หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 522 เหนือการคาดหมาย (4)
ตอนที่ 522 เหนือการคาดหมาย (4)
องค์หญิงใหญ่หนิงหวาประทับอยู่บนเก้าอี้อย่างนิ่งเฉย เรือนร่างแผ่ซ่านความเยือกเย็นมากขึ้น
จวนเจิ้นกั๋วกงมีอำนาจทางการทหารในมือ ขุนนางฝ่ายบุ๋นทั้งสำนัก ใครบ้างที่กล้าไม่เชื่อฟัง นางกับเฉิงอ๋องมีอำนาจที่แตกต่างกันไป เพียงพอที่จะรักษาบัลลังก์มังกรของฮ่องเต้ได้ ต่อให้องค์ชายคนใดอยากก่อกบฏชิงบัลลังก์ ก็ต้องมั่นใจว่าตัวเองจะเอาชนะองค์หญิงใหญ่หนิงหวาและเฉิงอ๋อง หินภูเขาทั้งสองก้อนนี้
“ทูลฮองเฮาเหนียงเหนียง กระหม่อมทูลว่าฝ่าบาทอาจฟื้นในวันนี้ ทว่าประการแรก วันนี้ยังถือว่าผ่านไป ประการที่สอง พระอาการของฝ่าบาทดีขึ้นมากแล้ว ต่อให้คืนนี้ไม่ฟื้น พรุ่งนี้ก็น่าจะฟื้นแล้ว” จางชางเป่ยเตรียมคำพูดไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นคำพูดที่ทูลฮองเฮานั้นไม่ได้ฟังดูกระวนกระวายแม้แต่น้อย ดูเหมือนวางแผนมาอย่างดี
เฟิงฮองเฮาพลันโมโห ยกพระหัตถ์ตบโต๊ะขนาดเล็กด้านข้าง แล้วตรัสอย่างเกรี้ยวโกรธ “เจ้าเห็นว่าที่นี่เป็นตลาดสดหรือไร ยังจะมาต่อรองราคากับเปิ่นกงอีก!”
“กระหม่อมมิบังอาจ” จางชางเป่ยประสานมือตอบกลับ
“เอาเถอะ! ตอนนี้ฝ่าบาทยังไม่ฟื้น กำลังต้องการหมอหลวงมากฝีมือมารักษา หรือฮองเฮาเหนียงเหนียงอยากจะลากตัวจางชางเป่ยออกไปประหาร?” องค์หญิงใหญ่หนิงหวาพูดเสียงเรียบ
เฟิงฮองเฮาชักสีพระหัตถ์ไม่พอพระทัย หันไปมององค์หญิงใหญ่หนิงหวาเพียงปราดเดียว พร้อมแค่นเสียงในจมูก แล้วตรัส “คนที่อายุมากและไม่ได้เรื่องเช่นนี้ ประหารไปก็ไม่เสียดาย”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวาแย้มพระสรวลอย่างเย็นชา “ว่ากันว่าฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้ง ฮองเฮาเหนียงเหนียงยังไม่ทันได้โม่แป้งก็รีบฆ่าลาแล้ว ดูเหมือนว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงไม่ทรงปรารถนาให้หมอหลวงรักษาฝ่าบาท ไม่ทรงปรารถนาให้ฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาเร็วหน่อยหรือไร”
“เจ้า…” เฟิงฮองเฮาถึงกับตรัสอะไรไม่ออก สีพระหัตถ์แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก
“ฮองเฮาเหนียงเหนียงได้โปรดทรงใจเย็น” เฟิงจงเยี่ยพลันลุกขึ้นไปกู้สถานการณ์ จากนั้นหันไปถวายบังคมให้องค์หญิงใหญ่หนิงหวา “เช่นนั้น ตามความหมายขององค์หญิงใหญ่ พระอาการของฝ่าบาทควรเป็นไปเช่นไรหรือ”
“แน่นอนว่ารักษาให้สุดความสามารถน่ะสิ” หนิงหนิงตรัสเสียงเรียบ “เมื่อครู่พวกเจ้าก็ได้ยินจางชางเป่ยทูลแล้ว พระอาการของฝ่าบาทดีขึ้นมากแล้ว จางจือหลิงก็ไม่ได้มีความสามารถธรรมดา แล้วเขาจะไม่รู้ชีพจรของฝ่าบาทว่าเป็นเช่นไรได้อย่างไร” หนิงหวาตรัสไป ก็ทอดพระเนตรไปที่จางจือหลิง
จางจือหลิงที่อยู่ในสายพระเนตรขององค์หญิงใหญ่หนิงหวาพลันค้อมตัวลง แล้วทูลกลับ “พ่ะย่ะค่ะ ทูลองค์หญิงใหญ่ ชีพจรของฝ่าบาทกลับดีขึ้นอยู่มาก ตามสิ่งที่กระหม่อมเห็น คิดว่าไม่นานก็คงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่อย่างไร? ฮองเฮาได้ยินชัดเจนหรือยัง” องค์หญิงใหญ่หนิงหวากวาดมองเฟิงฮองเฮาอีกปราดเดียว
เฟิงฮองเฮากำลังจะตรัส กลับถูกเฟิงจางเยี่ยตัดหน้าก่อน “เช่นนั้นหมอหลวงจาง เมื่อใดฝ่าบาทถึงจะฟื้นกันแน่ หลังจากฟื้นแล้วต้องใช้เวลานานเพียงใดในการบำรุงสุขภาพร่างกาย ตอนนี้ในตำหนักจื่อเฉินมีสาส์นกราบทูลกองสูงเป็นภูเขาแล้ว องค์หญิงใหญ่คิดว่าจะจัดการอย่างไรดี”
