หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 531 เจ้ามีหน้าที่เอาแต่ใจ ข้ามีหน้าที่เอาใจ (4)
ตอนที่ 531 เจ้ามีหน้าที่เอาแต่ใจ ข้ามีหน้าที่เอาใจ (4)
หลังจากกินมื้อค่ำเสร็จ เว่ยจางถามฮูหยินว่าอยากทำอะไรไหม เหยาฮูหยินเอามือเท้าคางครุ่นคิด แล้วชี้ไปยังหลังคาเรือน “ข้าอยากขึ้นไปดูดาว”
เว่ยจางเงยหน้ามองหลังคา แล้วมองฮูหยินที่อ่อนปวกเปียกของเขา จึงพยักหน้าอนุญาต
ทันใดนั้น แม่ทัพเว่ยไปเอาเสื่อไม้ไผ่สานและผ้าห่มหนึ่งผืนขึ้นไป หลังจากปูเสร็จแล้วเอาหมอนขึ้นไปวางให้เรียบร้อย ครั้งที่สามถึงจะอุ้มฮูหยินบินขึ้นบนหลังคา
นี่เป็นบ้านนาที่เงียบสงบตั้งอยู่กลางป่า อากาศบริสุทธิ์ไร้มลพิษใดๆ สายลมยามดึกพัดพืชพันธุ์ดอกไม้ อบอวนไปด้วยกลิ่นธรรมชาติที่ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายยิ่ง นภายามดึกนี้ราวกับเหล่าอาจารย์จิตกรเทหมึกดำบนกระดาษ ดำสนิทจนทำให้เห็นหมู่ดาวอย่างชัดเจน ดวงดาวเต็มนภากำลังระยิบระยับงดงาม
“เหตุใดเจ้าถึงดีกับข้ามากเช่นนั้น” เหยาเยี่ยนอวี่พิงกลางอกของสามี แล้วถามด้วยเสียงนิ่งเฉย
“ยัยโง่” แม่ทัพเว่ยหลุดยิ้ม “เจ้าเป็นฮูหยินของข้า ข้าไม่ดีกับเจ้า แล้วใครจะดีกับเจ้าล่ะ”
“ยอมข้าทุกอย่างเลยหรือ”
“แน่นอนสิ” เว่ยจางกล่าวจบ จู่ๆ ก็หลุดหัวเราะออกมา ก้มหน้าจุมพิตบนขมับของนาง ลมหายใจแผ่วร้อนกระทบบนผิวที่เย็นยะเยือกของนาง “แต่บางครั้งเจ้าเป็นคนยอมข้านี่”
“ข้าเหมือนจะยอมเจ้าน้อยมาก” เหยาฮูหยินถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิด
“อืม ไม่ได้มาก” แม่ทัพเว่ยก้มหน้ากัดติ่งหูของนาง “เช่นนั้นรอให้เจ้าหายดีแล้ว ก็ ‘ยอม’ สามีเยอะหน่อยได้ไหม”
“อย่ามา!” จู่ๆ นางก็ตบมือของเขาออก เมื่อครู่นี้เขาเน้นคำว่ายอม ถ้าเหยาเยี่ยนอวี่ยังไม่เข้าใจอีกก็คงกลายเป็นคนโง่แล้ว
เว่ยจางหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ เสียงหัวเราะของเขาที่ดังขึ้นกลางดึกนั้นเย้ายวนใจยิ่งนัก
เหยาเยี่ยนอวี่หลงใหลในเสียงหัวเราะเช่นนี้ จึงพิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา นิ้วมือลูบเสื้อผ้าตัวหลวมของเขา แล้วเลิกทำสีหน้าหยอกเย้า พร้อมพูดด้วยเสียงต่ำ “พูดตามจริง เจ้าก็รู้ว่าข้าแกล้งทำเป็นเอาแต่ใจ แกล้งหยอกเย้าเจ้า เจ้าไม่โกรธเลยหรือ”
เว่ยจางหัวเราะเสียงต่ำ ยกมือจับมือเล็กๆ ที่กำลังลูบไล้ไปเรื่อยเปื่อย พลางถามกลับ “ข้ารู้ว่าเจ้าแกล้งตั้งแต่แรก ถ้าข้ายังโกรธอีก ก็ยิ่งติดกับดักของเจ้าน่ะสิ เจ้าเห็นว่าสามีของเจ้าโง่เขลาหรือ”
“เอ่อ!” เหยาเยี่ยนอวี่ถึงกับพูดไม่ออก เจ้าว่าคนคนนี้ทำให้คนรู้สึกเคร่งเครียดมากเพียงใดกัน เขาพูดจาอ่อนหวานไม่เป็นก็ช่างประไรไป แล้วยังพูดจาทำลายบรรยากาศอีก! หรือว่าเขาเอาชนะไม่ได้ ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ?!
