หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 516 ระบอบการปกครองเปลี่ยนไป (1)
ตอนที่ 516 ระบอบการปกครองเปลี่ยนไป (1)
“วังหลวงใต้?” เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้ว วังหลวงใต้คือที่ฝึกขี่ม้าและยิงธนูของฮ่องเต้ หรือว่าฮ่องเต้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง
“หมอหลวงเหยา เชิญขอรับ” ทหารจิ่นหลินคารวะ
เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า สั่งให้เถียนหลัวเร่งความเร็ว “ไปเถอะ”
เถียนหลัวไม่กล้าพูดอะไร รีบใช้แส้เร่งม้าตามหลังทหารจิ่นหลินทันที จวบจนถึงประตูใหญ่วังหลวงใต้ เหยาเยี่ยนอวี่ลงรถม้าก็เห็นเว่ยจางรออยู่ตรงนั้น ดังนั้นรีบกระโดดลงแล้วเดินไปหาเขา
เว่ยจางก็เดินหน้ามาหานางสองสามก้าว พร้อมทั้งกุมมือนางไว้ พูดด้วยเสียงต่ำ “เร็ว ตามข้าไปเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่อยากถามว่าฮ่องเต้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ กลับเพราะว่ารอบกายมีคนมากมาย จึงไม่สะดวกถาม
พอเดินไปถึงละแวกวังหลวงใต้ ก็เห็นทหารจิ่นหลินมากขึ้น แทบจะเห็นทุกทุกห้าก้าว พอเดินเข้าไปด้านในก็เห็นเหิงจวิ้นอ๋อง จิ่งอวิ๋นอ๋อง องค์ชายหกและองค์ชายเจ็ด แต่ละคนต่างแสดงสีหน้ากระวนกระวายอย่างชัดเจน
หรือว่าฮ่องเต้เกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ! เหยาเยี่ยนอวี่มองเว่ยจาง
เว่ยจางแค่กุมมือนางไว้ แล้วเดินผ่านหน้าพระพักตร์องค์ชายทั้งหลายไปยังตำหนักที่ฮ่องเต้ประทับอยู่
พอเข้าประตู เมื่อเห็นบรรยากาศด้านใน เหยาเยี่ยนอวี่ก็แทบจะหายใจไม่ออก เฉิงอ๋อง เยี่ยนอ๋อง จิ่นอ๋อง เจิ้นกั๋วกงหันเวย หันซังเกอ และเซียวหลินก็อยู่ด้วย
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่เห็นสถานการณ์ภายในมุ้งหนานั้นเป็นอย่างไร ทว่าดูจากสีหน้าของเหล่าท่านอ๋องและเซียวหลินแล้วก็สามารถเดาออก เกรงว่าฮ่องเต้ทรงเกิดเรื่องไม่ดีแล้ว
“หมอหลวงเหยามาแล้ว จางชางเป่ยและจางจือหลิงก็อยู่ด้านใน เจ้ารีบเข้าไปเถอะ” เฉิงอ๋องตรัสด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่แปลกใจที่จางชางเป่ยอยู่ด้านใน เขาติดตามฮ่องเต้มาหลายปี ทว่าจางจือหลิงที่เป็นหัวหน้าหมอหลวงก็อยู่? เหยาเยี่ยนอวี่ยืนตรงหน้ามุ้ง ฝีเท้าชะงักงัน กลับก้าวไปด้านหน้าไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว
เว่ยจางเดินหน้าเลิกมุ้งขึ้น แล้วกำชับเสียงต่ำ “ทำให้สุดความสามารถก็พอ”
เหยาเยี่ยนอวี่สะดุ้งตกใจ อดเงยหน้ามองเว่ยจางไม่ได้ สายตาของเว่ยจางนิ่งดั่งผืนน้ำไร้คลื่น แล้วพยักหน้าเบาๆ ให้นาง
เดินหน้าไปสองก้าว มุ้งด้านหลังปล่อยลง เหยาเยี่ยนอวี่เงยหน้ามองฮ่องเต้ที่อยู่บนเตียงและใต้เท้าสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าเตียง
“เยี่ยนอวี่ รีบมานี่เถอะ” จางชางเป่ยขมวดคิ้วเป็นปม แล้วกวักมือให้นาง
“หมอหลวงเหยา เจ้ามาเสียที” จางจือหลิงขมวดคิ้วเป็นปมเช่นกัน แล้วถอนหายใจเบาๆ “ข้ากับอาจารย์ของเจ้าปรึกษาเกี่ยวกับแผลของฝ่าบาทแล้ว ใช้วิธีรมยาแบบไท่จื่อปลอดภัยยิ่งกว่า ทำได้เพียงรบกวนเจ้าแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วถาม “เกิดอะไรกับฝ่าบาท”
