หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 517 ระบอบการปกครองเปลี่ยนไป (2)
ตอนที่ 517 ระบอบการปกครองเปลี่ยนไป (2)
เฉิงอ๋องก็พยักพระพักตร์แล้วตรัสว่า “สั่งให้พวกเขาจัดตำหนักข้างให้เรียบร้อย ดูหมอหลวงเหยาเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ควรไปพักผ่อนก่อน พวกเจ้าสามคนผลัดกันเฝ้าฝ่าบาทเถอะ”
เรื่องนี้จางชางเป่ยเป็นคนตัดสิน เขาก็ไม่ได้เสนอความเห็นอะไร จางจือหลิงเองก็ไม่มากความอยู่แล้ว ส่วนตอนนี้เหยาเยี่ยนอวี่ก็เหนื่อยจนพูดอะไรไม่ออก
ดังนั้น จางชางเป่ยเฝ้าฮ่องเต้ต่อ เหยาเยี่ยนอวี่ จางจือหลิงแยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อน
เว่ยจางก็ตามออกไปด้านนอกเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเหยาเยี่ยนอวี่ที่ตำหนักข้างตะวันออก แล้วถามด้วยเสียงเบา “เจ้าบอกข้ามาตามตรง เป็นเช่นไรบ้าง”
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหน้าเล็กน้อย แววตาเคล้าด้วยความประหม่า
“ไม่ไหวแล้วหรือ” เว่ยจางปั้นหน้าเคร่งเครียด นัยน์ตาดำสนิทนั้นเคล้าด้วยความเยือกเย็น ทำให้คนรู้สึกกดดันยิ่งนัก
“ไม่ถึงขั้นนั้น แต่ข้าแค่ไม่มั่นใจเลย” เหยาเยี่ยนอวี่กดเสียงต่ำลง
“ไม่เป็นไร” เว่ยจางมองฮูหยินที่กระวนกระวายและเหนื่อยล้า จึงรีบยื่นมือไปกุมมือนางไว้ “ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ทั้งคน”
“อืม” ความกังวลใจของเหยาเยี่ยนอวี่สงบลงเพียงคำพูดประโยคเดียวของเขา ช่างน่าแปลกนัก แม้กระทั่งนางเองก็ยังรู้สึกแปลกใจ เมื่อใดกันที่นางเริ่มเชื่อมั่นในตัวเขามากเช่นนี้
“นอนสักพักเถอะ” เว่ยจางส่งนางไปที่ตั่งไม้ แล้วเอาหมอนให้นาง
เหยาเยี่ยนอวี่นอนลงภายใต้สายตาที่อ่อนโยนของเขา นางยื่นมือจับมือเขาไว้ แล้วบีบนิ้วมือของเขา “อย่าอยู่ห่างจากข้าไกลเกินไป”
“ข้าอยู่ที่นี่ เจ้าหลับให้สบายเถอะ” เว่ยจางดึงมือนางมาหอม มืออีกข้างลูบไรผมบนหน้าผากของนาง
เหยาเยี่ยนอวี่นอนลงด้วยความวางใจ ไม่นานก็หลับใหลไป
เหตุเพราะเหน็ดเหนื่อยเกินไป ดังนั้นต่อให้หลับลึกแค่ไหนก็รู้สึกไม่สบายอยู่ดี เหยาเยี่ยนอวี่แทบจะหลับแล้วฝันทันที ในฝันนางอยู่บนเรือลำหนึ่ง เป็นเรือที่ค่อนข้างใหญ่และหรูหรา ทว่ากลับโคลงเคลงมาก
ด้านนอกมีพายุเข้า ฟ้าผ่าอย่างรุนแรง เรือโคลงเคลงจนคนบนเรือยืนไม่นิ่ง
นางยืนอยู่ข้างเว่ยจาง อีกข้างคือบิดาเหยาหย่วนจือ
ด้านหลังยังมีคนมากมาย ล้วนเป็นญาติและมิตรสหาย ทุกคนกอดคอกันไว้ และกำลังโงนเงนไปตามเรือ
ไม่รู้ว่าโคลงเคลงไปนานเพียงใด เหมือนจะโคลงเคลงจนทุกคนเริ่มหมดความอดทน พายุกระหน่ำจนหน้าต่างที่ปิดสนิทเปิดออก หลังจากฟ้าผ่าหนึ่งที ก็เห็นกรงเล็บมีครีบทองยื่นเข้ามาจู่โจมผ่านหน้าต่าง เว่ยจางดึงตัวนางไปไว้ด้านหลัง ใช้ร่างขวางการจู่โจมนั้นไว้
