หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 514 เรื่องราวซับซ้อน (3)
ตอนที่ 514 เรื่องราวซับซ้อน (3)
เหยาเฟิ่งเกอพูดยิ้มๆ “นี่คือฉิงเอ๋อร์ นั่นคือหนิงเอ๋อร์”
ซูอวี้ผิงเป็นคนตั้งชื่อของซูจิ่นหนิง นี่ทำให้เหยาเฟิ่งเกอได้รับการปลอบโยนอย่างมาก มีการดูแลเป็นพิเศษจากซูอวี้ผิง คิดว่าบุตรที่ให้กำเนิดโดยเมียบ่าวคงจะมีชีวิตในอนาคตที่ดีอยู่บ้าง และตอนนี้ซูอวี้ผิงก็กำลังทำตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้เหยาเหยียนอี้ ตอนที่เชิญเหยาเยี่ยนอวี่มารักษาเฟิงฮูหยินน้อยในตอนนั้น หากเหยาเฟิ่งเกอมีบุตรชาย เขาต้องดูแลเป็นอย่างดีแน่นอน
คนที่อยู่ในเรือนต่างก็พูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน บรรยากาศครึกครื้นยิ่งนัก ทว่าทารกที่ห่ออยู่ในผ้านั้นกลับเคลิ้มหลับฝันดี เหยาเยี่ยนอวี่ยื่นมือไปจับแก้มน้อยๆ ของทารก แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เด็กคนนี้เลี้ยงง่ายจริงๆ ไม่งอแงแม้แต่น้อย”
เหยาเฟิ่งเกอดึงเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง มีเรื่องอะไรคืบหน้าแล้วหรือยัง”
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัว แล้วยิ้มอย่างจนปัญญา
“อันที่จริง ขืนไม่ดีขึ้นก็ลองเปลี่ยนหมอดู เจ้าแต่งงานเลยครึ่งค่อนปีแล้ว ไม่น่าจะเป็นเช่นนี้” เหยาเฟิ่งเกอเป็นห่วงจากใจจริง ถึงแม้ความรู้สึกของเว่ยจางที่มีต่อนางไม่ใช่เรื่องโกหก ทว่าไม่มีบุตรก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย
“ไม่ต้องเร่งรีบเช่นนั้น” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ
“ไม่ต้องเร่งรีบเช่นนั้น ทว่าข้าเห็นเจ้าชื่นชอบเด็กมากเช่นนี้ จึงอดรู้สึกร้อนใจแทนเจ้าไม่ได้” เหยาเฟิ่งเกอถอนหายใจเบาๆ ยังอยากพูดอะไรต่อ กลับถูกซุนฮูหยินน้อยขัดจังหวะก่อน
ซุนฮูหยินน้อยเห็นเหยาเฟิ่งเกอเดินจากไป ก็หันไปคุยกับเหยาเยี่ยนอวี่ ด้านหลังของนางมีเฟิงซิ่วอวิ๋นติดตามอยู่ เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกแปลกใจมาก เหตุใดเฟิงซิ่วอวิ๋นที่เป็นน้องสาวของเฟิงฮูหยินน้อย และถูกแต่งตั้งให้เป็นอนุภรรยาของซูอวี้ผิง กลับดูสนิทสนมกับซุนฮูหยินน้อยเช่นนี้
“ไม่เจอกันนานเลยนะน้องสาว เดี๋ยวนี้น้องสาวยุ่งจริงๆ” ซุนฮูหยินน้อยอมยิ้ม
เหยาเยี่ยนอวี่ก็ยิ้มจางๆ “พี่สะใภ้กล่าวได้ขบขันแล้ว ข้าก็แค่ยุ่งเรื่องไม่ใช่เรื่องไปวันๆ เท่านั้น”
“น้องสาวถ่อมตนจริงๆ หากน้องสาวยุ่งเรื่องไม่ใช่เรื่อง พวกเราก็คงนั่งกินรอความตายแล้ว!” ซุนฮูหยินน้อยพูดไป ก็หันไปยิ้มให้เฟิงซิ่วอวิ๋น
“ฮูหยินคือสตรีที่สร้างผลงานดีเด่นที่สุดของแคว้นต้าอวิ๋นเรา ข้าน่ะเทียบไม่ติดเลยทีเดียว” วันนี้เฟิงซิ่วอวิ๋นกลายเป็นสตรีมีครรภ์ไปสี่เดือนกว่าแล้ว เสื้อผ้าฤดูร้อนบางพอสมควร จึงทำให้เห็นท้องที่เริ่มกลมของนางอย่างชัดเจน
ต่อให้เฟิงซิ่นอวิ๋นที่เป็นคนไม่ค่อยพูดจา คำพูดที่เอ่ยออกจากปากก็ไม่ค่อยฉลาดนัก เหมือนกำลังเชยชมนางอย่างโง่เขลา ทำให้รู้สึกว่านางไม่รู้จะไปต่ออย่างไรจริงๆ อันที่จริงวิธีการเอ่ยวาจาเช่นนี้ทำให้คนมากมายชื่นชอบ เหมือนเป็นการเชยชมที่จริงใจที่สุด ทว่าเหยาเยี่ยนอวี่กลับฟังแล้วรู้สึกอึดอัดใจ เป็นความอึดอัดที่อธิบายไม่ถูก