จางชางเป่ยถอนหายใจอย่างจนปัญญา แล้วพูดว่า “ฝ่าบาททรงตกจากหลังม้า มิหนำซ้ำพระเศียรยังกระแทกกับก้อนหิน ตอนนั้นจึงประชวรพระวาโย ข้ากับใต้เท้าจางได้ฝังเข็มให้ฝ่าบาทแล้ว ทว่าไม่ค่อยเห็นผล เจ้ามาลองดูเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า เดินหน้าไปจับชีพจรให้ฮ่องเต้ จากนั้นดึงเข็มเงินออก แล้วฝังจุดป่ายฮุ่ยโดยตรง ขณะที่หมุนเข็มเงินเบาๆ ก็ถ่ายโอนกำลังภายในให้ฮ่องเต้
มีเลือดคั่งในสมอง เลือดกดทับเส้นประสาทไว้เลยส่งผลให้คนหมดสติไป กำลังภายในของเหยาเยี่ยนอวี่สัมผัสได้ถึงแรงต้านทาน นางจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วแอบถ่ายกำลังภายในสู่พระวรกายของฮ่องเต้เพิ่มมากขึ้น เพื่อขจัดเลือดที่คั่งอยู่ในนั้น
ทว่าอาการร้ายแรงกว่าที่นางคิด
ใช้เวลาหนึ่งก้านธูป กำลังภายในของเหยาเยี่ยนอวี่เริ่มหมดไป ทว่าฮ่องเต้ยังคงไม่ได้สติ ภายใต้สถานการณ์อันจนปัญญา เหยาเยี่ยนอวี่ทำได้เพียงดึงเข็มกลับ
จางฉางเป่ยมองเหยาเยี่ยนอวี่ที่เหนื่อยถ่วมหน้า จึงถามด้วยความเป็นห่วงและกังวลใจ “เป็นเช่นไรบ้าง”
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัวอย่างประหม่า แล้วพูดว่า “โลหิตคั่งพระมัตถลุงค์ของฝ่าบาทมากเกินไป กำลังภายในของข้าไม่เพียงพอ กำจัดทั้งหมดเพียงคราเดียวไม่ได้”
“ต้องใช้เวลาประมาณกี่วัน” จางจือหลิงถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เหยาเยี่ยนอวี่มองหัวหน้าหมอหลวงท่านนี้ปั้นหน้ากระวนกระวาย ภายในใจก็ยิ่งกดดันกว่าเดิม นี่เป็นตั้งฮ่องเต้แน่ะ พระวรกายเกี่ยวกับความปลอดภัยของทั้งแคว้น หากเกิดข้อผิดพลาดนิดเดียว ก็อาจตายอย่างอนาถได้
แต่ว่านางจะทำอย่างไรได้ ต่อให้วันนี้นางจะใช้ชีวิตตนเองแลก ก็ยังรับประกันไม่ได้ว่าฮ่องเต้จะฟื้นมาได้เดี๋ยวนี้
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ” จางจือหลิงมองจางชางเป่ยด้วยความลนลาน
จางชางเป่ยหันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่อีกครั้ง ลอบกัดฟันกรอดแล้วถาม “อิ๋นซิ่นที่พวกเราเพิ่งสกัดออกมาใหม่ล่าสุด ฉีดเข้าไปในพระวรกายของฝ่าบาทสักสองเข็มได้หรือไม่”
“ได้ แต่ฉีดไปก็อาจไม่ฟื้น” เหยาเยี่ยนอวี่พูดอย่างจนหนทาง
ความเป็นจริง ประสิทธิภาพของยาอะไรก็เทียบไม่ได้กับการรมยาแบบไท่อี่ ปกตินางพยายามรักษาโดยใช้ยาสมุนไพรแทนการรมยาแบบไท่อี่ เหตุผลแรกก็เพื่อไม่ให้นางใช้กำลังภายในเกินไป อีกหนึ่งเหตุผลก็คือสมุนไพรนั้นง่ายต่อการรักษา หลังจากไม่มีนางแล้ว ยาสมุนไพรยังรักษาผู้ป่วยได้เช่นเคย และยังถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ง่าย
แต่วันนี้พอต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ แม้กระทั่งการรมยาแบบไท่อี่ของนางยังรักษาไม่ได้ ยาสมุนไพรเพียงสองเข็มก็คงไม่ต้องกล่าวถึง
“ทำอย่างไรดี” จางจือหลิงจ้องหน้าจางชางเป่ยแล้วถาม
จางชางเป่ยขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่นาน แล้วพูดขึ้น “ทูลเหล่าท่านอ๋อง ฝ่าบาทอาจจะฟื้นขึ้นมาให้วันพรุ่งนี้ เรื่องที่เหลือ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราควรกังวลแล้ว”
“นี่…” จางจือหลิงรู้สึกไม่มั่นใจ ขืนไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะ!
