หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 513 เรื่องราวซับซ้อน (2)
ตอนที่ 513 เรื่องราวซับซ้อน (2)
วันนี้ตระกูลลู่ได้ประกาศตัดญาติกับจวนติ้งเป่ยโหวอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ไม่ไปมาหาสู่กันอีก เรื่องนี้เลยไม่ได้เชื้อเชิญพวกเขา ส่วนสหายคนอื่นก็ไม่ได้เชิญมาด้วยเช่นกัน ทว่าเหตุเพราะหันซังเกอแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงสนิทสนมกับซูอวี้ผิงเสมอมา เฟิงเซ่าอิ่งเลยสั่งให้ผัวจื่อมาส่งของขวัญแสดงความยินดีอย่างเงียบๆ
วันนี้เหยาเฟิ่งเกอยุ่งตั้งแต่ตื่นเช้ามา ฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยิน และคนอื่นๆ ในตระกูลเหยาก็มาจวนแต่งเช้า เฟิงฮูหยินก็กำลังยุ่งกับงานเลี้ยงฉลอง เหยาเฟิ่งเกอจึงเชิญฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินมาดื่มชาในสวนเรือนของตนเอง
ซูอวี้เสียงที่ป่วยหนักในก่อนหน้านี้ หลังจากผ่านการจัดศพของบิดามารดาไป ก็ยิ่งหนักกว่าเดิม หลังจากผ่านการรักษาตัวมาสองเดือนนี้ ก็ยังพอลงจากเตียงมาเดินเล่นในห้องเล็กน้อย เหตุเพราะแม่ยายมาเยือน จึงไม่อาจหลีกไม่พบหน้าได้ จึงฝืนใช้ไม้เท้าพยุงแขนของหลิงจือเดินออกจากเรือนตะวันตกไปพบฮูหยินผู้เฒ่าซ่งและหวางฮูหยิน
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเห็นเขายังคงป่วยอยู่ จึงขมวดคิ้ว “เหตุใดถึงป่วยขั้นนี้ได้ ตอนนี้ไม่ได้กินยาจากหมอหลวงใดเลยหรือ หากกินแล้วไม่ได้ผล ลองให้น้องรองมารักษาเขาดูไหม”
เหยาเฟิ่อเกอฝืนยิ้ม “กินยาของผู้เฒ่าไป๋มาสักระยะแล้วเจ้าค่ะ ถือว่ายาพวกนั้นได้ผลมากเจ้าค่ะ”
วันนี้หวางฮูหยินไม่ชอบขี้หน้าบุตรเขยคนนี้อย่างมาก ทว่าพอเห็นเขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็อดใจอ่อนไม่ได้ จึงกำชับว่า “ต้องบำรุงดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี อย่าคิดอะไรมาก ตอนนี้เจ้ามีทั้งบุตรชายและบุตรีแล้ว เรื่องอะไรก็หัดรู้จักปล่อยวาง”
ซูอวี้เสียงแค่ตอบกลับ กลับไม่ได้มากความอะไร
หวางฮูหยินเห็นเขาดูไร้ชีวิตชีวา จึงพูดว่า “ร่างกายของเจ้ายังไม่สู้ดีนัก รีบกลับไปนอนพักเถอะ พวกเราก็ไม่ใช่คนนอก”
ซูอวี้เสียงน้อมคำนับแล้วกล่าวอำลา ทั้งยังพูดให้ฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินให้อภัย จากนั้นพยุงแขนหลิงจือกลับเรือนตะวันตก อย่างไรตอนนี้เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ในเรือนฉีเสียง เหยาเฟิ่งเกอเป็นคนจัดการทั้งหมด เขาก็แค่เป็นเพียงหุ่นประดับเรือนเท่านั้น
