หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 505 วิงวอนขอบุตร (2)
ตอนที่ 505 วิงวอนขอบุตร (2)
ธุระเกือบครึ่งหนึ่งของวังในล้วนมอบหมายให้แก่ฮุ่ยเฟยและเสียนเฟยเป็นฝ่ายจัดการ สถานการณ์วุ่นวายในวังในและราชวังสำนักก็ซาลง
หลังจากทุกอย่างผ่านไป ทุกคนต่างคิดทบทวนอย่างเงียบๆ เหมือนว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มีเพียงฮูหยินแม่ทัพฝู่กั๋วเท่านั้นที่ได้รับผลประโยชน์เต็มๆ
ทันทีทันใด นี่จึงเป็นเหตุทำให้บางตระกูลชั้นสูงในเมืองหลวงรื่นเริงยินดี ขณะที่บางตระกูลก็ไม่สบอารมณ์กับเรื่องที่เกิดขึ้น
ตระกูลเหยาย่อมรื่นเริงยินดีมากอยู่แล้ว หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าได้ข่าวว่าหลานสาวได้เลื่อนตำแหน่ง จึงปรึกษาหารือกับหวางฮูหยินว่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ หรือไม่ เชิญเพียงตระกูลญาติมิตรคนสนิทมาร่วมก็พอแล้ว
หวางฮูหยินได้รับอิทธิพลจากเหยาหย่วนจือมาโดยตลอด จึงไม่ค่อยทำตัวเป็นที่จุดสนใจ อีกอย่าง บุตรีออกเรือนไปแล้ว นางได้เลื่อนตำแหน่งก็ย่อมเป็นเรื่องดี ทว่าก็ไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้นตระกูลจะเป็นฝ่ายจัดงานเฉลิมฉลอง ดังนั้นจึงโน้มน้าวให้ล้มเลิกความคิดนี้
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่สบอารมณ์ ทำหน้าบูดบึ้งทันที หวางฮูหยินไม่อยากทำให้ในจวนมีเรื่องขุ่นเคืองใจกัน ขืนคนนอกรู้เข้าก็คงจะหัวเราะเยาะเอา จึงเกลี้ยมกล่อม “หลายวันก่อนฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าจะไปจุดธูปขอพรที่วัดมิใช่หรือ วันนี้พวกคนเกาหลีถูกจับกุมตัวกันหมดแล้ว เมืองหลวงอวิ๋นกลับมาสงบสุขอีกครั้ง เช่นนั้นให้สะใภ้สั่งคนไปจัดการเรื่องนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าไปจุดธูปขอพรที่วัดต้าเปยดีหรือไม่”
มีโอกาสออกไปเดินเล่นด้านนอกก็เป็นเรื่องดี ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งตอบตกลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “เช่นนั้นก็สั่งให้คนเลือกวันมงคลมา แล้วส่งคนไปบอกเยี่ยนอวี่ หากนางมีเวลาว่างก็ให้ไปเป็นเพื่อนข้า”
หวางฮูหยินลอบถอนหายใจ และกำลังจะกล่อมอะไรต่อ หนิงฮูหยินน้อยก็พูดยิ้มๆ “ตอนนี้น้องรองต้องคอยรับผิดชอบพลานามัยของฝ่าบาท เกรงว่าคงจะยุ่งกว่าที่ผ่านมา พวกเราแค่ส่งคนไปถามก็พอแล้ว หากนางไม่มีเวลาว่างขึ้นมาจริงๆ อย่างไรมีฮูหยินผู้เฒ่าคอยรักและเอ็นดู ก็คงจะขอพรต่อหน้าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แทนนางได้ด้วยเช่นกัน”