“ให้เป็นไปตามนี้ก่อน” จางชางเป่ยมองเหยาเยี่ยนอวี่อีกครา แล้วทำการตัดสินใจสุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือทำให้ทุกคนสงบสุข ตอนนี้เวลานี้ เหล่าองค์ชายต่างนั่งไม่นิ่ง ไม่เพียงแต่เช่นนี้ ผู้ที่เป็นเชื้อราชวงศ์ล้วนนั่งนิ่งไม่อยู่เช่นเดียวกัน
แต่ถ้าพวกเขาแพร่งพรายออกไปว่าวิธีการรักษาฮ่องเต้ไม่ค่อยได้ผล คงทำให้เกิดสถานการณ์วุ่นวายครั้งใหญ่แน่นอน
เหยาเยี่ยนอวี่เองก็เข้าใจในความลำบากของจางชางเป่ย ทว่าภายในใจก็ไม่มั่นใจจริงๆ ไม่รู้ว่าตนต้องใช้เวลานานมากแค่ไหนในการรักษา หรือตนอาจใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีแล้วสุดท้ายฮ่องเต้ก็ไม่ฟื้น ถึงเวลานั้น ไม่เพียงแต่ตน แม้แต่เว่ยจาง และตระกูลเหยา ทุกคนที่เกี่ยวกับนางพลอยลำบากไปด้วย แม้กระทั่งอาจจบชีวิตไปตามตนด้วย
ทว่า ทุกอย่างที่กล่าวถึงก็ไม่อาจเทียบกับสถานการณ์วุ่นวายครั้งใหญ่ได้ ท้ายที่สุดนางก็ไม่มีทางเลือกอยู่ดี
จางชางเป่ยไม่มีบุตรหลาน อีกทั้งยังเป็นหมอหลวงประจำตัวของฮ่องเต้ คำพูดเช่นนี้ เขาต้องเป็นคนทูลเหล่าท่านอ๋องอยู่แล้ว
เฉิงอ๋องได้ยินเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เยี่ยนอ๋องแค่มองจิ่นอ๋องและเจิ้นกั๋วกงเพียงปราดเดียว ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
เจิ้นกั๋วกงตรัสว่า “เช่นนั้นก็ต้องรบกวนหมอหลวงทั้งสามอยู่ดูแลฝ่าบาทเถอะ”
เว่ยจางเงยหน้ามองเหยาเยี่ยนอวี่เพียงพริบตาเดียว ดูจากสีหน้าซีดเซียวก็เห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยแล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกเอ็นดูนาง “ไหนๆ หมอหลวงทั้งสามจะอยู่ดูแลฝ่าบาท เช่นนั้นก็จัดตำหนักข้างให้เป็นที่พักผ่อนเถอะ อย่างไรก็รอให้ฝ่าบาทฟื้นแล้ว ยังต้องให้พวกท่านคอยดูแลช่วงพักฟื้นอีกด้วย”
“เป็นเช่นนี้” เยี่ยนอ๋องพยักพระพักตร์