“คำพูดของฮูหยินรองทำให้ข้าอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ ว่ากันว่าคนเรานั้นมีทั้งดีและเลวอยู่ในตัวพร้อมกันในเวลาเดียวกัน คำพูดนี้ของท่าน ข้าคงมิอาจรับหรอก” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ สายตาเบนไปด้านข้าง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะพูดประเด็นนี้ต่ออีก
ซูอวี้เหิงบังเอิญเห็น จึงลุกขึ้นเดินไปคล้องแขนของเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่เหยา มารดาข้ามีอะไรจะคุยกับท่าน” พูดจบ ก็พยักหน้าให้ซุนฮูหยินน้อย ดึงเหยาเยี่ยนอวี่เดินจากไป
“ข้ามักรู้สึกสายตาที่เฟิงอี๋เหนียงมองพี่เหยานั้นแปลกๆ” ซูอวี้เหิงดึงเหยาเยี่ยนอวี่ไปนั่งอยู่ด้านข้างเหลียงฮูหยิน แล้วพูดด้วยเสียงเบา
เหยาเยี่ยนอวี่ยกยิ้ม แล้วพูดว่า “ข้ากลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น แค่รู้สึกว่านางพูดจาแปลกประหลาดเกินไป”
“นางไม่ค่อยพูดคุยเล่นกับคนอื่นตลอดมา วันนี้กลับส่งยิ้มให้พี่เหยา รอยยิ้มนั้นทำให้คนรู้สึกอึดอัดใจจริงๆ”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ แล้วส่ายหัว พร้อมพูดว่า “ช่างเถอะ เหตุใดถึงต้องสนใจคนอื่นมากเช่นนั้น”
เหลียงฮูหยินจึงพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับเหยาเยี่ยนอวี่ไปสองสามประโยค มารดาของเฟิงฮูหยินน้อยพาสะใภ้สกุลหลี่มาสาย เข้าประตูก็มีญาติมิตรเข้าไปต้อนรับ ในเรือนเต็มไปด้วยบรรยากาศครึกครื้น
เฟิงฮูหยินน้อยสั่งให้ไฉ่จูมา “แขกเหรื่อมาครบแล้ว เจ้าไปถามท่านโหวว่าด้านหน้าเป็นเช่นไรบ้างแล้ว หากเสร็จแล้ว ก็ไปทำพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษก่อนเถอะ จากนั้นค่อยไปเปิดงานเลี้ยงที่สวนฮั่นเซียง”
ไฉ่จูพลันตอบกลับทันที เฟิงฮูหยินน้อยก็รีบไปต้อนรับมารดาและน้องสะใภ้
เหตุเพราะประเด็นเสวนาในวันนี้ล้วนเอ่ยถึงบุตรหลาน ครรภ์ของเฟิงซิ่วอวิ๋นจึงกลายเป็นประเด็นพูดคุยของทุกคน มารดาของนางจึงถามนางว่า “เชิญหมอหลวงมาตรวจครรภ์แล้วหรือยัง ครรภ์นี้เป็นบุตรชายหรือบุตรี”
เฟิงซิ่วอวิ๋นอมยิ้มก้มหน้าอยู่ด้านข้าง เฟิงฮูหยินน้อยก็ยกยิ้ม “ตรวจแล้วเจ้าค่ะ ได้บุตรชายเจ้าค่ะ”
มารดาของพวกนางได้ยินคำพูดนี้ก็มีความสุขนัก ทุกคนที่อยู่ด้านข้างต่างแสดงความยินดี เฟิงซิ่วอวิ๋นก้มหน้าลูบท้อง หางตาเคล้าด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจปิดบังไว้อยู่
ก่อนหน้านี้เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่ค่อยมีความรู้ด้านสูตินรีเวช ทว่าเพราะว่าบุตรีที่อยู่รอบกายต่างก็ผลัดกันตั้งครรภ์ และนางเองก็หวังว่าจะมีบุตรอย่างมาก ดังนั้นตอนที่มีเวลาว่างก็มักจะหาตำราเกี่ยวกับสูตินรีเวชมาอ่าน วันนี้มีแม่นมของหลิงเซียวคอยอยู่ตรงหน้านาง นางก็เคยถามประสบการณ์ตั้งครรภ์กับแม่นมอยู่บ่อยครั้ง
วันนี้เห็นสีหน้าที่เป็นประกายของเฟิงซิ่วอวิ๋นที่อยู่ด้านข้างดูสดใสและงดงามยิ่งกว่าเก่า ว่ากันว่าผู้ที่มีครรภ์เป็นบุตรีมักจะมีสีหน้าที่ดูดีกว่าเก่า ส่วนผู้ที่มีครรภ์เป็นบุตรชายก็มีสีหน้าที่หม่นหมอง คล้ายว่ามีฝ้าและกระขึ้นตามใบหน้า
