาย คำพูดอันน่าตกตะลึงของเด็ก (1)
ตอนที่ 499 สตรีสติวิปลาสโวยวาย คำพูดอันน่าตกตะลึงของเด็ก (1)
เหยาเยี่ยนอวี่นวดขมับพลางดื่มด่ำกับการปรนนิบัติของแม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋ว หลังจากแต่งกายเสร็จ ก็ออกประตูขี่ม้าไปกับเขาทั้งที่ยังคงสะลืมสะลือ นางนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาที่กำลังขี่ม้ามุ่งไปด้านหน้าอย่างว่องไว จวบจนถึงประตูสำนักแพทย์ ถึงจะตื่นขึ้นมา
“เจ้าพาข้ามาทำอะไรที่นี่” เหยาเยี่ยนอวี่ถามอย่างแปลกใจ
แม่ทัพเว่ยไม่พูดสิ่งใด แค่ลงจากรถม้าก่อนแล้วค่อยอุ้มนางลงทีหลัง กำชับด้วยเสียงเบา “ช้าหน่อย”
เข้าประตูสำนักแพทย์ เหยาเยี่ยนอวี่เงยหน้ามองเหล่าทหารที่ดูคุ้นหน้าสามสี่นาย ภายในใจนึกว่า นี่คือทหารคนสนิทของฮ่องเต้ ทันใดนั้นหยุดออดอ้อน แล้วรวบรวมสติเดินตามเว่ยจางผ่านโถงหน้าไปลานด้านหลัง
วันนี้ราชครูเซียวตั้นเข้าพักที่สำนักแพทย์อีกครั้ง ทว่าผู้เฒ่าอายุมาก สุขภาพร่างกายไม่สู้ดีนัก การกลับเข้าพักคราวนี้ ฮ่องเต้จึงไม่ได้บัญชาให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอลังการ
ใต้เท้าจางที่ไม่ได้นอนพักดีๆ ก็ถูกสั่งให้ไปเล่นหมากล้อมกับฮ่องเต้แล้ว
“กระหม่อมเว่ยจาง หม่อมฉันเหยาเยี่ยนอวี่ ถวายบังคมฝ่าบาท” สองสามีภรรยาเว่ยจางต่างถวายบังคมพร้อมกัน
ฮ่องเต้วางหมากล้อมในพระหัตถ์ลง พลางหันไปตรัส “ลุกขึ้นเถอะ”
เว่ยจางและเหยาเยี่ยนอวี่ต่างก็ลุกขึ้น ใต้เท้าจางก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง “กระหม่อมขออำลาพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ รอให้จางฉางเป่ยออกไป ก็ทอดพระเนตรไปที่เหยาเยี่ยนอวี่ “เจิ้นตามเจ้ามาตอนดึกดื่น มีเรื่องต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันค้อมตัวทูลกลับ “ฝ่าบาททรงบัญชาโดยตรงเลยเพคะ”
“เจิ้นได้ยินว่า หนึ่งในการฝังเข็มแบบไท่อี่มีแบบที่เรียกว่าเจินสิง เจ้าเป็นหรือไม่”
เหยาเยี่ยนอวี่ตะลึงงันไปทันที แล้วอดมองเว่ยจางปราดหนึ่งไม่ได้ จากนั้นก้มหน้าทูลกลับ “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันพอได้ยินมาบ้าง ทว่ายังไม่เคยลองเพคะ”
“วันนี้เจิ้นให้โอกาสเจ้าลองดู หากทำให้สองคนนั้นยอมเปิดปากพูดความจริงแต่โดยดี เจิ้นจะตบรางวัลอย่างงาม”
“เพคะ” เหยาเยี่ยนอวี่พลันค้อมตัวตอบกลับ แล้วหันไปมองเว่ยจางอีกครั้ง
เว่ยจางประสานมือคารวะฮ่องเต้ พลางทูลถาม “ฝ่าบาท จะพาคนมาเลย หรือว่า…”
“เจิ้นจะไปพร้อมกับพวกเจ้า” ฮ่องเต้โยนหมากล้อมหนึ่งอันเข้าไปในหีบ จากนั้นเสด็จลงจากตั่งไม้
การฝังเข็มเจิ้นสิง เป็นการฝังเข็มเส้นลมปราณที่ทำให้รู้สึกทรมานจวนตาย ทำให้คนผู้นั้นยอมจำนนด้วยการใช้ความรุนแรง ตามหลักแล้ว หากมีเว่ยจางและถังเซียวอี้อยู่ การไต่สวนโดยใช้ความรุนแรงไม่น่ามีปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าคนเกาหลีได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด วิธีของเว่ยจางและถังเซียวอี้จึงไม่ได้ผลกับพวกเขานัก หลังจากทรมานอย่างโหดเหี้ยมแล้ว ก็อาจทำให้ถึงขั้นสิ้นชีวิตได้ สุดท้ายก็จะไม่ได้เบาะแสอะไรจากปากของนักโทษ