“เรื่องราชสำนักเป็นธุระของพวกเจ้าที่เป็นท่านอ๋องและขุนนางใหญ่ เปิ่นกงเป็นสตรีแล้วจะรู้เรื่องได้อย่างไร” องค์หญิงใหญ่หนิงหวาถามกลับด้วยรอยยิ้ม “หรือว่าอัครเสนาบดีเฟิงที่เป็นผู้นำของขุนนางฝ่ายบุ๋นจะรับเบี้ยงเลี้ยงไปวันๆ หรือ ฝ่าบาทเพียงบาดเจ็บไปหนึ่งวันหนึ่งคืน เจ้าก็สำแดงฝีมือไม่ออกแล้วหรือ”
“แคว้นแคว้นหนึ่งไม่อาจไร้ผู้ครองบัลลังก์ ก่อนหน้านี้ฝ่าบาททรงเสด็จไปราชนิเวศน์หรือไปล่าสัตว์นอกเมืองหลวง ในวังหลังก็ยังต้องมีองค์ชายคอยปกครองแทน วันนี้ กระหม่อมเพียงต้องการปรึกษาหารือกับเหล่าอ๋องและกั๋วกง ดูว่าช่วงเวลาที่ฝ่าบาทพักฟื้นตัว จะเลือกองค์ชายใดที่เหมาะสมมาปกครองแคว้นชั่วคราวเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” เฟิงจงเยี่ยพูดอย่างสมเหตุสมผล
“อ้อ เปิ่นกงเข้าใจแล้ว” องค์หญิงใหญ่หนิงหวาแย้มพระสรวลจางๆ “นี่มีองค์ชายใดบังคับให้เจ้าฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์หรือเปล่า ฝ่าบาทยังถือว่าปฏิบัติกับตระกูลเฟิงดี พวกเจ้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าฝ่าบาทจะไม่พอพระทัยหรือไร”
“แค่ต้องการเลือกองค์ชายพระองค์หนึ่งมาปกครองแคว้น นี่มันเกี่ยวกับแสวงหาผลประโยชน์ด้วยหรือ” เฟิงจงเยี่ยกลับใช้เหตุผลโต้แย้งกลับอย่างแรง
เฉิงอ๋องกลับพูดเสียงเรียบ “เรื่องนี้สำคัญอย่างมาก รอให้เสด็จพี่ฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยตัดสินใจเถอะ ตอนนี้สิ่งที่เร่งรีบที่สุดก็คือสะสางงานราชกิจที่ค้างไว้ อัครเสนาบดีเฟิงเฝ้าคะนึงถึงฝ่าบาท คงไม่เหมาะสมที่จะกลับราชสำนักไป ตามความคิดของข้า สู้ให้จิ้งไห่โหว เหยาหย่วนจือ อวี้สื่อฝ่ายตรวจการ รวมไปถึงอันกั๋วกงจางเชียน และไท่ฉื่อลิ่ง หลียงซือเชียนช่วยกันสะสางงานราชกิจ ทุกท่านคิดว่าอย่างไร
“นี่…” เฟิงจงเยี่ยนึกไม่ถึงว่าเฉิงอ๋องจะถีบตัวออกมาโดยตรงเช่นนี้ ขุนนางใหญ่ที่คอยสะสางงานราชกิจกลับมีสองคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจวนเจิ้นกั๋วกง…นั่นก็คือเหยาหย่วนจือและเซียวหลิน! ส่วนผู้ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเฟิง มีเพียงเหลียงซือเชียนเท่านั้น
อันกั๋วกงจางเชียนก็เป็นท่านปู่ขององค์ชายสามอีก! ก่อนหน้านี้ตระกูลเฟิงสนับสนุนองค์ชายใหญ่ จึงไม่ถูกคอกับองค์ชายสาม ตอนนี้ตระกูลเฟิงสนับสนุนองค์ชายสี่ ยังคงไม่ถูกคอกับองค์ชายสาม อันกั๋วกงคงไม่มองเฟิงจงเยี่ยแม้แต่พริบตาเดียว
นี่มัน…ภายในใจของเฟิงจงเยี่ยเปรยไม่หยุด เยี่ยนอ๋องตรัส “คนพวกนี้ที่น้องเจ็ดแนะนำนั้นไม่เลว เปิ่นอ๋องไม่มีข้อคิดเห็นใด”
จิ่นอ๋องก็พยักพระพักตร์ “เปิ่นอ๋องก็รู้สึกดีขึ้นอย่างยิ่ง”
เจิ้นกั๋วกงพยักพระพักตร์ด้วยรอยยิ้ม “ทั้งสี่คนนี้เหมาะสมอย่างมาก”
ถึงแม้องค์หญิงใหญ่หนิงหวาไม่แสดงความเห็นใด ทว่ากลับทอดพระเนตรไปยังเซียวหลิน “เรื่องของฝ่าบาทเกี่ยวข้องกับทั้งแคว้น เจ้ากลับราชสำนักไปแล้ว อย่าได้พูดจาเหลวไหลล่ะ”
เซียวหลินพลันค้อมตัวลง “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจดจำคำสั่งสอนของท่านอ๋องและองค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนี้ ก็ให้ไหวเอินไปกับเจ้าเถอะ” เฉิงอ๋องตรัส แล้วทอดพระเนตรไปยังไหวเอิน ไหวเอินเป็นขันทีเอกของฮ่องเต้ หากเขาเป็นคนบอก ขุนนางในราชสำนักต้องไม่คัดค้านอะไรอยู่แล้ว
ไหวเอินตอบกลับ แล้วหันหลังเดินจากไป เฟิงฮองเฮากลับตรัสด้วยเสียงก้องกังวาน “ช้าก่อน!”
