หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 533 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส (2)
ตอนที่ 533 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส (2)
“อ้อ…เจ้าค่ะ ใต้เท้า” หวงฉีที่รู้สึกผิดในตอนแรก เห็นถังเซียวอี้โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ก็รู้สึกหวาดกลัวกว่าเดิม รีบค้อมตัวลงพยักหน้า “ฮูหยินถัง ฮูหยินถัง”
“เอาเถอะ!” ซูอวี้เหิงรู้สึกว่าถังเซียวอี้เป็นถึงรองแม่ทัพกลับทำทะเลาะถกเถียงกับสาวใช้ที่ดูแลสวนนั้นเป็นเรื่องอับอาย จึงดึงสามีของตนเองแล้วถามหวงฉี “เสื้อผ้าสามีข้าเปียกหมดแล้ว เข้าไปพบฮูหยินด้วยสภาพเช่นนี้ก็คงไม่ดี เจ้าไปเอาเสื้อผ้าตัวสะอาดให้เขาเปลี่ยนหน่อยได้หรือไม่”
“เจ้าค่ะ ใต้เท้าเชิญตามบ่าวมาเจ้าค่ะ” ตอนนี้หวงฉีเชื่อฟังมาก ท่าทางดูระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ได้ปากคอเราะรายเหมือนเมื่อครู่นี้
ถังเซียวอี้ก็ไม่อยากเรียกร้องอะไรกับสาวใช้ชั้นล่างเลย แค่ถอนหายใจตามนางไปเรือนข้าง
จากนั้น สองสามีภรรยาถังเซียวอี้เข้าไปนั่งในโถงในสวน เซียงหรูและอูเหมยยกน้ำชาหอมกรุ่นมา เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “ยัยสาวใช้หวงฉีอยู่ในบ้านนาตลอด ไม่รู้เรื่องภายนอกหรอก ทำให้คุณชายรองไม่สบอารมณ์แล้ว คุณชายรองอย่าได้โมโหเลย”
เว่ยจางขมวดคิ้วถามโดยตรง “วันนี้พวกเจ้าสองคนมาทำอะไรหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่ลอบมองแม่ทัพเว่ยเพียงชั่วพริบตา ภายในใจกำลังคิดว่า เจ้าพูดจาอ้อมค้อมหน่อยได้หรือไม่ คนอื่นมีเวลาว่างเลยอยากมาเยี่ยมเยียนไม่ได้หรือไร เว่ยจางเห็นแววตาตำหนิของฮูหยิน จึงยิ้มจางๆ ล้อเล่นอะไรอยู่ ถังเซียวอี้ว่างจนอยู่นิ่งไม่ไหวแล้ว
“พี่ใหญ่ วันนี้ข้ามาแค่อยากจะบอกท่านคำเดียว เรื่องที่เกิดขึ้นในสนามขี่ม้าวังหลวงใต้ ได้เบาะแสบ้างแล้ว” ขณะที่พูดถึงประเด็น รองแม่ทัพถังทำสีหน้าเย็นชา “ถึงแม้คนเลี้ยงม้าจะตายแล้ว ทว่าตอนที่ข้าเจอคนครอบครัวของเขาที่ถนนต้นหลิ่ว น้องสาวของเขาบอกว่า ก่อนเขาจะสิ้นใจก็ส่งเงินสองร้อยตำลึงให้ที่บ้าน แล้วยังฝังอะไรบางอย่างไว้ใต้ต้นซิ่น ภายหลังน้องสาวของเขาไปขุดของพวกนั้นออกมา กลับเป็นเครื่องประดิษฐ์หนึ่งหีบ”
“อืม” เว่ยจางพยักหน้า ดูท่าแล้วมีคนบงการเรื่องนี้จริงๆ
“ข้าสืบหาคนที่ติดต่อกับคนเลี้ยงม้าสองสามวันก่อนเกิดเหตุ หลังจากผ่านการสืบสวนแล้ว เจอคนสองสามคนที่น่าสงสัย” ถังเซียวอี้พูดไป ก็ควักลายน้ำที่จดชื่อของคนพวกนั้นให้เว่ยจาง
เว่ยจางรับมาอ่านหนึ่งรอบแล้วครุ่นคิด
“บรรดาคนพวกนี้ หูชิงและหม่าลิ่วที่น่าสงสัยที่สุด ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาล้วนไม่ใช่คนธรรมดา อีกอย่าง ตามที่ข้าคาดการณ์ เงินสองร้อยตำลึงและเครื่องประดิษฐ์หนึ่งหีบต้องไม่ใช่คนเดียวกัน”
เว่ยจางพยักหน้า รู้สึกว่าถังเซียวอี้กล่าวได้มีเหตุผล