ก่อนหน้านี้ จางฉางเป่ยยังเป็นคนทูลฮ่องเต้ หนึ่งในการฝังเข็มแบบไท่อี่เรียกว่าเจินสิง เอาไว้ใช้ไต่สวนนักโทษด้วยวิธีทรมาน
ฮ่องเต้ถึงจะรับสั่งให้เว่ยจางกลับจวน เพื่อรับเหยาเยี่ยนอวี่มาที่นี่
หลังจากการไต่สวนโดยใช้เครื่องมือทรมานจบลง พวกคนเกาหลีก็ยอมเปิดปากพูดทั้งหมดออกมาแล้ว เหยาเยี่ยนอวี่เองก็เหนื่อยจวนตาย
ภายหลังฮ่องเต้ก็ทรงมีสีพระพักตร์ที่บูดบึ้ง แม่ทัพเว่ยเองก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เป็นอย่างมาก
เฉินหวังซื่อจื่ออวิ๋นคุนพาทหารจิ่นหลินล้อมรอบบ้านสวนองค์หญิงคังผิงไว้ องค์หญิงคังผิงกำลังหลับฝันหวานในอ้อมแขนของหยาจวิ้นอยู่
ทหารรักษาการณ์อยู่ละแวกบ้านสวน เดิมทีเป็นทหารจิ่นหลินอยู่แล้ว ตอนนี้พอเห็นพระราชโองการของฮ่องเต้จะกล้าไม่ทำตามได้อย่างไร อวิ๋นคุนจึงเข้าไปในบ้านสวนได้อย่างง่ายดาย เหล่าสาวใช้ที่อยู่ในเรือนตกใจจนวิ่งเสลือกสลนทันที
หยาจวิ้นลืมตาขึ้นทันที แล้วผลักสตรีในอ้อมแขนออกโดยไม่สนว่าตนเองจะเป็นหรือตาย เพิ่งพลิกตัวลุกขึ้นลงจากเตียง กลับถูกองค์หญิงคังผิงจับแขนเสื้อไว้ “ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น”
“มีคนมาเยือน” หยาจวิ้นอยากผลักมือขององค์หญิงคังผิงออก ทว่านางกลับจับแน่นมาก และเขาก็ไม่อยากแตกคอกับนางในตอนนี้
“ทหาร!” องค์หญิงคังผิงได้สติกลับมาทันที ทันใดนั้นก็รีบดึงเสื้อคลุมมาใส่
“ตามพระราชโองการของฝ่าบาท จับกุมตัวองค์ชายสามเผ่าเกาหลีเดี๋ยวนี้!” อวิ๋นคุนกล่าวด้วยเสียงกังวานพลางออกคำสั่ง “ลงมือ!”
“ใครบังอาจ!” องค์หญิงคังผิงแม้สวมเสื้อคลุมกลับยังคงน่าเกรงขาม คิ้วดั่งใบหลิ่วขมวดเป็นปม พลางขวางอยู่ตรงหน้าหัวแก้วหัวแขวน พร้อมทั้งสบถหยาบอย่างโมโห “อวิ๋นคุน! เจ้าบ้าไปแล้ว! แม้กระทั่งบ้านสวนข้ายังกล้าบุกรุกอีกหรือ!”
“พี่คังผิง ข้าก็ทำตามพระราชโองการของฝ่าบาท ต้องขออภัยแล้ว” อวิ๋นคุนประสานมือคารวะองค์หญิงคังผิง จากนั้นมองผ้าตาข่ายขาวที่พันอยู่ตรงน่องของบุรุษรูปงามเพียงชั่วพริบตา พร้อมทั้งสั่งการทหารจิ่นหลินที่อยู่ด้านหลังด้วยเสียงเย็นชา “ยังไม่ลงมืออีก รอโดนลงโทษอยู่หรือไร”
ทหารจิ่นหลินก็ไม่สนองค์หญิงคังผิงอีกต่อไป เดินหน้าไปจับกุมตัวบุรุษนามว่าหย่าจวิ้นด้วยโซ่เหล็ก
“พวกเจ้ากำลังใส่ความผู้อื่น! ใครบอกว่าเเขาคือองค์ชายเกาหลี เว่ยจางใช่หรือไม่ เขาบอกอะไรก็ว่าตามนั้นหรือ ใครเป็นผู้เป็นใหญ่ในราชวงศ์ต้าอวิ๋น! เสด็จพ่อนับว่าเป็นใคร! ข้าองค์หญิงต้าอวิ๋นนับว่าเป็นใคร!” องค์หญิงคังผิงเดินหน้าเตะทหารจิ้นหลิ่นด้วยความโมโหสุดขีด ไม่ยอมให้พวกเขาจับกุมตัว
อย่างไรก็ตาม ทหารจิ่นหลินก็ไม่กล้าลงไม้ลงมือกับองค์หญิง ทำได้เพียงหันไปมองอวิ๋นคุน
อวิ๋นคุนยิ้มเย็น “องค์หญิงคังผิง หากข้าเป็นเจ้า คงจะคิดหาวิธีเข้าวังไปขอร้องเสด็จลุง เช่นนั้นบุรุษที่ท่านหมายปองอาจตายศพสวยขึ้นมาหน่อยก็ได้ ท่านมัวแต่งอแงอยู่ที่นี่ ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย” กล่าวจบ เขาก็เดินหน้าสองก้าวพลางดึงองค์หญิงคังผิงให้หลีกทางไป แล้วหันไปตวาดใส่ทหารจิ่นหลิน “ไอ้พวกสวะ! ยังไม่รีบไปจับตัวมันอีก!”
