หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 509 ความคิดฟุ้งซ่านและหมกมุ่น (2)
ตอนที่ 509 ความคิดฟุ้งซ่านและหมกมุ่น (2)
ซูอวี้เหิงและเหยาเชวี่ยหวาลงรถม้าตามๆ กันมา จากนั้นติดตามหนิงฮูหยินน้อยเดินไปด้านหน้า หนิงฮูหยินน้อยพยุงฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง ซูอวี้เหิงถือโอกาสดึงเหยาเยี่ยนอวี่มาเดินเคียงไหล่ด้วยกัน
เหยาเยี่ยนอวี่จับมือของนางพลางยิ้มไม่พูดไม่จา ซูอวี้เหิงก็ยิ้มจางๆ แล้วไม่ได้มากความอะไรอีก
เหล่าสาวใช้และผัวจื่อเดินตามหลังเหล่านายหญิงขึ้นบันไดวัดต้าเปย เหตุเพราะส่งคนมาแจ้งก่อนล่วงหน้า ดังนั้นพอเดินเข้าประตูก็มีพระอาจารย์มาต้อนรับ ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเดินเข้าไปจุดธูปต่อหน้าพระพุทธรูปในพระอุโบสถก่อน จากนั้นบริจาคค่าธูปสี่สิบตำลึงและผ้าฝ้ายสีเทาชั้นดีอีกสิบผืน บอกว่าถวายเป็นผ้าจีวรให้แก่เหล่าพระสงฆ์
พระอาจารย์ในวัดพาทุกคนเดินชมหนึ่งรอบ ร่วมถวายสักการะพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์และพระอรหันต์ อธิบายให้ฮูหยินผู้เฒ่าฟังอย่างละเอียด จากนั้นเชิญไปดื่มน้ำชาในอารามด้านข้าง
วัดต้าเปยคือวัดหลวง น้ำชาและของว่างมังสวิรัติจัดเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อย ทางฝั่งฮูหยินผู้เฒ่าซ่งและคนอื่นๆ เพิ่งนั่งลง ได้ยินด้านนอกมีคนพูดว่า “เมื่อครู่ตอนอยู่นอกอาราม ข้าเห็นรถม้าคันหนึ่งเหมือนจะเป็นรถม้าของจวนแม่ทัพฝู่กั๋วหรือเปล่า หรือหมอหลวงเหยาก็มาจุดธูปขอพรด้วย”
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งได้ยินจึงหันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่ เหยาเยี่ยนอวี่จึงถามพระอาจารย์ที่นั่งอยู่ด้านหน้า “คำพูดนี้เหมือนจะคุ้นหูนัก กลับนึกไม่ออกว่าเป็นใครกัน”
“น่าจะเป็นฮูหยินผู้เฒ่าจวนอัครเสนาบดีก็มาจุดธูปขอพรด้วยเช่นกัน” พระอาจารย์พูดด้วยรอยยิ้มจางๆ
ฮองเฮาเหนียงเหนียงทรงพระประชวร ฮูหยินผู้เฒ่าเฟิงมาจุดธูปภาวนาให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เหยาเยี่ยนอวี่มองซูอวี้เหิงเพียงปราดเดียว แล้วพูดยิ้มๆ “ช่างบังเอิญนัก”
“ไหนๆ ฮูหยินผู้เฒ่ามาแล้ว เช่นนั้นคงต้องไปน้อมคำนับหน่อยแล้ว” ซูอวี้เหิงพูดไปก็ยืนขึ้นพลางก้มศีรษะให้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง แล้วยิ้มจางๆ “ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญดื่มชาก่อนเถอะ ข้าไปแล้วจะรีบกลับมา”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว รบกวนฮูหยินช่วยกล่าวทักทายฮูหยินผู้เฒ่าเฟิงแทนข้าทีเถอะ” ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งพูดด้วยรอยยิ้ม
ซูอวี้เหิงและพยักหน้าให้หนิงฮูหยินน้อย แล้วหันหลังเดินออกไป เหยาเชวี่ยหวาถามอย่างสงสัย “พี่ซูและฮูหยินผู้เฒ่าเฟิงคือญาติกันหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่เหลือบตาเหยาเชวี่ยหวาเพียงพริบตาเดียว แล้วพูดว่า “เมื่อครู่น้องสาวเรียกพี่ซู พี่ซู เพราะต่อหน้าซูฮูหยิน ข้าก็ไม่อยากพูดอะไร ซูฮูหยินเป็นฮูหยินเก๊ามิ่งขั้นห้า ต่อให้เป็นพี่สาวทางสายเลือด ก็ยังต้องเรียกอย่างอ่อนโยนเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้เป็นน้องสาว นางเติบโตมากับองค์หญิงต้าจั่งตั้งแต่เด็ก ถูกสั่งสอนให้มีจิตใจเมตตาจึงไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเจ้า ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงหักหน้าเจ้าตั้งแต่แรกไปแล้ว แม้กระทั่งฮูหยินผู้เฒ่าและข้าก็คงเสียหน้าไปแล้ว”