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ส่งคนไปถามนางว่ามีเวลาว่างเมื่อใดสิ” ซ่งฮูหยินผู้เฒ่ายังคงทำหน้าไม่สบอารมณ์ พร้อมเปรยว่า “อย่างไรข้านี่แหละที่มีเวลาว่างเว้นที่สุด ไหนๆ นางก็ยุ่งมากขนาดนั้น ข้าย้ายไปอยู่กับนางก็ได้”
หวางฮูหยินรู้สึกอัดอั้นใจ เพียงแค่ขมวดคิ้วไม่พูดไม่จาไปชั่วครู่ หนิงฮูหยินน้อยก็ทำได้เพียงยิ้มอย่างประหม่า “หากฮูหยินผู้เฒ่าเฝ้าคะนึงถึงหลานสาว สู้ให้ส่งคนไปรับน้องใหญ่มาไม่ดีกว่าหรือ เย่ว์เอ๋อร์เองก็คงจะเฝ้าคะนึงถึงท่านทวดแล้ว”
ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้ว “นางกำลังอยู่ในช่วงไว้อาลัย ยิ่งไปกว่านั้นสามีก็มีสุขภาพร่างกายย่ำแย่ แล้วจะมาเยือนที่จวนต้นตระกูลบ่อยๆ ได้อย่างไร”
หนิงฮูหยินน้อยจึงก้มหน้าตอบกลับ “เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
จู่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งถามอีกครั้ง “หลานเขยใหญ่ป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ นานขนาดนี้ก็ยังไม่หายดีอีก เยี่ยนอวี่ไม่ได้เป็นหมอหลวงที่ดีที่สุดหรือ เหตุใดถึงไม่ไปรักษาพี่เขยของตนเล่า”
หวางฮูหยินพูดเสียงเรียบ “ตอนนี้เยี่ยนอวี่เป็นหมอหลวงประจำของฝ่าบาทแล้ว ไม่มีพระราชโองการของฝ่าบาท นางไปรักษาผู้ป่วยคนไหนไม่ได้เจ้าค่ะ”
“หลานเขยใหญ่ไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย ญาติที่สนิทมากเช่นนี้ เพียงอ้างไปว่าเยี่ยมเยียน ก็แค่ฉวยโอกาสจับชีพจรดูอาการเบื้องต้นหน่อยก็ได้หรือเปล่า อย่างไรก็ย่อมดูอาการได้ดีกว่าหมอหลวงผู้อื่นเป็นร้อยเท่า พวกเจ้านี่จริงๆ เลย เหตุใดถึงไม่รู้จักยื่นมือไปช่วยเหลือ หรือจะปล่อยให้เฟิ่งเจี่ยเอ๋อร์เฝ้าสามีที่ป่วยไปชั่วชีวิต”
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเหมือนจะจับจุดด้อยของสะใภ้จนเจอเสียที จึงพูดเรื่องนี้ไม่หยุด ทั้งยังพูดจาดูหมิ่น “หรือเฟิ่งเจี่ยเอ๋อร์ไม่ได้ออกจากครรภ์ของเจ้า เจ้าถึงยอมปล่อยให้นางทุกข์ทรมานเช่นนี้”
หวางฮูหยินได้ยินคำพูดนี้กลับเครียดจนแย้มยิ้ม “ฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างกับว่าสะใภ้เห็นเฟิ่งเจี่ยร์เอ๋อร์ใช้ชีวิตลำบากแล้วมีความสุขมากเช่นนั้นแหละ”
หนิงฮูหยินน้อยก็ได้ส่งสายตาให้คนของตนเองนานแล้ว จินหวนออกไปด้านนอกก่อนแล้ว ตอนกลับมาก็เห็นหวางฮูหยินมีสีหน้าเปลี่ยนไป เดินหน้ามารายงานทันที “นายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ บอกว่ามีธุระจะคุยกับฮูหยิน เลยเชิญฮูหยินไปพบเจ้าค่ะ”
หวางฮูหยินจึงลุกขึ้น แล้วกล่าวกับซ่งฮูหยินผู้เฒ่า “สะใภ้ขอตัวเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งจะโกรธเคืองเพียงใดก็ไม่อาจไม่ปล่อยให้หวางฮูหยินไปสะสางงานเรือน ดังนั้นจึงแค่นเสียงไม่พอใจ แล้วผายมือ “ไปเถอะๆ!”