ทหารจิ่นหลินตอบรับ แล้วลากตัวนักโทษออกไปทันที องค์หญิงคังผิงที่สติวิปลาสก็ผลักอวิ๋นคุนอย่างแรง ทว่าอวิ๋นคุนเป็นนักรบในค่ายทหาร กำลังเพียงเล็กน้อยของคังผิงย่อมผลักอวิ๋นซื่อจื่อไม่ไหวอยู่แล้ว
ท้ายที่สุดก็ยุ่งกับเรื่องวุ่นวายพวกนี้จนเสร็จ เว่ยจางอุ้มฮูหยินกลับถึงจวน สองสามีภรรยารีบโดดลงไปในอ่างอาบน้ำทันที จากนั้นแม่ทัพก็อุ้มฮูหยินกลับไปบนเตียงอย่างพึงพอใจ พร้อมทั้งเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าชั้นกลางให้นางกับมือ ทั้งสองก็พักผ่อนอย่างสบายใจทันที
หลังจากพักผ่อนไปสักพัก แม่ทัพเว่ยก็ตื่นเพราะเสียงร้องไห้ของเด็กน้อย เสียงร้องไห้นั้นฟังดูดื้อดึงอยากจะได้ดังใจ ทั้งยังสอดแทรกด้วยเสียงกล่อมอันกระวนกระวายของเหล่าสาวใช้
แม่ทัพเว่ยยังดี ไม่ว่าจะเหนื่อยเพียงใด เพียงได้หลับสนิทสองสามชั่วยามก็มีชีวิตชีวาแล้ว ทว่าเหยาฮูหยินกลับรับไม่ไหว เวลานี้ด้านนอกส่งเสียงวุ่นวายมากเช่นนี้ นางทำได้เพียงพลิกตัวนอนต่อใต้ผ้าห่ม
เว่ยจางขมวดคิ้วสวมชุดคลุมลงจากเตียง พร้อมเดินไปตรงประตูด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ไปเอาเด็กมาไหนกัน เหตุใดถึงปล่อยให้ร้องไห้เช่นนี้”
แม่นมของยัยหนูน้อยจิ่นเย่ว์เห็นแม่ทัพปั้นหน้าบูดบึ้ง ก็ตกใจจนพูดจาไม่รู้ความทันที “แม่ทัพ…ได้โปรดอภัย บ่าวจะพาเจี่ยเอ๋อร์ออกไปประเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” ขณะที่พูด แม่นมก็รีบกล่อมซูจิ่นเย่ว์ทันที “คุณหนูผู้แสนดี ท่านน้ากำลังพักผ่อนอยู่ พวกเราออกไปเล่นด้านนอกก่อนเถอะ บ่าวจะไปจับผีเสื้อให้คุณหนู ดีหรือไม่”
“ไม่ต้อง ข้าจะเข้าไปหาท่านน้า” ยัยหนูน้อยพูดไป ก็รีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที บุรุษหน้าบึ้งตรงประตูไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อนางเลย
แม่นม เซียงหรู และคนอื่นๆ ลอบมองสีหน้าของแม่ทัพเว่ยเพียงชั่วพริบตา จากนั้นก็เลือกก้มหน้านิ่งเงียบอย่างพร้อมเพรียงกัน
ซูจิ่นเย่ว์และสาวใช้ก้าวผ่านกรณีประตู แล้วเดินผ่านแม่ทัพเว่ย ยัยหนูน้อยที่กำลังฝึกเดินมีหลายครั้งที่เกือบจะหกล้ม นางเดินซวนเซผ่านม่านลูกปัดทิศตะวันตกของเรือน มุ่งหน้าไปเตียงนอนของเหยาเยี่ยนอวี่โดยตรง