หลังจากนั้นเหยาเฟิ่งเกอก็สั่งให้แม่นมอุ้มทารกทั้งสองคนมาให้หวางฮูหยินดู หวางฮูหยินเอาของขวัญรับขวัญหลานชายและหลานสาวออกมาแล้ว ก็ถามว่าหู่พั่วและหลิวหลีอยู่ไหน เหยาเฟิ่งเกอหันไปมองซานหูเพียงปราดเดียว ซานหูเดินออกไปอย่างเงียบๆ ไม่นานก็พาหู่พั่วและหลิวหลีเข้ามาน้อมคำนับหวางฮูหยินและฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง
เวลานี้จึงสั่งให้คนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกไปให้หมด เหลือเพียงฮูหยินผู้เฒ่าซ่งพิงจิบชาด้วยความใจเย็นบนตั่งไม้ด้านข้าง หนิงฮูหยินน้อย และเหยาเฟิ่งเกอยืนอยู่ด้านข้างหวางฮูหยิน หู่พั่วและหลิวหลีสวมชุดกระโปรงผ้าต่วน ศีรษะโพกผ้าสีแดง มีสาวใช้กำลังพยุงเข้ามา ทั้งสองน้อมคำนับฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยิน
หวางฮูหยินก็ไม่ได้สั่งให้ลุก แค่ปล่อยให้พวกนางคุกเข่าอยู่ตรงหน้าอย่างเงียบๆ หลังจากจิบชาไปครึ่งถ้วย ถึงจะพูดขึ้นช้าๆ “พวกเจ้าสองคนติดตามคุณหนูใหญ่มาหลายปีนี้ เคยได้ใช้ชีวิตตามใจปรารถนาหรือไม่”
หู่พั่วและหลิวหลีเกร็งไปทั้งร่าง หู่พั่วตอบกลับก่อน “เรียนฮูหยิน พระคุณของคุณหนูหนักดั่งภูเขา ถึงบ่าวจะตายไปกี่หมื่นครั้งก็ยังทดแทนไม่สิ้น บ่าวแค่หวังว่าชีวิตที่เหลือยังจะได้เป็นสาวใช้ที่ปรนนิบัติรับใช้คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”
หลิวหลีก็พูดตาม “บ่าวก็เช่นกัน หากชีวิตนี้บ่าวทรยศคุณหนู ขอให้โดนฟ้าผ่า และไม่ได้ไปผุดไปเกิดเจ้าค่ะ”
หวางฮูหยินได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ยิ้มจางๆ พลางพูด “ข้าฟังคำพูดพวกนี้มามาก วันนี้ก็ไม่อยากฟังอีก ข้ารู้ดีว่าบุตรีของข้าเป็นคนมีจิตใจที่อ่อนโยน กฎระเบียบที่ต้องทำในวันปกติก็ทำไปลวกๆ เท่านั้น เหมือนสิ่งที่พวกเจ้าสองคนทำในวันนี้ หากอยู่ในตระกูลเหยา ก็คงทำไม่ได้แน่นอน”
“แต่บุตรีของข้าเห็นแก่พวกเจ้าที่เป็นดูแลนางมาตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่ยอมให้พวกเจ้าคลอดบุตรให้นาง แล้วยังเอาบุตรพวกเจ้าไปเป็นบุตรของตน ไม่ว่าจะเป็นบุตรชายหรือบุตรี อนาคตก็คือบุตรภรรยาเอก อนาคตใช้ฐานะบุตรชายและบุตรีภรรยาเอกแต่งงานมีบุตร ขืนเป็นตระกูลอื่น ต่อให้เป็นความฝันก็คงไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น”
“วันนี้ข้าบอกเช่นนี้กับพวกเจ้าก็ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใด แค่อยากเตือนสติพวกเจ้าเรื่องหนึ่ง อย่าเห็นความเมตตาของนายหญิงเป็นจุดอ่อนที่พวกเจ้าคิดว่าจะรังแกอย่างไรก็ได้ อนาคตจงอย่าขุ่นเคืองใจที่เห็นบุตรของตนกตัญญูต่อนายหญิงพวกเจ้า อย่าคิดว่าบุตรออกจากครรภ์ของตนเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายหญิงแม้แต่น้อย หรืออย่าคิดอาศัยบุตรเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น แล้วยังทำเรื่องลวงฟ้าทำลายบรรพบุรุษ และลอบทำลายนายหญิงตนเอง เรื่องพวกนี้ต้องคิดให้รอบคอบ!”