หนิงฮูหยินน้อยก็ถือโอกาสพูดว่า “หลานสะใภ้ขอตัวไปดูความเรียบร้อยของโรงครัวก่อน ยาต้มรอบดึกของฮูหยินผู้เฒ่าไปถึงไหนแล้ว นี่เป็นยาสมุนไพรที่น้องรองจ่ายด้วยตัวเอง นางกำชับว่าระดับไฟสำคัญมาก หากเหล่าสาวใช้ไม่รอบคอบ ฤทธิ์ยาอาจไม่ได้ตามความต้องการเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งพยักหน้า ไม่ได้มากความอะไรอีก
ในเรือนเงียบงันทันที สาวใช้ที่คอยปรนนิบัติล้วนผ่านการสั่งสอนโดยหวางฮูหยิน เวลานี้ต่อให้เจตนาประจบประแจงฮูหยินผู้เฒ่า แต่ก็ไม่กล้าผิดใจกับหวางฮูหยินอยู่แล้ว ทุกคนเพียงต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเท่านั้น
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งบอกว่าเบื่อหน่ายมาก จะไปเดินเล่นกลางสวนบุษบาด้านหลัง
สาวใช้ชั้นล่างที่อยู่นอกประตูเลิกม่านประตูขึ้นด้วยรอยยิ้มเบิกบาน พร้อมรายงาน “คุณหนูสามมาแล้วเจ้าค่ะ”
“อ้อ ยัยหนูสามมาแล้วหรือ!” ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าแย้มยิ้มทันที เวลานี้ผู้ที่ทำให้นางยิ้มได้มีเพียงคนเดียวก็คือคุณหนูสามแล้ว
เหยาเชวี่ยหวาเข้าประตูก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่าจับไม้เท้ายืนอยู่ในเรือน จึงเดินหน้าไปโค้งคำนับด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินผู้เฒ่าจะไปไหนเจ้าคะ”
“อุดอู้อยู่แต่ในเรือนจนใคร่จะบ้าแล้ว เลยอยากออกไปเดินสูดอากาศด้านนอก เจ้ามาได้เวลาพอดี ไปเดินเล่นในสวนเป็นเพื่อนข้าที”
เหยาเชวี่ยหวาเดินหน้าไปพยุงฮูหยินผู้เฒ่าทันที แล้วพูดยิ้มๆ “หลานก็กำลังคิดว่าจะมาเชิญฮูหยินผู้เฒ่าออกไปเดินเล่นพอดี พี่รองบอกแล้ว อุดอู้อยู่แต่ในเรือนทั้งวันไม่ดีต่อสุขภาพเจ้าค่ะ”
“พี่รองเจ้ากล่าวไม่ผิดเลย” ฮูหยินผู้เฒ่าพยุงมือหลานสาวออกจากประตู แล้วเดินผ่านระเบียงไปสวนบุษบาด้านหลัง
“พี่รองไม่ได้มาเยี่ยมฮูหยินผู้เฒ่านานแล้ว ท่านคงคิดถึงพี่รองแย่”
“อืม ใช่! ได้ยินว่านางยิ่งอยู่ยิ่งยุ่งแล้ว! เฮ้อ เจ้าว่าสตรีผู้หนึ่ง กลับวุ่นกับงานด้านนอกทั้งวันเช่นนี้ งานเรือนจวนแม่ทัพคงต้องปล่อยให้คนอื่นจัดการแล้ว”
“มีคนช่วยพี่รองจัดการก็ไม่เลวแล้วเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นนางยิ่งลำบากกว่าเดิม!”
“แต่สะสางงานเรือนเป็นหน้าที่พึงกระทำของสตรีอย่างเรา หรือจะปล่อยให้บ่าวทำแทนชั่วชีวิต”
“พี่รองไม่เหมือนฮูหยินอื่นนี่เจ้าคะ”
“เฮ้อ! ข้าเป็นกังวลเรื่องนี้แหละ!” ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจเบาๆ
“พี่ใหญ่ก็ไม่ได้มาเยือนสักระยะแล้ว” เหยาเชวี่ยหวาพูดไป ก็ลอบมองซ่งฮูหยินผู้เฒ่าเพียงชั่วพริบตา “ได้ข่าวว่าพี่หู่พั่วและพี่หลิวหลี…”
“ฮึ! อย่าเอ่ยถึงเรื่องนี้กับข้าเลย แค่เพียงเอ่ยถึงข้าก็เครียดนัก” ฮูหยินผู้เฒ่าพลันปั้นหน้าหม่นหมอง “ตนคลอดบุตรไม่ได้ แล้วยังให้เมียบ่าวคลอดบุตรชายแทนอีก! บุตรชายที่ออกจากครรภ์คนอื่น อนาคตจะเชื่อมเป็นหนึ่งใจเดียวกันกับนางได้อย่างไร! เหลวไหลไปกันใหญ่!”
เหยาเชวี่ยหวายิ้มอย่างขมขื่น “พี่ใหญ่อาจมีความลำบากของตนเอง เพียงแต่เอ่ยออกมาไม่ได้ก็เท่านั้น”
สองย่าหลานกำลังเสวนาไปด้วยและเดินเล่นไปด้วย ทางฝั่งโน้นก็มีคนไปรายงานเรื่องนี้ให้กับหวางฮูหยินตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว
หวางฮูหยินกำลังไม่สบอารมณ์อยู่ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ยิ่งขุ่นเคืองใจกว่าเดิม จึงตามเถียนอี๋เหนียงไปสั่งสอน ทั้งยังตักเตือนนางว่าหากยังพูดจาเหลวไหลกับยัยหนูสามอีก จะส่งนางไปอยู่ที่วัด ก่อนยัยหนูสามจะออกเรือน จะไม่อนุญาตให้นางกลับมาเป็นอันขาด
เถียนอี๋เหนียงก็ไม่กล้ามากความอีก นางเพียงก้มหน้าปล่อยให้หวางฮูหยินพูดไป แล้วค่อยคิดหาวิธีส่งคนไปยั่วยุให้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ถูกคอกับหวางฮูหยิน