คล้ายว่าเป็นความฝันที่นำภาพความทรงจำลึกๆ มาปะติปะต่อกัน
หน้าอกของเว่ยจางมีเลือดแดงกระฉูด กลิ่นคาวเลือดอบอวลไปทั่ว
อย่า…อย่า…นางกอดเขาไว้ แล้วตะโกนอย่างทุกข์ทรมาน กลับไม่ได้ยินเสียงใดๆ
“ว้าย…” สุดท้ายเสียงก็ตะโกนออกมา ขณะเดียวกันนางก็ตื่นจากความฝัน
“เป็นอะไรไป” เว่ยจางเพิ่งออกไปมอบหมายหน้าที่กองกำลังนกอินทรี กลับมาถึงประตูด้านนอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเหยาเยี่ยนอวี่ ดังนั้นรีบวิ่งมากอดนางไว้ “ฝันหรือ ไม่ต้องกลัว…”
มือใหญ่อันหยาบกร้านลูบหลังของนางเบาๆ ฝ่ามือขึ้นตุ่มด้านขูดกับผ้าต่วนราคาจนมีเสียงเสียดสีดังขึ้น ทว่ากลับทำให้รู้สึกอุ่นใจ
ความเงียบงันในเรือนกลับถูกทำลายด้วยเสียงโวยวาย เว่ยจางขมวดคิ้วลุกขึ้นเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน” เหยาเยี่ยนอวี่ดึงแขนเสื้อของเขาไว้ “อย่าเพิ่งใจร้อน รอเดี๋ยว”
“หืม?” เว่ยจางมองนางอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าซีดเซียว หน้าผากและเส้นผมชุ่มเหยื่อ ปกตินัยน์ตาที่สดใสดูกังวลอย่างมาก ทำให้เขาที่ใจแข็งราวกับเหล็กยังต้องใจอ่อน
“ฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บ หรือแม้แต่เปิ่นกงยังมาเยี่ยมเยียนไม่ได้?! พวกเจ้าบังอาจยิ่งนัก!” …ฮองเฮาเสด็จมา! เหยาเยี่ยนอวี่ตื่นตกใจ แลกเปลี่ยนสายตากับเว่ยจาง
เว่ยจางตบหลังนางเบาๆ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “ฮองเฮาต้องเสด็จมาอยู่แล้ว”
ในฐานะที่เป็นฮองเฮา หากไม่เสด็จมาหลังจากที่รู้ข่าวที่ฮ่องเต้ได้รับบาดเจ็บ คงจะเป็นเรื่องแปลก แค่นึกไม่ถึงว่านางจะโวยวายเช่นนี้ ยังทำตัววางอำนาจตอนอยู่นอกประตูตำหนัก ดูท่าแล้วคงจะอดทนมานานแล้ว หรือว่าได้รับข่าวคราว ก็ลนลานจนเอะอะเสียงดังเช่นนี้
“เหนียงเหนียง ฝ่าบาทเพิ่งจะเสวยยา กำลังบรรทมอยู่ เหนียงเหนียงเชิญไปพักผ่อนที่ตำหนักข้างก่อนเถอะ ประเดี๋ยวฝ่าบาทตื่นมาก็คงจะประกาศพระราชโองการเองพ่ะย่ะค่ะ”
นี่คือเสียงของผู้นำทหารจิ่นหลินหวงซง คนคนนี้แม้เป็นเพียงผู้นำของกองทัพทหารมังกร ทว่ากลับจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ยิ่งนัก เป็นทหารจิ่นหลินคนสนิทของฮ่องเต้ และกองทัพทหารมังกรนั้นได้รับการให้ความสำคัญจากฮ่องเต้ที่สุด ทั้งกองมีเพียงสี่สิบเก้านาย คนพวกนี้นอกจากพระบัญชาของฮ่องเต้แล้ว ไม่เคยฟังคำบัญชาของใคร
“บังอาจ! เปิ่นกงคือฮองเฮาของฝ่าบาท! เกิดเป็นพระชายา พระสวามีทรงประชวรแล้วจะให้เปิ่นกงไปบรรทมอยู่ตำหนักข้างได้อย่างไร!” ฮองเฮาเหนียงเหนียงแสดงทีท่าน่าเกรงขามต่อ
“เหนียงเหนียงได้โปรดอภัยพ่ะย่ะค่ะ” หวงซงยังคงไม่ขยับไปไหน
“ถอยไปเดี๋ยวนี้!”