“เอาเถอะ! หยอกเจ้าเล่นเท่านั้นน่ะ” แม่ทัพเว่ยมองใบหน้าเรียวเล็กของเหยาเยี่ยนอวี่ที่เริ่มไม่สบอารมณ์แล้ว จึงยิ้มได้มีความสุขกว่าเดิม “ไม่ง่ายเลยที่พวกเราจะมีเวลาใช้ชีวิตอย่างเอื่อยเฉื่อยด้วยกัน ข้ามีความสุขยิ่ง เจ้าจงใจแกล้งข้าก็ดี หรือจงใจเอาแต่ใจก็ดี แค่เจ้าบอกข้าก็จะทำ ข้าชื่นชอบหมดทุกอย่าง แค่เจ้ามีชีวิตที่สุขสบาย ให้ข้าทำอะไรก็ยอม”
เหยาเยี่ยนอวี่กลืนน้ำลาย เริ่มรู้สึกแสบจมูก
“เหตุใดถึงไม่พูดไม่จาล่ะ” เว่ยจางเงยหน้ามองนาง เห็นดวงตาดั่งอัญมณีสีนิลสะท้อนให้เห็นถึงหมู่ดาวเต็มฟากฟ้า ดังนั้นจึงโน้มตัวลงไปหอมตาของนาง เพื่อทำให้น้ำใสๆ ในดวงตาของนางหายไป “นี่คุ้มค่ากับการร้องไห้ด้วยหรือ ข้ายังไม่ทันได้พูดอะไรเลย”
เป็นเช่นนั้น เขายังไม่ได้พูดอะไรเลย แม้กระทั่งคำมั่นสัญญาที่ง่ายที่สุดยังไม่ได้เอ่ยออกจากปาก
ทว่าเพียงคำพูดง่ายๆ เช่นนี้กลับทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งมาก
แค่เจ้าพูดและเจ้าทำ ข้าล้วนโปรดปราน ต่อให้เจ้าจะสร้างความวุ่นวายก็ดี หรือจะดื้อดึงเอาแต่ใจก็ดี แค่เจ้าอยู่ดีมีสุข ข้าก็อยู่ดีมีความสุขแล้ว
เหยาเยี่ยนอวี่พิงในอ้อมกอดของเว่ยจาง ยื่นมือกอดคอของเขา เป็นฝ่ายจุมพิตเขาก่อน
แม่ทัพเว่ยกลั้นหายใจ แล้วเกร็งไปทั้งร่างทันที
ฮูหยินเป็นฝ่ายจุมพิตก่อนเป็นเรื่องดี ทว่า…ต่อให้นางทำเช่นนี้ ก็ทำอะไรไม่ได้!
แม้ทัพเว่ยตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก ทั้งยังต้องพยายามควบคุมอารมณ์ให้สุดความสามารถ จากนั้นก็จุมพิตนางกลับอย่างดุเดือด
ตอนที่นางเหลือลมหายใจเพียงเฮือกสุดท้ายถึงจะปล่อยนางออก พอเห็นสภาพนางที่หายใจหอบ ดวงหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา…คืนนี้เกรงว่าคงไม่ได้นอนแล้ว!