ดวงหน้าเหยาเชวี่ยหวาแดงระเรื่อขึ้นมาทันที แล้วก้มหน้าไม่พูดไม่จา
หนิงฮูหยินน้อยยิ้มจางๆ ละสายตาไปทางอื่น นางไม่ชอบน้องสามคนนี้มาตลอด เวลานี้ก็ไม่อยากมากความอะไรเพื่อนาง
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเห็นว่าบรรยากาศเริ่มอึดอัด ด้วยเหตุนี้จึงโน้มน้าว “น้องสาวเจ้ายังเด็ก จึงไม่รู้จักกาลเทศะ เจ้าที่เป็นพี่สาวแค่บอกนาง นางก็รู้แล้ว พวกเจ้าสองพี่น้องอย่าได้ไม่ถูกคอกันเพราะเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เลย”
เหยาเยี่ยนอวี่มองเหยาเชวี่ยหวาเพียงปราดเดียว แล้วไม่ได้ตอบกลับใดๆ หากซูอวี้เหิงไม่เรียกร้องเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก ถ้าหากนางจะเรียกร้องก็คือเรื่องใหญ่ ตอนนี้นางไม่เรียกร้องก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติตัวเอง แต่ตามที่นางรู้จักน้องสามคนนี้ เกรงว่าวันนี้ไม่ต่อว่านางเสียหน่อย วันข้างหน้าก็อาจทำตัวเกินเลยยิ่งกว่านี้
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งหันไปกำชับเหยาเชวี่ยหวา “เจ้าต้องจดจำคำพูดของพี่สาวเจ้าด้วย ที่นี่คือเมืองหลวง ไม่ใช่เจียงหนิง มารยาทสำคัญที่สุด”
เหยาเชวี่ยหวารีบยืนขึ้น แล้วค้อมลำตัวตอบกลับ “เจ้าค่ะ คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าและพี่สาว หลานจดจำไว้ทั้งหมดแล้วเจ้าค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่ยังไม่ได้พูดอะไร ก็มีผัวจื่อที่ดูมีมารยาทเข้ามาด้านใน แล้วโค้งคำนับ “บ่าวคือคนของจวนอัครเสนาบดี ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้บ่าวเชิญฮูหยินผู้เฒ่าซ่งและหมอหลวงเหยาไปดื่มชาด้วยกันเจ้าค่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่มองฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเพียงปราดเดียว คิดว่านางคงไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปง่ายๆ แน่นอน ดั่งคาด ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งก็ดีใจมาก จึงตอบกลับทันที “เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าของพวกเจ้าแล้ว”
เหยาหย่วนจือและอัครเสนาบดีไม่ถูกคอกันก็ไม่ใช่ความลับอะไร หลายปีมานี้เฟิงจงเยี่ยดูหมิ่นเหยียดหยามเหยาหย่วนจือ เห็นว่าตระกูลเหยาเป็นพ่อค้าที่หวังผลประโยชน์ ถึงตอนนี้เหยาหย่วนจือจะมีตำแหน่งเป็นอวี้สื่อในฝ่ายตรวจการ อีกทั้งมีบุตรชายและบุตรีคอยช่วยเหลือ แล้วยังกลายเป็นพ่อตาของแม่ทัพฝู่กั๋ว อัครเสนาบดีไม่ได้มีอำนาจเหมือนแต่ก่อน ทว่าก็ยังถากถางดูถูกและไม่ชอบขี้หน้าเหยาหย่วนจือทั้งในที่แจ้งและที่ลับ
เรื่องนี้หนิงฮูหยินน้อยและเหยาเยี่ยนอวี่ล้วนไม่รู้ถึงแก่นแท้ ก็เพราะเหตุนี้ เหยาเยี่ยนอวี่จึงปล่อยช่องว่างความสัมพันธ์เผื่อเหลือเผื่อขาดกับอัครเสนาบดีเฟิงไว้ ต่อให้นางทำเพื่อเป็นแม่สื่อซูอวี้เหิงและถังเซียวอี้ เหยาเยี่ยนอวี่จึงไปมาหาสู่กับตระกูลเฟิงพอเป็นพิธี ไม่เคยคิดจะมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันเกินไป
เวลานี้ทั้งสองฝ่ายบังเอิญเจอกันที่วัดต้าเปย คิดว่าแค่พูดคุยสองสามคำพอเป็นพิธีเท่านั้น ฮูหยินอัครเสนาบดีไม่ใช่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง นางรู้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นอย่างดี และไม่ได้ทำตัวเหลวไหลแม้แต่น้อย หนิงฮูหยินน้อยและเหยาเยี่ยนอวี่สบตากัน ภายในใจภาวนาให้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเจอหน้ากับฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฟิงแล้วจะไม่ก้าวร้าวเหมือนเช่นเคย
เฟิงฮูหยินผู้เฒ่าดื่มชาอยู่ในอารามด้านข้าง ไม่นานก็พวกนางก็เดินไปถึง
ฮูหยินผู้เฒ่าสองคนพบหน้ากัน ต้องพูดจาเกรงอกเกรงใจกันเป็นเรื่องธรรมดา
ตระกูลเหลียงเป็นตระกูลเลื่องชื่อ และฮูหยินผู้เฒ่าซ่งก็คือบุตรีของกั๋วกง ว่าไปแล้วฮูหยินสองคนนี้นั่งหันหน้าเข้าหากัน กลับกลายเป็นฮูหยินผู้เฒ่าซ่งที่มีฐานะสูงศักดิ์กว่า ทว่าพอเทียบกันแล้ว แม้เฟิงจงเยี่ยจะเป็นอัครเสนาบดี บุตรชายกลับเป็นแค่ขุนนางขั้นสี่ บุตรชายของฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเหยาหย่วนจือกลับเป็นขุนนางขั้นสอง แค่ว่าตระกูลเฟิงมีบุตรหลานเป็นฮองเฮา นี่จึงทำให้ตระกูลเหยามีฐานะต่ำต้อยกว่า
และเหยาเยี่ยนอวี่เข้าไปถึงในห้องก็เกิดรู้สึกเสียใจทันที นางลอบต่อว่าตัวเองว่า เหตุใดถึงนึกไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่าเฟิงออกจากจวนทีไรจะมักพาหลานชายหัวแก้วหัวแหวนมาด้วยล่ะ!
เฟิงเซ่าเชินโตขึ้นสองปี กลับดูสง่างามและอ่อนโยนกว่าแต่ก่อน ก่อนหน้านี้ก็เป็นยอดบุรุษที่สง่าผ่าเผยกว่าเหล่าคุณชายชั้นสูงในเมืองหลวงอยู่แล้ว ตอนนี้พอเห็นสภาพนี้ เขาคงกลายเป็นคุณชายชั้นสูงที่สง่าผ่าเผยที่สุดในราชวงศ์นี้แล้ว
แววตาที่เห็นเหยาเยี่ยนอวี่นั้นเป็นประกาย จึงเดินหน้าสองก้าวด้วยรอยยิ้ม ประสานมือคารวะ “คารวะฮูหยินเหยา”
คุณชายรูปงามเย้ายวนใจผู้นี้ งดงามจนฉุดไม่อยู่จริงๆ ใต้ต้นไม้เก่าแก่กลางอาราม เขาเปล่งประกายแสงราวกับแสงอาทิตย์ ทำให้ทั้งอารามดูมีชีวิตชีวา เหยาเชวี่ยหวาตกตะลึงในความงามนี้จนลืมหายใจไปชั่วครู่
“คารวะคุณชายเฟิง” เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้มน้อยๆ พลางพยักหน้าให้เฟิงเซ่าเชิน ต่อให้เขาจะรูปงามและมีเสน่ห์มากเพียงใดก็ไม่ใช่แบบที่ตนชอบ
หนิงฮูหยินน้อยคล้องแขนฮูหยินผู้เฒ่าซ่งนั่งลงหันไปมองเหยาเชวี่ยหวาที่กำลังเหม่อลอย จึงเข้าไปเตือนสตินางด้วยรอยยิ้มทุ้มต่ำ “น้องสาม ยังไม่รีบน้อมคำนับฮูหยินผู้เฒ่าเฟิงอีก”
เหยาเชวี่ยหวาได้สติกลับมา แต่ก็ไม่อยากละสายตาจากเฟิงเซ่าเชิน สุดท้ายก็ต้องจำใจน้อมคำนับฮูหยินผู้เฒ่าเฟิง “เชวี่ยหวาขอน้อมคำนับฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”
“ลุกขึ้นเถอะ ยัยหนูคนนี้หน้าตาละมุนละไมนัก” เฟิงฮูหยินน้อยยิ้มจางๆ พยักหน้า
นางเห็นสตรีคนนี้มองหลานชายของตนเองอย่างลุ่มหลง และได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าซ่งบอกว่านี่คือบุตรีอนุภรรยาคนที่สามของเหยาหย่วนจือ แค่รู้สึกขบขัน เหตุใดเป็นบุตรีอนุภรรยาเหมือนกัน คุณหนูสามผู้นี้กลับแตกต่างจากคุณหนูรองนัก หน้าตาดูเจ้าเล่ห์ไม่ว่า แล้วยังไม่รู้จักกาลเทศะ มิน่าล่ะ ผู้เฒ่าเฟิงถึงดูหมิ่นตระกูลเหยาที่เป็นพ่อค้า ดูจากคุณหนูสามผู้นี้ ทำให้รู้สึกผิดหวังจริงๆ