หู่พั่วที่เกิดมาก็เป็นบ่าวของตระกูลเหยาแล้ว วันนี้บิดาอยู่ดูแลโรงยาของเหยาเหยียนอี้ในเจียงหนิง ส่วนมารดาก็คอยทำงานให้สกุลเจียง แล้วยังมีพี่ชายน้องชายที่อยู่ในเจียงหนิงด้วย ถึงแม้พูดไม่ได้ว่าทุกอย่างสมดั่งใจปรารถนาแล้ว ทว่าก็ถือเป็นบ่าวที่มีหน้ามีตาในตระกูลเหยา
ทีเดิมนางคิดว่าวันนี้ตนได้บุตรี ต้องต่ำต้อยกว่าหลิวหลีแน่นอน เพราะว่าเหยาเฟิ่งเกอก็มีเย่ว์เอ๋อร์แล้ว ไม่มีทางให้สำคัญกับบุตรีอีกแน่นอน กลับนึกไม่ถึงว่าเหยาเฟิ่งเกอกลับมีใจที่เมตตาเช่นเดิม ยังจะเอาบุตรีของนางไปเป็นบุตรีภรรยาเอก นี่ก็ถือเป็นพระคุณอันใหญ่หลวงแล้ว
ดังนั้นหวางฮูหยินพูดจบ นางก็หมอบกราบลงทันที แล้วพูดอย่างต่อเนื่อง “ฮูหยินวางใจเถอะ หากบ่าวทรยศหักหลัง ขอให้บ่าวตายศพไม่สวย แม้แต่บิดาและมารดาบ่าวก็พลอยลำบากไปด้วย”
ไม่ใช่นางโหดเหี้ยม แต่ถ้าเอาบิดามารดามาร่วมสาบานด้วย นี่ก็แสดงว่าเป็นความจริง หากนางกล้าไม่สัตย์ซื่อต่อเหยาเฟิ่งเกอ ตระกูลเหยาต้องไม่ปล่อยนางไปแน่นอน
หลิวหลีเป็นบ่าวที่ซื้อมา บิดามารดาของนางล่วงลับไปนานแล้ว ตั้งแต่วันที่พี่ชายขายนางให้กับตระกูลเหยาเพียงยี่สิบตำลึง นางก็ตัดขาดกับครอบครัวไปแล้ว ตอนนี้ถึงแม้จะมีบุตรชาย แต่ดูท่าแล้วคุณชายสามคงไม่ได้รับการให้ความสำคัญจากตระกูลซูอีก อนาคต บุตรชายนางอยากเติบโตในจวนติ้งเป่ยโหวและสร้างรากฐานที่มั่นคง ต้องขาดการสนับสนุนจากเหยาเฟิ่งเกอไม่ได้อยู่แล้ว
ต่อให้นางคิดมิดีมิร้ายก็รู้ดีว่าไม่ควรมีปัญหากับเหยาเฟิ่งเกอ มิเช่นนั้นเหยาเฟิ่งเกอย่อมมีวิธีทำให้นางมีชีวิตทุกข์ทรมาน ถึงเวลาคงจะตายโดยไม่มีหลุมฝังศพ บุตรชายจะรู้ได้อย่างไรว่านางคือใคร ดังนั้นนางก็หมอบกราบลง แล้วสาบานอย่างโหดเหี้ยม
หวางฮูหยินเพียงต้องการข่มขู่พวกนางเท่านั้น กลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องสาบานของพวกนางแม้แต่น้อย หากคำสาบานพวกนี้มีผลจริง สวรรค์คงหลั่งฝนสีแดงลงมาแล้ว แต่คิดว่าพวกนางคงไม่กล้าทำอะไรมิดีมิร้าย มิเช่นนั้น ไม่ต้องให้บุตรีลงมือ นางย่อมมีวิธีทำให้พวกนางเสียใจไปชั่วชีวิต
ทางฝั่งนี้กำลังเสวนาอยู่ ซานหูก็เข้ามาจากด้านนอกแล้วน้อมคำนับ “เรียนฮูหยิน คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองมาถึงแล้ว กำลังเสวนากับเฟิงฮูหยินที่ห้องโถงหน้าเจ้าค่ะ”
หวางฮูหยินจึงสั่งหู่พั่วและหลิวหลี “พวกเจ้าออกไปเถอะ บำรุงสุขภาพให้ดี อย่าให้นายหญิงกังวลใจเด็ดขาด นางเองก็มีเรื่องให้วุ่นมากพอแล้ว ยังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้าอีก”
หู่พั่วและหลิวหลีพลันหมอบกราบอีกครั้ง แล้วถอยออกไปด้วยความเคารพ
จากนั้นเฟิงฮูหยินก็ส่งคนมารายงาน “แขกเหรื่อมาครบแล้ว ฮูหยินเชิญฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง หวางฮูหยิน และหนิงฮูหยินน้อยไปจิบชาโถงหน้าเจ้าค่ะ แล้วยังเชิญฮูหยินน้อยสามพาคุณชายน้อยและคุณหนูน้อยไปด้วยเจ้าค่ะ”
หวางฮูหยินพูด “เช่นนั้นพวกเราไปกันเถอะ”
ดังนั้นเหยาเฟิ่งเกอพยุงฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นจากตั่งไม้ หนิงฮูหยินน้อยติดตามหวางฮูหยิน ด้านหลังยังมีแม่นมที่อุ้มจิ่นเย่ว์ ชุ่ยฮั่น และคุณชายรองซูจิ่นหนิงและคุณหนูสามซูจิ่นฉิงที่เพิ่งครบเดือน มุ่งหน้าไปยังเรือนหลักของจวนซู
เหยาเยี่ยนอวี่เห็นฮูหยินผู้เฒ่าซ่งและหวางฮูหยินก็รีบน้อมคำนับทันที จากนั้นอุ้มทารกที่ห่อผ้าสีเขียวมรกตมา พร้อมพูดยิ้มๆ “นี่คือใครกันนะ”