หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 508 ความคิดฟุ้งซ่านและหมกมุ่น (1)
สีหน้าของเหยาเชวี่ยหวาดูประหม่าทันที
ซูอวี้เหิงไม่กล้าพูดอะไรมาก อย่างไรก็ต้องเห็นแก่หน้าของเหยาเยี่ยนอวี่ ดังนั้นจึงยิ้มจางๆ “ไม่เป็นไร อย่างไรด้านหลังก็ยังมีรถอยู่ ให้จั๋วอวี้และชุ่ยเวยย้ายไปคันด้านหลังก็พอแล้ว”
“ไม่ต้องหรอก ไหนๆ ก็มีชุ่ยเวยอยู่ เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องพาสาวใช้ตนเองไปแล้ว” เหยาเชวี่ยหวาพูดไป สั่งให้สาวใช้ซิ่นเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลัง “เจ้าอยู่ดูแลฮูหยินผู้เฒ่าและพี่สาวที่นี่เถอะ”
ซิ่นเอ๋อร์เหลือบตาสีหน้าของเหยาเยี่ยนอวี่เพียงชั่วพริบตา เม้มปากน้อมคำนับ ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
เหยาเยี่ยนอวี่ก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่ง ชุ่ยเวยคือสาวใช้ที่ไม่เลวของตน ตนใช้โน่นใช้นี่กับนางได้ แต่เหยาเชวี่ยหวาคงใช้งานนางไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่าง ตอนนี้ชุ่ยเวยเป็นหมอหญิงขั้นเจ็ดแล้ว แม้กระทั่งเฟิ่งเกอยังต้องเกรงใจนางเลย เหยาเชวี่ยหวาเห็นว่าตนเองเป็นคุณหนูตระกูลชั้นสูงจริงๆ หรือไร
“เอาเถอะ ให้เป็นไปตามนี้ อย่ามัวยืนเซ่อเลย เวลาก็สายมากแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเร่งทุกคนด้วยรอยยิ้ม ทำเหมือนไม่เห็นสีหน้าที่ประหม่าของพวกที่ยืนอยู่นอกรถม้า
เหยาเยี่ยนอวี่ส่งสายตาให้ซูอวี้เหิงแลัวหันหลังขึ้นรถ ซูอวี้เหิงยกยิ้มจางๆ พลางโบกมือให้เหยาเชวี่ยหวา “น้องสาวไปกับข้าเถอะ” เหยาเชวี่ยหวาเดินหน้าตามซูอวี้เหิงขึ้นรถม้าของเหยาเยี่ยนอวี่
ขบวนรถม้าเริ่มเคลื่อนไปด้านหน้า ซิ่นเอ๋อร์ที่หูตาไวจึงรีบเอาหมอนไปวางไว้ด้านหลังของเหยาเยี่ยนอวี่ พลางโบกพัดให้นาง เหยาเยี่ยนอวี่เปรยในใจ ภายในใจครุ่นคิดว่า มิน่าล่ะ วันนั้นแม้แต่เสวี่ยเหลียนยังพูดเช่นนั้น ดูจากพฤติกรรรมของฮูหยินผู้เฒ่าในวันนี้แล้ว ทำให้คนรู้สึกรังเกียจจริงๆ
ในวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งที่ทำให้คนรังเกียจกลับมีความสุขมาก พอเห็นรถม้าออกจากถนนเส้นที่จวนแม่ทัพตั้งอยู่ ริมทางทั้งสองฝั่งเริ่มมีร้านค้าเร่ขายของกันมากขึ้น นางปล่อยม่านลงหันไปคุยกับเหยาเยี่ยนอวี่
ฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มเสวนาจากมารดาผู้ให้กำเนิดเหยาเยี่ยนอวี่ได้รับความเมตตาอะไรจากนางจนถึงขั้นที่ได้แต่งเข้ามาเป็นอนุภรรยาของเหยาหย่วนจือในจวนเหยา ถึงแม้สกุลซ่งจะเป็นหลานสาวห่างๆ ของนาง ทว่าในสายตาของนางก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากบุตรีทางสายเลือด ทั้งยังเชยชมสกุลซ่งอ่อนโยนถ่อมตน นับได้ว่าเป็นยอดสตรีในตระกูลเลื่องชื่อ ไม่ใช่คนที่สกุลเถียนจะเทียบเทียมได้
ทั้งยังบอกว่าเหยาเยี่ยนอวี่ในวัยเด็กน่าเกลียดน่าชังมากเพียงใด นางรักและเอ็นดูมากเพียงใด พูดได้ว่านางปฏิบัติดีกับเยี่ยนอวี่ไม่ต่างจากเฟิ่งเกอเลย สิ่งของที่เฟิ่งเกอมี เยี่ยนอวี่ย่อมขาดไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว จากนั้นก็พูดเรื่องสัพเพเหระไปมากมายจนรถม้าไปถึงกลางทาง