นี่เป็นหนึ่งวันที่พวกเขาใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลาย เป็นจุดเริ่มต้นความสุขของเหยาเยี่ยนอวี่ ทุกวันหลังจากนี้ก็จะเป็นเช่นนั้น แม่ทัพเอาอกเอาใจนางสุดชีวิต ทำตามความปรารถนาของนางทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เขาไม่เคยปฏิเสธเลย
ชีวิตที่มีความสุขมักจะผ่านไปไว เผลอสักพักก็ผ่านเดือนหกที่แสนร้อนระอุ แล้วเข้าสู่เดือนเจ็ดที่มีฝนมาก
วันนี้เป็นวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด เป็นช่วงเวลาที่ชายหนุ่มเลี้ยงวัวเจอหญิงสาวทอผ้าพอดี ท้องฟ้ามืดครื้มตั้งแต่เช้า ลมทิศตะวันออกยามเช้าชุ่มชื้นยิ่งนัก
เหยาเยี่ยนอวี่ชอบฤดูที่ฝนโปรยเบาๆ ที่สุด ชอบเดินกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาเบาๆ โดยไม่ต้องกางร่ม มองหยาดฝนติดเส้นผม สัมผัสอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความชุ่มชื้น
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เหยาฮูหยินผลักหน้าต่างสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วถามเซียงหรูที่อยู่ด้านข้าง “แม่ทัพล่ะ”
“เรียนฮูหยิน แม่ทัพซ้อมดาบในดงไม้ไผ่ด้านหลังเจ้าค่ะ” เซียงหรูเก็บเครื่องประดับที่วางกระจัดกระจายบนโต๊ะเครื่องแป้งอย่างว่องไว
“ข้าไปดูเขาหน่อยเถอะ” เหยาเยี่ยนอวี่พูดไปก็ลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก หลังจากผ่านการพักฟื้นร่างกายไปในพักนี้ นางเดินเองและกินข้าเองได้แล้ว
“ฮูหยินรอก่อนเจ้าค่ะ!” เซียงหรูรีบหันไปเอาร่มกระดาษเคลือยมันมาหนึ่งคัน “ฝนใกล้ตกแล้ว อย่าลืมพกร่มเจ้าค่ะ”
“นี่ยังไม่ตกมิใช่หรือ” เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วอย่างไร้ความอดทน
“ฮูหยินปล่อยบ่าวไปเถอะ หากท่านออกไปเช่นนี้ แม่ทัพเว่ยคงเอาเรื่องพวกบ่าวแน่”
“เอาเรื่อง?” เหยาเยี่ยนอวี่มองเซียงหรูด้วยความขบขัน
เซียงหรูเลียนแบบท่าทางของแม่ทัพเว่ย นางหรี่ตาลงและมองด้วยหางตา เพียงแต่ว่าหน้าตาของนางอ่อนหวานเกินไป จึงไม่ค่อยเหมือนท่าทางของเว่ยจางแม้แต่น้อย แววตาไม่ได้เฉียบคมเหมือนแม่ทัพเว่ย กลับทำให้นางรู้สึกขบขันจนหัวเราะ
“ฮูหยิน ขอร้องเถอะเจ้าค่ะ ให้พวกบ่าวได้ติดตามท่านไปหน่อยเถอะ แล้วกางร่มไปด้วยเจ้าค่ะ” เซียงหรูพูดไป ก็ยื่นร่มให้อูเหมย
เหยาเยี่ยนอวี่ยกยิ้ม ถือเป็นการอนุญาตแล้ว
ด้านหลังบ้านนาวัวจวูเป็นดงไม้ไผ่ ปู่ของแม่ทัพเว่ยเป็นคนปลูกด้วยตัวเอง หลังผ่านลมฝนไปหลายสิบปี ดงไผ่ผืนเล็กในตอนแรกก็อุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นที่เว่ยเอ้อร์โต้วละโมบโลภมากในเงินทองจนตัดต้นไผ่พวกนั้น ดงไผ่แห่งนี้คงจะอุดมสมบูรณ์กว่านี้
วันนี้หลังผ่านการตัดแต่งโดยจ้างชาวสวนที่ชำนาญ จึงทำให้ดงไผ่แห่งนี้ดูงดงามเป็นระเบียบมากกว่าเดิม
แม่ทัพเว่ยซ้อมดาบกลางดงไผ่ ดาบที่ทรงพลังนั้นเต็มไปด้วยแรงลม ทำให้ต้นไผ่รอบๆ ร่ายรำไปด้วยแรงลมที่ส่งผ่านดาบ แม่ทัพเว่ยในชุดสีนิลที่ห้อมล้อมด้วยลมคล้ายอยู่คล้ายหายตัวไป
นี่คือช่วงเวลาที่เขาหล่อเหลาที่สุด ท่วงท่าที่เขาร่ายรำดายนั้นราวกับมังกรแหวกว่ายรอบตัวเขา
อีกอย่าง บุรุษที่หล่อเหลาเช่นนี้เป็นของตัวเอง เขาแค่ส่งยิ้มให้ตนเอง หวั่นไหวให้ตัวเอง และซื่อสัตย์กับตนเอง
เหยาเยี่ยนอวี่มองแล้วฉุกคิดขึ้นได้อย่างฉับพลัน จึงอยากจะใช้กำลังภายในโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้นางจะร่ายดาบไม่ได้ แต่เดินตามจังหวะฝีเท้าของเขาได้