“ฮองเฮายังมีสิ่งใดจะตรัสอีกหรือ” เฉิงอ๋องเงยพระพักตร์ไปยังฮองเฮา
“พวกเจ้าทำเช่นนี้ นี่เรียกว่าลอบปลอมแปลงพระราชโองการฝ่าบาทหรือเปล่า!” เฟิงฮองเฮาทอดพระเนตรไปยังเฉิงอ๋องด้วยความโมโห “ขุนนางผู้ดูแลราชสำนัก ฝ่าบาทต้องเป็นผู้กำหนดมิใช่หรือ!”
“อัครเสนาบดีเฟิงก็หมายความว่าเช่นนี้หรือ” เฉิงอ๋องทอดพระเนตรไปยังเฟิงจงเยี่ย
เฟิงจงเยี่ยกลับไม่ได้ทูลกลับ เพราะเขาก็เป็นคนที่เสนอให้ขุนนางดูแลราชสำนักชั่วคราว หากเขาพูดว่านี่เป็นการปลอมแปลงพระราชโองการ ก็เท่ากับตบหน้าตัวเอง เท่ากับว่าเขาเฟิงจงเยี่ยต้องการปลอมแปลงพระราชโองการตั้งแต่แรก จากนั้นจะถูกคนอื่นประณามว่าเขาลอบวางแผนชั่วร้าย
หากบอกว่าไม่นับ นั่นก็เท่ากับว่ากำลังตบหน้าฮองเฮาอยู่ นั่นเป็นตั้งบุตรีตนเอง เป็นที่พึ่งสำคัญที่สุดของตระกูลเฟิงในตอนนี้!
คำพูดนี้ของเฉิงอ๋องเป็นเพียงกับดักเท่านั้น ทว่าเขากลับทำตัวไม่ถูก
เฟิงจงเยี่ยในเวลานี้ถึงจะรู้ว่าเรื่องนี้พอมาถึงขั้นนี้ มันอยู่เหนือการควบคุมของตัวเองจริงๆ
“พอเถอะ วังในไม่เกี่ยวข้องกับราชสำนัก ให้เป็นไปตามกฎระเบียบของบรรพบุรุษเถอะ พี่สะใภ้แค่รับผิดชอบดูแลเสด็จพี่ก็พอ เรื่องใหญ่ในราชสำนัก อัครเสนาบดีเฟิงจะเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นหลักที่คอยสะสางเอง คงไม่เกิดความผิดพลาดแน่นอน” เฉิงอ๋องผายพระหัตถ์ สื่อว่าไหวเอินจะไปทำอะไรก็รีบไป
บอกว่าให้อัครเสนาบดีเฟิงเป็นขุนนางฝ่านบุ๋นหลัก แต่กลับไม่มีอัครเสนาบดีอยู่ในนั้น คำพูดนี้ของเฉิงอ๋องแทบจะทำให้เฟิงจงเยี่ยกระอักเลือด
ไหวเอินพลันค้อมตัว แล้วติดตามหลังเซียวหลินไป
ยามหยิน เหยาเยี่ยนอวี่ฝังเข็มให้ฮ่องเต้อีกครั้ง
ครั้งนี้เฉิงอ๋อง เจิ้นกั๋วกง องค์หญิงใหญ่หนิงหวา และฮองเฮาเฝ้าอยู่ด้านข้าง ครั้งนี้ทุกคนปรารถนาอย่างมาก รู้สึกว่าฮ่องเต้ฟื้นขึ้นมาได้ ดังนั้นใครก็ไม่อยากไปไหน
กำลังภายในของเหยาเยี่ยนอวี่แม้จะเพิ่มขึ้นมาบ้าง ทว่าฝังเข็มติดต่อกันไปหกครั้ง ก็แทบจะไร้เรี่ยวแรง