เหยาเยี่ยนอวี่แค่ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา กำลังคิดว่าอุตส่าห์เสียเวลามาในวันนี้ เพียงต้องการให้ในตระกูลสงบสุข และหวังว่าฮูหยินผู้เฒ่าอย่าหาเรื่องอะไรอีกเลย ขืนเรื่องที่มารดาไร้ความเมตตา บุตรหลานอกตัญญูแพร่งพรายออกไปด้านนอก บิดาและพี่รองคงเสียเกียรติและศักดิ์ศรี หากศัตรูในราชสำนักจับพิรุธขึ้นมา หาว่าขุนนางฝ่ายตรวจการอกตัญญู บิดาของนางคงถูกผู้คนเหยียดหยาม
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งพูดอยู่นาน สุดท้ายก็เข้าประเด็นสักที “เจ้ายังจำญาติผู้พี่ตระกูลซ่งได้หรือไม่”
หางตาของเหยาเยี่ยนอวี่กระตุกหนึ่งที แล้วอดเงยหน้ามองไปไม่ได้ “ซ่งเหยียนชิง? เป็นอะไรไปหรือ”
“ตอนนั้นเขาป่วยเป็นโรคประหลาด บอกว่าหลังจากใช้ยาของเจ้าแล้วดีขึ้นเลย!” ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งยิ้มเป็นอันดับแรก หลังจากพูดจบก็ถอนหายใจ “เพียงแต่เขาโชคร้ายไปหน่อย ภายหลังก็ไม่ง่ายเลย เขาเสียเงินหนึ่งพันตำลึงเพื่อสานความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มากอำนาจ แต่บังเอิญกองทัพเรือทางฝั่งหยางโจวก่อจลาจล ต้องเสียเงินไม่ว่า แล้วยังโดนกระทืบอีก”
เหยาเยี่ยนอวี่แอบดีใจ ภายในใจคิดว่า แค่กระทืบยังน้อยไป ดูจากวิธีการทำงานของเว่ยจาง ต่อให้บุตรชายทางสายเลือดของเขาไม่ได้ทำเรื่องนี้ ก็ไม่น่าจะลงโทษเบาเช่นนี้
“ตอนนี้เจ้าคือฮูหยินแม่ทัพ เจ้าแค่พูดสองสามคำ แม่ทัพก็ช่วยจัดการเรื่องนี้ได้แล้ว คิดเหมือนกันหรือไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งจับมือเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ “เรื่องนี้หลานคงตัดสินไม่ได้จริงๆ เรื่องของแม่ทัพ หลานไม่เคยถามอะไรทั้งนั้น”
“เจ้าน่ะ! โง่เขลาจริงๆ!” ฮูหยินผู้เฒ่าเปรยด้วยรอยยิ้ม “นี่แค่เรื่องเล็กเรื่องน้อย จำเป็นต้องให้แม่ทัพออกหน้าด้วยหรือ เจ้าแค่เขียนจดหมายส่งไปหนึ่งฉบับ ข้ารับใช้ก็รู้เองว่าควรทำอย่างไร”
เหยาเยี่ยนอวี่จะไม่รู้ความหมายของนางได้อย่างไร นางคือฮูหยินของเว่ยจาง ในสายตาของข้ารับใช้ จดหมายของนางก็คือจดหมายของเว่ยจาง ฮูหยินผู้เฒ่ายังเห็นว่านางเป็นเด็กสามขวบอีกหรือ
“ฮูหยินผู้เฒ่า ข้าเป็นเพียงขุนนางหมอหลวง จะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการทหารได้อย่างไร อย่าพูดถึงว่าข้าเขียนจดหมายได้หรือไม่ ต่อให้เขียนแล้ว เกรงว่าคนพวกนั้นก็คงไม่กล้าทำตาม”
“เฮ้อ!” ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งพลันปั้นหน้าหมองเศร้าอย่างฉับพลัน “เจ้าคือขุนนางหมอ ว่ากันว่าผู้เป็นหมอมีใจเมตตาดุจบิดามารดาที่เมตตาบุตรตน ต่อให้เหยียนชิงไม่ดี แต่ก็เป็นบุตรหลานของต้นตระกูลข้า! เสียหนึ่งพันตำลึง กลับได้มาซึ่งความทรมาน ซ้ำยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด! เจ้าจะทนดูเขาตายไปจริงหรือ”