“เหนียงเหนียงได้โปรดอภัย”
“เจ้า!”
หากเรื่องที่พระมารดาของแผ่นดินกลับมีเรื่องบาดหมางกับทหารจิ่นหลินคนหนึ่งถูกแพร่งพรายออกไป คงจะเป็นที่น่าขบขันน่าดู โชคดีที่เฉิงอ๋องปรากฎได้ทันเวลา เขาถวายบังคมเฟิงฮองเฮา “กระหม่อมขอให้ฮองเฮาเหยียงเหนียงมีพระชนมายุยืนยาว”
“น้องเจ็ด” เฟิงฮองเฮามีสีพระพักตร์บึ้งตึง “เปิ่นกงจะยืนยาวหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เปิ่นกงแค่ขอให้ฝ่าบาทไม่เป็นอะไรไป”
“ตอนฝ่าบาททรงม้า จู่ๆ ม้าก็เกิดตื่นเต้น จนฝ่าบาทตกจากม้าแล้วจึงประชวรพระวาโยเล็กน้อย ตอนนี้ยังบรรทมอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“ที่แท้ก็คือความจริง!” ฮองเฮาพลันเปลี่ยนระดับเสียง “ฝ่าบาทมีพระชนมายุหกสิบพรรษาแล้ว กลับตกจากหลังม้า! เจ้ากลับบอกว่าแค่ประชวรเล็กน้อย! น้องเจ็ด ฝ่าบาทเป็นพี่น้องมารดาเดียวกันกับเจ้า เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่!”
เฉิงอ๋องแสยะยิ้ม แล้วถามกลับด้วยความเย็นชา “พี่สะใภ้ได้ยินคำร่ำลือมาจากไหนกัน จู่ๆ กลับมาโวยวายเช่นนี้ หากพี่ชายแค่ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่ พี่สะใภ้และพี่ชายทรงเคียงคู่กันมาหลายสิบปีแล้ว ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเช่นนี้ เฟยหรือผินก็ไม่อาจเทียบเทียมได้ หากพี่สะใภ้ไม่ไว้วางใจ เชิญเข้าไปเยี่ยมเยียนเถอะ เพียงแต่ หากพี่ชายสะดุ้งตื่นแล้วต้องการเอาผิดขึ้นมา พี่สะใภ้ได้โปรดอย่าโยนความผิดให้กับคนอื่น”
ตรัสจบ เฉิงอ๋องจึงหลีกทางทันที พร้อมกำชับหวงซง “ฮองเฮาเหนียงเหนียงเป็นพระชายาเอกฝ่าบาทแล้ว ฝ่าบาททรงประชวร ฮองเฮาเหยียงเหนียงเป็นผู้ดูแลถึงจะเหมาะสมที่สุด พวกเจ้าวางใจเถอะ ฝ่าบาทตื่นขึ้นมา เปิ่นอ๋องจะธิบายแทนพวกเจ้าเอง”
หวงซงได้ยินจึงประสานมือคารวะ “พ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮาถลึงพระเนตรมองหวงซงและคนอื่นๆ อีกครา แล้วสะบัดแขนเสื้อกว้างเข้าไปในตำหนัก
เหยาเยี่ยนอวี่และเว่ยจางที่อยู่ในตำหนักข้างได้ยินเสียงด้านนอกทุกอย่าง หลังจากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ “ฝ่าบาททรงประชวรจนตกอยู่สภาพเช่นนี้แล้ว ฮองเฮาต้องเกรี้ยวโกรธอยู่แล้ว”
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล เรื่องพวกนี้มีท่านอ๋องและเจิ้นกั๋วกงคอยรับมือ เจ้านอนพักอีกหน่อยเถอะ”
“เหตุใดจู่ๆ ม้าถึงตื่นเต้นเช่นนั้น เรื่องนี้ไม่น่าแปลกไปหน่อยหรือ”
“เฉิงอ๋องกำลังสืบหาความจริง แต่ว่า ผู้ดูแลม้าตัวนั้นฆ่าตัวตายไปแล้ว เกรงว่าคงจะสืบหาความจริงเรื่องนี้ได้ยากแล้ว”