ตามรายชื่อในลายน้ำ ดูออกว่าหูชิงคือคนของเหิงจวิ้นอ๋อง และหม่าลิ่วเป็นคนของจิ้งจวิ้นอ๋อง ทั้งสองเป็นองค์ชาย และยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโหว จึงอยากจะขยายอำนาจของตนเองในด้านราชสำนักให้ครอบคลุมมากขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าเว่ยจางรู้สึกว่า เกิดเป็นทายาทของฮ่องเต้ คิดว่าองค์ชายสองคนนี้ไม่น่าจะทำเรื่องเช่นนี้ โดยเฉพาะเหิงจวิ้นอ๋อง เขาไม่เคยมีพิรุธอะไรมาโดยตลอด แค่ชอบชมนกชมไม้ วาดภาพและลิ้มลองชาเท่านั้น ไม่เหมือนคนที่จะกระทำเรื่องเช่นนี้เลยแม้แต่น้อย
ฮ่องเต้ไม่เพียงแต่เป็นฮ่องเต้ แล้วยังเป็นบิดาของพวกเขา ลอบสังหารบิดา หากไม่ถูกบังคับด้วยเงื่อนไขใดๆ โดยทั่วไปก็คงไม่ทำเรื่องเช่นนี้
หรือจะทำเพื่อชิงบัลลังก์จริงๆ น่าจะยังไม่ถึงเวลาหรือเปล่า เว่ยจางหรี่ตาครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ภายในใจลอบคิดว่า เรื่องนี้ต้องมีคนยืมดาบฆ่าคนแน่นอน
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ แค่ผายมือให้ซูอวี้เหิง “เหิงเอ๋อร์ พวกเราไปคุยกันด้านในเถอะ”
ซูอวี้เหิงพลันเดินหน้าไปพยุงเหยาเยี่ยนอวี่ขึ้น ทั้งสองเดินออกไปด้านนอก
“ตอนนี้พี่หันเป็นเช่นไรบ้างแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่นั่งลงบนตั่งไม้เย็นพลางถาม
“วันนี้ข้ามาก็เพื่อสิ่งนี้ วันมะรืนจัวเอ๋อร์ครบหนึ่งเดือนแล้ว พี่หันอยากให้ข้ามาถามว่าพี่สาวจะกลับเมืองหลวงไปร่วมงานฉลองได้หรือไม่”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มส่ายหน้าอย่างประหม่า “เกรงว่าคงไม่ได้ สภาพร่างกายของข้าในตอนนี้ เดินไม่กี่ก้าวก็ไร้เรี่ยวแรงแล้ว แม่ทัพคงไม่ตอบตกลงแน่นอน”
“ดั่งที่ข้าคาดการณ์ไว้เลย ครั้งนี้พี่เหยาได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ ตอนนี้ข้าไม่กล้ามองแม่ทัพเลย วันนั้นข้าตกใจแทบแย่ เจ้าไม่รู้ว่าข้าเสียใจมากแค่ไหน” ซูอวี้เหิงนึกถึงวันนั้นที่ตนมาบอกว่าหันหมิงชั่นคลอดบุตรยาก แววตาของแม่ทัพเว่ยราวกับฆ่าคนได้ ยังคงรู้สึกหวาดผวาอยู่
“เจ้ากลัวเขาไปไยกัน เขาไม่ได้จะกินเจ้าเสียหน่อย” เหยาเยี่ยนอวี่ถามอย่างขบขัน
“เขากินข้าไม่ได้ แต่สายตาที่เขาจับจ้องข้า ข้าถึงกับกินข้าวไม่ลงไปหลายวัน” ซูฮูหยินตบหน้าอกตัวเอง “ข้าไม่อยากจะคิดจริงๆ ตอนที่พี่เหยาใช้ชีวิตอยู่กับแม่ทัพ เจ้าไม่กลัวสีหน้าของเขาเลยหรือ”
“ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นว่าเจ้าจะกลัวเขาขนาดนี้นี่?” เหยาเยี่ยนอวี่ถามอย่างแปลกใจ
“นั่นเป็นเพราะตอนนั้นข้าไม่ได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจ” ซูอวี้เหิงเปรยอย่างจนปัญญา “ข้าจำไว้แล้ว วันข้างหน้าไม่ว่าจะทำอะไร ก็ห้ามสร้างเรื่องบาดหมางกับแม่ทัพโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นสายตาดั่งดาบบินของเขาคงจะฆ่าข้าให้ตายเลยทีเดียว”
เสียงหัวเราะอันไพเราะของพวกนางส่งออกไปจากในเรือน รองแม่ทัพถังที่อยู่ด้านนอกก็อดมองม่านลูกปัดไม่ได้ พร้อมทั้งเกาจมูกแล้วเปรยว่า “แม่ทัพสุขสบายยิ่งนัก วันๆ คงจะนอนกอดภรรยาจนไม่อยากตื่นนอนเลยสิ?”