หรือเรื่องนี้อาจไม่ต้องแม่นยำขนาดนี้ ทว่าดูจากท้องของเฟิงซิ่วอวิ๋น ก็ไม่ได้เป็นทรงแหลมอะไรขนาดนั้น แต่กลับเป็นทรงที่ขยายไปด้านข้าง ทำให้เอวของนางกว้างขึ้น นี่เหมือนครรภ์ของบุตรีอย่างมาก
ดังนั้นเหยาเยี่ยนอวี่ก็แปลกใจมาก หมอหลวงกลับบอกว่าเฟิงซิ่วอวิ๋นได้บุตรชาย? เช่นนั้นคำพูดของหมอตำแยจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนกันเชียว
เหยาเยี่ยนอวี่กำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินพี่สะใภ้จากต้นตระกูลซุนฮูหยินน้อยที่นั่งอยู่ตรงข้ามถามด้วยน้ำเสียงรื่นเริง “ได้ยินว่าอี๋เหนียงอีกคนก็ตั้งครรภ์ด้วยมิใช่หรือ อนาคตท่านโหวได้ทั้งบุตรชายและบุตรี ก็คงเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก แค่ว่าวันนี้มีเรื่องน่ายินดีเช่นนี้ เหตุใดถึงไม่เห็นหน้าอี๋เหนียงอีกคนล่ะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของมารดาเฟิงและสะใภ้จืดจางไปทันที โดยเฉพาะมารดาเฟิง กลับยิ้มอย่างเย็นชา พลางเหลือบตามองสกุลหยาง
เหยาเยี่ยนอวี่หัวเราะในใจ ไม่ว่าเวลาใดหรืองานประเภทใด พี่สะใภ้ของตระกูลซุนผู้นี้ไม่ลืมหาเรื่องตระกูลเฟิงตลอด เหล่าสตรีในยุคสมัยโบราณนี้มักจะมีเรื่องโต้แย้งกัน นี่ช่างเป็นน่าสนใจอย่างมาก
“แหม!” สกุลหยางแย้มยิ้มทันที จงใจมองคนที่อยู่ด้านข้าง เหมือนไม่รู้ว่ามารดาเฟิงไม่สบอารมณ์อย่างมาก แล้วเอ่ยถาม “ข้าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สบอารมณ์แล้วหรือ”
เฟิงฮูหยินน้อยพลันยิ้ม “ช่วงนี้สกุลหลี่มักจะไม่สบาย ข้าเลยสั่งให้นางพักผ่อนอยู่ด้านหลัง หากพี่สะใภ้มีเรื่องจะหานาง ข้าจะสั่งให้คนไปตามนางมา”
“คงมิบังอาจ ข้าเพียงถามเท่านั้น” สกุลหยางผายมือด้วยรอยยิ้ม แล้วเหลือบมองมารดาเฟิงด้วยแววตาท้าทาย
บรรยากาศจึงอึดอัดใจขึ้นมาทันที โชคดีที่ไฉ่จูเดินเข้ามารายงาน “ท่านโหวบอกว่า เหล่าอาวุโสทางตระกูลมาถึงครบแล้ว เตรียมตัวเปิดพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษได้เลย”
ดังนั้นทุกคนถึงจะหยุดพูด ซุนฮูหยินน้อยและเฟิงซิ่วอวิ๋นจึงไปนั่งจิบชาตรงสวนด้านหลังเป็นเพื่อนกับฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง หวางฮูหยิน มารดาเฟิงและคนอื่นๆ เหยาเฟิ่งเกอพาแม่นมอุ้มเด็กไปหอกราบไหว้บรรพบุรุษพร้อมกับเฟิงฮูหยินน้อย
ซูอวี้เสียงก็เปลี่ยนชุดใหม่ กำลังใช้ไม้เท้าเดินไปหอบรรพบุรุษ เข้าประตูหอก็ชะงักฝีเท้าลงทันที แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า พยายามกลั้นน้ำตาไว้ จากนั้นถึงจะเดินหน้าต่อ
เหยาเฟิ่งเกอที่ติดตามอยู่ด้านข้างเขารู้ว่าเขานึกถึงคืนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นั้น ท่านโหวผู้เฒ่าทำท่าทีน่าเกรงขามในหอบรรพบุรุษ ลู่ฮูหยินและซูอวี้เสียงคุกเข่าในหอ ซูอวี้อันและเฟิงฮูหยินน้อยคุกเข่าอยู่นอกหอบรรพบุรุษ…คืนนั้น ไม่เพียงแต่เป็นฝันร้ายของซูอวี้เสียง ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทั้งจวนติ้งโหวอีกด้วย