หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 525 เยี่ยนอวี่ลาพักร้อน หมิงชั่นได้บุตรชาย (3)
ตอนที่ 525 เยี่ยนอวี่ลาพักร้อน หมิงชั่นได้บุตรชาย (3)
เว่ยจางก้มหน้ามองสีหน้าซีดเซียวของเหยาเยี่ยนอวี่เพียงพริบตาเดียว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้อง”
ถังเซียวอี้ลอบถอนหายใจ แล้วหันทำท่าเอามีดปากคอตัวเองให้ชุ่ยผิงดู พร้อมทั้งแลบลิ้นออกมา “แค่ก”
ชุ่ยผิงยิ้มอย่างประหม่า เวลาเช่นนี้ ก็มีเพียงรองแม่ทัพถึงเท่านั้นที่กล้าเข้าไปถามแม่ทัพเช่นนั้น ขืนเป็นคนอื่น คงไม่มีทางกล้าเดินหน้าทำเช่นนี้อยู่แล้ว แม่ทัพช่างใจร้อนยิ่งนัก! ชุ่ยผิงลอบครุ่นคิด ไม่รู้จริงๆ ว่าฮูหยินฟื้นขึ้นมาแล้วแม่ทัพจะทำอย่างไร
กลับไปถึงจวน เว่ยจางอุ้มเหยาเยี่ยนอวี่ลงรถม้า ฉังเหมาที่เดินเข้ามาต้อนรับเห็นสีหน้าเลือดเย็นของแม่ทัพก็สั่นไหวขึ้นมา จึงแอบเหลือบมองชุ่ยผิงที่อยู่ด้านหลังเพียงปราดเดียว ชุ่ยผิงก็มีสีหน้าเย็นชาเช่นกัน ภายในใจของฉังเหมาลอบถอนหายใจ ไม่พูดไม่จา รีบไปยุ่งกับงานตนเอง จะได้ไม่ต้องไปหาเหาใส่หัว
บังเอิญฉุดคิดได้ขึ้นมาทันทีว่าวัดที่อาจารย์คงเซียงอาศัยอยู่นั้นปิดชั่วคราว คนที่องค์หญิงใหญ่หนิงหวาสั่งไปกลับไม่ได้เจอหน้า ถังเซียวอี้ได้ยินก็ถอนหายใจยาวๆ อาจารย์คงเซียง ท่านว่าท่านก็อายุมากปานนี้แล้ว ยังจะปิดประตูบานนั้นอีกหรือ!
เว่ยจางไม่ได้เดินจากไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว เฝ้าอยู่ข้างกายเหยาเยี่ยนอวี่ตลอดเวลา มอบหมายกิจธุระทางการทหารทั้งหมดให้ถังเซียวอี้ แล้วขอลาหยุดสองสามวัน อย่างไรวันนี้เหิงจวิ้นอ๋องปกครองแคว้น บางอย่างก็ไม่ได้เข้มงวดขนาดนั้น
หวางฮูหยิน หนิงฮูหยินน้อย เหยาเฟิ่งเกอ และเหยาเชวี่ยหวาต่างมาเยี่ยมเยียนเหยาเยี่ยนอวี่ เหยาเฟิ่งเกอยังคิดว่าจะฝากจิ่นเอ๋อร์ให้หนิงฮูหยินน้อยช่วยเลี้ยงดูชั่วคราวด้วยซ้ำ ตนเองจะอยู่ดูแลเหยาเยี่ยนอวี่ ทว่ากลับถูกซูอวี้เหิงโน้มน้าว
หันหมิงชั่นที่ดูเหมือนใกล้จะคลอด ยังอุตส่าห์นั่งรถมาเยี่ยมเยียน ทำให้ซูอวี้เหิงเห็นแล้วรู้สึกตกตะลึง กลัวว่านางจะไม่ระวังคลอดบุตรที่จวนแม่ทัพ เลยให้เยี่ยมเหยาเยี่ยนอวี่แค่ครู่เดียวก็ไล่นางกลับ “พี่หันกลับไปก่อนเถอะ รอให้พี่เหยาฟื้นแล้วจะเร่งส่งคนไปบอกท่าน”
หันหมิงชั่นเปรยอย่างโศกเศร้า แค่ทิ้งของบำรุงร่างกายเช่นโสมพันปีไว้ แล้วกลับจวนไปทันที
เหยาเยี่ยนอวี่หลับไปสี่คืนสามวัน ตอนที่ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็ตอนเช้าตรู่พอดี ลืมตาขึ้นภายใต้แสงอรุณอันเจิดจ้า ตอนที่เหยาเยี่ยนอวี่เห็นบุรุษที่กำลังนั่งพักผ่อนสายตาตรงขอบเตียง จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ แล้วเปรยด้วยเสียงต่ำ “นี่!”