“หรือว่าเจ้าไม่เป็นเช่นนี้” แม่ทัพเว่ยมองเขาด้วยแววตาดูหมิ่น จู่ๆ ก็ถาม “จริงด้วย ช่วงก่อนข้าได้ยินต้าเฟิงบอกว่านางโลมหอสิบเก้ายังเฝ้าคอยให้เจ้าไปดื่มสุราชมการแสดงจนป่วยเป็นโรคเฝ้าคะนึงถึงไปแล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ไปอีก”
“จุ๊…” ถังเซียวอี้กระโดดดั่งแมวหางไหม้ จากนั้นกดเสียงต่ำร้องขอให้แม่ทัพเว่ยปล่อยตัวเองไป “พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้ทำผิดกับพี่หรือเปล่า คำพูดเช่นนี้อย่าเอ่ยผิวเผินสิ!”
เว่ยจางเหลือบตามองม่านลูกปัดด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แล้วไม่ได้พูดอะไรมากมาย ถังเซียวอี้จึงรีบแสดงความจงรักภักดี “เรื่องในค่ายทหารและเรื่องที่แม่ทัพบัญชาให้ข้าสืบ ข้าจะทำอย่างเต็มที่ จะให้คำตอบที่พอใจที่สุด แม่ทัพอยู่พักฟื้นร่างกายเป็นเพื่อนฮูหยินอย่างสบายใจได้เลย มีสหายอย่างข้าอยู่ ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องด้านนอกแม้แต่น้อย”
“อืม อยู่กินข้าวด้วยกันตอนเที่ยงนี้เถอะ” แม่ทัพเว่ยพยักหน้าอย่างพอใจ “ที่นี่มีอาหารป่าไม่น้อย แล้วยังมีสมุนไพรดองสุราที่ฮูหยินเจ้าดองเอง”
“ข้าชอบอาหารป่า แต่สุราสมุนไพรก็เอาไว้ก่อน ข้ายังมีธุระสำคัญต้องสะสาง คงดื่มสุราไม่ได้” ตอนนี้รองแม่ทัพถังกลัวสุราสมุนไพรที่สุด โดยเฉพาะสุราที่ฮูหยินดองเอง
วันนี้เป็นโอกาสหายากที่ถังเซียวอี้และซูอวี้เหิงจะมีเวลาว่าง ไม่เพียงแต่อยู่กินมื้อเที่ยง ยังค้างด้วยหนึ่งคืน ไม่มีเหตุผลอื่นใด ตอนบ่ายฝนตกเริ่มหนักขึ้น ตามคำพูดของรองแม่ทัพถังแล้ว ต่อให้ไม่อยากรั้งแขกอยู่ค้างคืนในฤดูฝนเพียงใด ก็ต้องรั้งให้อยู่ค้างคืน
เหยาเยี่ยนอวี่ให้คนจัดเรือนให้พวกเขาสองคน ตอนกลางดึกฝนเริ่มเบาลง ซูอวี้เหิงก็บอกว่าไปแอบฟังหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าคุยเรื่องลับๆ กันใต้ต้นองุ่นกันเถอะ
เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “พวกเจ้าไปเถอะ ข้าไม่ไปแล้ว”
พูดเรื่องลับๆ อะไรกัน ไปปล่อยให้ตัวเองโดนยุงกัดชัดๆ คนโง่เท่านั้นที่จะทำเรื่องเช่นนั้น ทว่าถังเซียวอี้กลับสั่งให้คนยกเก้าอี้สานไปนั่งใต้ต้นองุ่นด้วยความตื่นเต้นดีใจ แล้วดึงฮูหยินไปด้วย วันที่สองซอกคอของซูฮูหยินเต็มไปด้วยรอยแดง สาวใช้ถามถึงก็บอกว่านางโดนยุงกัด เหยาเยี่ยนอวี่กลับแอบหัวเราะ ภายในใจคิดว่ายุงตัวนี้หิวโหยจริงๆ!