“หา เขาจะตายแล้วหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่ถามอย่างแปลกใจ
“คงไม่ขั้นตายหรอก แค่เกือบเท่านั้น!” ฮูหยินผู้เฒ่าเปรยว่า “ตระกูลซ่งตกต่ำอยู่แล้ว ถึงแม้เงินหนึ่งพันตำลึงจะไม่มาก ทว่าก็เป็นเงินเก็บออมที่เหลือ ก่อนที่พวกเราจะเดินทางมา น้าสะใภ้คนเล็กของเจ้ายังมาร้องห่มร้องไห้กับข้า เจ้าว่าข้าจะทนดูได้อย่างไร”
เหยาเยี่ยนอวี่กำลังคิดในใจว่า นี่ขนาดนางร้องห่มร้องไห้แล้วเจ้ายังเป็นเช่นนี้ ตอนแรกพวกเขาเกือบทำลายชีวิตข้า เจ้าเคยรู้หรือไม่ เจ้าเคยเห็นอกเห็นใจข้าไหม แม้กระทั่งเจ้ายังร่วมมือกับพวกเขา วันนี้ข้าแค่เห็นแก่ตระกูลเหยา ทว่าพวกเจ้ากลับได้คืบจะเอาศอก
“เยี่ยนเจี่ยเอ๋อร์ ใครบ้างที่ไม่มีญาติพี่น้อง ตระกูลซ่งเป็นต้นตระกูลของข้า เจ้าเห็นแก่ข้าเถอะ เขียนจดหมายถึงผู้มีอำนาจที่ปกครองพื้นที่นั้นที ให้พวกเขาคืนเงินพันตำลึงมา แล้วอย่าให้พวกเขามาหาเรื่องญาติผู้พี่ของเจ้า ได้หรือไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกุมมือเหยาเยี่ยนอวี่ สีหน้าเศร้าระทม เหมือนกำลังจะร้องไห้
เหยาเยี่ยนอวี่มองสีหน้าอันเศร้าโศกของนาง ภายในใจเดาว่า ไม่รู้ว่าแกล้งทำหรือเป็นจริงกันแน่ ดังนั้นจึงเปรยเสียงเบา “แม้แม่ทัพจะเป็นแม่ทัพฝู่กั๋ว แต่กลับไม่มีอำนาจทางกองทัพเรือ กองทัพเรือหยางโจวและตุ้งถิงเป็นของราชสำนัก หากแม่ทัพเข้าแทรกแซงไปเรื่อยเปื่อย ฝ่าบาทรู้ก็ต้องกล่าวโทษแน่นอน โทษเบาสุดคือโดนติเตียนที่ก้าวก่ายอำนาจผู้อื่น โทษหนักสุดก็อาจถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดในจลาจลครั้งนี้”
“ร้ายแรงถึงปานนี้เชียวหรือ พวกเขาแอบรับสินบน แล้วไม่เคยมีใครถามไถ่เลยหรือไร” ฮูหยินผู้เฒ่าลนลาน จึงพูดเช่นนี้ออกมาโดยตรง
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มทันที “ได้ ความหมายของฮูหยินผู้เฒ่า หลานเข้าใจแล้ว!” มีคนแอบรับสินบน ก็หมายความว่ามีคนทุจริต ขืนเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป คงไม่ดีกับทั้งสองฝ่าย นี่กลับเข้าทางนางพอดี
“เช่นนั้นข้าต้องขอบใจเจ้าแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนจากสีหน้าเศร้าโศกเป็นชื่นมื่นทันที แล้วตบมือนางพลางยิ้มอย่างเป็นมิตร
เหยาเยี่ยนอวี่ยกยิ้ม ภายในใจคิดว่า หากเจ้ารู้ว่าข้าคิดอย่างไรในใจ เกรงว่าคงบีบคอข้าตายไปแล้ว ทว่าเรื่องนี้ควรต้องสะสางอย่างรอบคอบ ห้ามให้ใครหน้าไหนมาบอกเรื่องนี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้เด็ดขาด มิเช่นนั้น ชีวิตข้างหน้าคงไม่สงบสุข
ท้ายที่สุดบรรยากาศในรถม้าก็เงียบสงบเสียที บัดนี้ รถม้าก็ถึงหน้าประตูวัดต้าเปยแล้ว
สาวใช้ลงจากรถก่อน จากนั้นพยุงเหยาเยี่ยนอวี่ลงมา แล้วนางถึงหันไปพยุงฮูหยินผู้เฒ่าซ่งต่อ เหตุเพราะเหยาเยี่ยนอวี่ตกลงในคำขอของฮูหยินผู้เฒ่า จึงทำให้นางรื่นเริงยิ่งนัก ฝีเท้าดูก้าวแข็งแร็งกว่าก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งไม้เท้าก็ยังไม่ต้องพึ่งพาอีกต่อไป