เว่ยจางจึงรีบลืมตานั่งตัวตรง แล้วกุมมือเหยาเยี่ยนอวี่ไว้ นัยน์ตาเย็นชาราวกับหิมะที่ละลายเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ฟื้นแล้วหรือ หิวไหม จะดื่มน้ำก่อนไหม”
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัว
“รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้าง ทั้งตัวไร้เรี่ยวแรงใช่หรือไม่” เว่ยจางท่าทางกระวนกระวายอีกครั้ง
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัวอย่างต่อเนื่อง
“เช่นนั้น อยากนั่งไหม”
“เจ้าไปส่องคันฉ่องหน่อยเถอะ” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ นางไร้เรี่ยวแรงจริงๆ แม้กระทั่งตอนพูดยังไม่ค่อยมีเสียง ทว่าแม่ทัพแค่มองริมฝีปากที่ขยับก็รู้ว่านางพูดอะไรแล้ว ดังนั้นก้มหน้ามองเสื้อผ้าของตนเองที่ยังคงเป็นตัวเดิมของเมื่อหลายวันก่อน แล้วลูบเคราตรงคางที่ยาวขึ้นมามากแล้ว…เอ่อ ว่าไปแล้วก็เหมือนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้ว
นี่ไม่ได้ ฮูหยินชอบคนที่สะอาดสะอ้านที่สุด ดังนั้นแม่ทัพเว่ยรีบส่งให้คนเข่ามาปรนนิบัติฮูหยิน ตนเองรีบเข้าไปสุขา
เหยาเยี่ยนอวี่ดื่มน้ำอุ่นไปหนึ่งถ้วย แม่ทัพเว่ยก็กลับมาแล้ว หลังจากที่จัดการตนเองแล้ว ก็กลับมาเป็นแม่ทัพที่ทั้งสุขุมและหล่อเหลา เหยาเยี่ยนอวี่เห็นสามีที่กลับมามีเสน่ห์อีกครั้ง จึงอดยิ้มจางๆ ไม่ได้
แม่ทัพเว่ยเห็นฮูหยินยิ้ม ความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านทั้งร่างละลายไปทันที เดินหน้ามาคุกเข่าอยู่ตรงตั่งไม้ แล้วจับแก้มของนางเบาๆ พร้อมเปรยด้วยเสียงต่ำ “เจ้าตื่นมาเสียที”
“ทีแรกก็ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว แค่รู้สึกเหนื่อยมากเท่านั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย เจ้ายังจะตื่นเต้นมากเช่นนี้เลยหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ ด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ครั้งนี้อันตรายเกินไปแล้ว” แม่ทัพเว่ยขมวดคิ้วขึ้นมา “ก่อนที่เจ้าจะฟื้นฟูร่างกายให้กลับสู่สภาพเดิม ห้ามฝังเข็มและรักษาอาการให้ใครอีก ข้าจะเขียนสาสน์กราบทูลให้ฝ่าบาททรงพระอนุญาตให้เจ้าลาหยุดหนึ่งปี จะได้อยู่ฟื้นฟูร่างกายในจวนดีๆ”
“ไม่หรอกกระมัง” เหยาเยี่ยนอวี่ถลึงตาโตอย่างแปลกใจ ลาหยุดหนึ่งปี? ฮ่องเต้จะตอบตกลงหรือ
แม่ทัพเว่ยสบนัยน์ตาแววใสของนาง แล้วจับมือนางแน่นกว่าเดิม พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “หากครั้งนี้เจ้าไม่เชื่อฟังข้า วันข้างหน้าข้าจะไม่ให้เจ้าเป็นหมออีก”
เหยาเยี่ยนอวี่เม้มปาก แค่มองเขาไม่พูดไม่จา
“ก่อนหน้านี้ที่แต่งงาน พวกเราเคยสาบานว่าจะรักกันชั่วนิรันดร์ เจ้ารู้ไหมอะไรคือชั่วนิรันดร์ แค่ขาดหนึ่งวันหรือขาดหนึ่งชั่วยามก็ไม่ใช่ชั่วนิรันดร์แล้ว ดังนั้นร่างกายของเจ้าไม่ได้เป็นเพียงของเจ้าแต่ผู้เดียว เจ้าห้ามทำลายมันเด็ดขาด” เว่ยจางมองนางอย่างเป็นทางการ
“รู้แล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างจนปัญญา ยื่นมือไปลูบคิ้วที่ขมวดเป็นปมของเขา นัยน์ตายิ่งมองยิ่งเคร่งขรึม นางมีคำโต้เถียงกลับเป็นพันเป็นหมื่น ตอนนี้ เวลานี้กลับพูดอะไรไม่ออก
ไม่นาน ทุกคนก็รู้เรื่องที่เหยาเยี่ยนอวี่ฟื้นขึ้นมาแล้ว เหยาหย่วนจือสั่งให้หวางฮูหยินมาเยี่ยมเยียน เหยาเฟิ่งเกอ หันหมิงชั่น คนขององค์หญิงใหญ่หนิงหวา คนของจวนเฉิงอ๋องและคนของวังหลวง ทั้งยังมีคนของเหิงจวิ้นอ๋องก็มาเยือนด้วย ทุกคนเอาของบำรุงร่างกายและเครื่องประดับราคาสูงลิ่วติดไม้ติดมือมามากมาย
แค่สิ่งที่ทุกคนนึกไม่ถึงก็คือ หมอหลวงเหยาฟื้นขึ้นมาแล้ว ทว่ากลับเพราะว่าใช้กำลังภายในมาเกินไป ยังคงนอนอยู่บนเตียงไม่ลงมาเดินบนพื้น ปกติไม่ว่าจะกินหรือนอนก็ต้องมีคนคอยรับใช้ สองมือของนางไร้เรี่ยวแรงจริงๆ แม้กระทั่งจับเงินเข็มยังถือไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ
หลังจากฮ่องเต้ได้ยินเรื่องนี้ก็กระวนกระวายขึ้นมาทันที “แม้แต่เข็มยังถือไม่ไหวกระนั้นหรือ แล้วเจิ้นจะต้องรอถึงเมื่อใดกัน พวกเจ้าคิดหาวิธี ต้องทำให้ร่างกายของหมอหลวงเหยากลับมาแข็งแรงอีกครั้ง!”
เหิงจวิ้นอ๋อง เฉิงอ๋อง เจิ้นกั๋วกงและเหล่าขุนนางใหญ่ได้ยินคำพูดนี้ก็อับจนหนทาง ของบำรุงร่างกายที่ดีที่สุดใต้หล้านี้…ส่งไปยังจวนแม่ทัพฝู่กั๋วแล้ว แต่ร่างกายของหมอหลวงเหยายังคงไม่ดีขึ้น นี่ต้องทำอย่างไรดี
ขณะที่ทุกคนกำลังจนปัญญา แม่ทัพเว่ยก็เขียนสาสน์กราบทูลมาหนึ่งฉบับ แม่ทัพเว่ยฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่เด็ก จึงร่ำเรียนตำรายุทธศาสตร์มามากมาย ฉะนั้นเนื้อหาสาสน์กราบทูลง่ายและชัดเจน ทูลฝ่าบาท เหตุเพราะร่างกายของฮูหยินกระหม่อมอ่อนแออย่างมาก ต้องการบำรุงรักษาอย่างเงียบๆ กระหม่อมจึงขอลาพักฟื้นแทนฮูหยิน ฝ่าบาทได้โปรดทรงพระอนุญาตให้ฮูหยินไปพักฟื้นร่างกายที่บ้านสวนนอกเมือง กระหม่อมซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณอย่างมาก!
ฮ่องเต้ได้ยินเหิงจวิ้นอ๋องอ่านสาสน์กราบทูลจบ ผ่านไปสักพักก็ถาม “เหยาหย่วนจือ เจ้าคิดว่าอย่างไร”
เหยาหย่วนจือพลันเดินหน้ามาทูลกลับ “ทูลฝ่าบาท เมื่อวานคนของจวนกระหม่อมไปเยี่ยมเยียนบุตรีคนรองมาแล้ว พอกลับถึงจวนก็ร้องห่มร้องไห้จนตาบวม บอกว่าเยี่ยนอวี่ราวกับหุ่นไม้ แม้กระทั่งเข็มยังจับไม่อยู่ ตอนจะกินหรือจะนอนก็ต้องมีคนคอยปรนนิบัติ ทั้งเรือนร่างราวกับไร้กระดูก…” เหยาหย่วนจือพูดไปถึงตรงนี้ก็น้ำตาคลอ
“เฮ้อ!” ฮ่องเต้ถอนหายใจ ผายพระหัตถ์ให้เหยาหย่วนจือไม่ต้องทูลอีก
เฉิงอ๋องมองซ้ายแลขวา แล้วประสานมือคารวะ “ฝ่าบาท หมอหลวงเหยาทำงานหนักในสำนักแพทย์มาสองปีแล้ว นางวิจัยยาสูตรใหม่หลายสิบชนิด ก็ถือว่าลำบากมากพอแล้ว วันนี้สภาพร่างกายไม่อำนวย ก็ควรให้นางได้พักฟื้นตัวไปสักพัก แค่ร่างกายของนางดีขึ้น ก็มาแบ่งเบาภาระของฝ่าบาทได้อีกเช่นเคย”