หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 536 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส (5)
ตอนที่ 536 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส (5)
เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินคำพูดนี้ ก็รู้ว่านักพรตเต๋าคนนี้กำลังดูหมิ่นตนเอง ดังนั้นจึงอยากเอาชนะ เหยาเยี่ยนอวี่พูดด้วยเสียงเรียบ “แต่ผู้ที่เดินอยู่ใต้หล้านี้ มีใครบ้างที่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา หรือนักพรตเต๋าได้กลายเป็นเซียนแล้ว ไม่กินอาหารหรือน้ำในโลกมนุษย์?”
อาจารย์คงเซียงและนักพรตเต๋าได้ยินต่างก็ตะลึงงัน ผ่านไปสักพัก ทั้งสองก็หัวเราะเสียงดัง
นักพรตเต๋าลูบเคลาสีขาวไปกวาดสายตามองเหยาเยี่ยนอวี่ไป แล้วพูดยิ้มๆ “แม่นางผู้นี้ปากร้ายยิ่งนัก เจ้าไม่ใช่เป็นสตรีอัศจรรย์ที่ร่ำเรียนตำราเอง แล้วฝึกฝนการฝังเข็มและการรมยาแบบไท่อี่จากตำรารวบรวมชนิดของสมุนไพรหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินก็อดมองอาจารย์คงเซียงไม่ได้ พอเห็นอาจารย์พยักหน้าถึงจะตอบกลับ “ข้ามิบังอาจเป็นสตรีอัศจรรย์อะไรนั่นหรอก การฝังเข็มและการรมยาแบบไท่อี่อัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าแค่ฝึกได้สองส่วนเท่านั้น จึงมิบังอาจบอกว่า ‘เป็น’ หรอก”
นักพรตเต๋าผู้นั้นแสยะยิ้มส่ายหน้า แล้วยกถ้วยน้ำชามาลิ้มลอง ไม่ได้พูดอะไรอีก
อาจารย์คงเซียงยกมือเชิญเว่ยจางและเหยาเยี่ยนอวี่นั่ง แล้วพูดว่า “ได้ข่าวว่าเหยาฮูหยินรักษาฝ่าบาทจนใช้กำลังภายในจนหมดหรือ วันนี้ดูเหมือนจะไม่เหนือที่คาดการณ์ไว้ สีหน้ายังดี แต่ได้ข่าวว่ากำลังภายในเหมือนยังไม่ฟื้นฟูใช่ไหม”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจนปัญญา พูดว่า “ครั้งนี้ใช้กำลังมากเกินไปจริงๆ ดังนั้นคงยากที่จะฟื้นฟู”
อาจารย์คงเซียงถอนหายใจเบาๆ แล้วมองเว่ยจาง “ช่วงนี้โยมมีเวลาว่างมากหรือ”
“วางภาระหน้าที่ทุกอย่าง แค่เพียงต้องการพักฟื้นร่างกายกับฮูหยิน ก็ถือว่ามีเวลาว่างขอรับ” เว่ยจางน้อมคำนับอาจารย์ใหญ่คงเซียง
“เช่นนั้นก็ดี” อาจารย์คงเซียงเอาถ้วยชาอื่นมา แล้วรินน้ำชาให้เว่ยจางและเหยาเยี่ยนอวี่
ทั้งสองรีบรับถ้วยน้ำชาไว้ จากนั้นเหยาเยี่ยนอวี่แอบมองนักพรตเต๋าที่มีผมและเคราสีขาว แล้วพูดว่า “เพิ่งเข้าประตูวัดก็มีคนบอกว่าพระจารย์รอนานแล้ว ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับข้าหรือ”
“อาตมาไม่ได้มีธุระกับโยม แต่เป็นนักพรตเต๋าท่านนี้ต่างหาก” อาจารย์คงเซียงยกมือแนะนำให้เหยาเยี่ยนอวี่ “ท่านนี้เป็นผู้อาวุโสที่อาตมาเคยบอกโยมตอนให้ตำราไท่ผิงกับโยม นามว่าชิงอวิ๋นจื่อ”
เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยิน รีบวางถ้วยชาในมือลงทันที ลุกขึ้นน้อมคำนับให้ผู้เฒ่าเคราขาวด้วยความเคารพ “เมื่อครู่เยี่ยนอวี่เสียมารยาทแล้ว ท่านได้โปรดอย่าถือสาเลย”
ตำราของผู้เฒ่าคนนี้ ทำให้ตนเองลิ้มลองอะไรใหม่ๆ ถึงแม้ตอนนี้กำลังภายในของตนจะหายไปหมด ทว่าพูดถึงตอนนั้นเขาก็เคยช่วยเหลือตนเอง นึกถึงคำพูดที่เอ่ยเมื่อครู่นี้ เหยาเยี่ยนอวี่ก็รู้สึกผิดจริงๆ
ผู้เฒ่าเคราขาวผายมือ แล้วจับจ้องเหยาเยี่ยนอวี่พลางถาม “ไหนๆ เจ้าก็ได้ตำราเล่มนั้นของข้าแล้ว เหตุใดถึงตั้งใจฝึก แต่ปล่อยให้ตนเองกลายเป็นสภาพเช่นนี้หลังจากรักษาผู้ป่วยได้ ได้ยินว่ายังเป็นเรื่องที่เกิดเมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน เจ้าฝึกวิชาฝังเข็มและรมยาแบบไท่จื่อ ทว่าตอนช่วยชีวิตผู้อื่นกลับต้องสูญเสียพละกำลังนานเช่นนี้? นี่ไม่ค่อยได้การหรือเปล่า”
เหยาเยี่ยนอวี่ตะลึงงันไป ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดี เว่ยจางกลับใช้สายตาเย็นชากวาดมองนักพรตเต๋าผู้นั้น แทบจะกำจัดผู้ที่พูดจาแทงใจดำภรรยาตนเอง
“ข้า…ข้าก็ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้” ผ่านไปสักพัก เหยาเยี่ยนอวี่ก้มหน้าตอบกลับด้วยความละอายใจ
“พวกเรากลับกันเถอะ” เว่ยจางวางถ้วยชาลงบนโต๊ะเล็ก พยุงเหยาเยี่ยนอวี่ลุกขึ้นกำลังเดินจากไป สตรีที่เป็นหัวแก้วหัวแหวนของเขา เหตุใดถึงต้องมาทนฟังคำต่อว่าจากนักพรตเต๋าที่ไม่รู้จักล่ะ เขามีสิทธิ์อะไรมาทำเช่นนี้
“แม่ทัพใหญ่ท่านนี้อารมณ์ร้อนจริงๆ ” ชิงอวิ๋นจื่อพูดเสียงเรียบ แล้วชิมชาด้วยความใจเย็นไปหนึ่งคำ
“นักพรตเต๋าไม่ใช่เชิดชูตัวเองว่าเหนือกว่ามนุษย์ธรรมหรอกหรือ กลับเป็นกังวลเรื่องในใต้หล้านี้ด้วยหรือ” เว่ยจางเชิดหน้าใส่ชิงอวิ๋นจื่อ แล้วจูงมือฮูหยินหันหลังกำลังเดินจากไป ถูกคอกับใครก็คุยไป ข้าแม่ทัพใหญ่ไม่สนใจอยู่แล้ว
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่อยากไป แต่เดิมทีนางก็ไม่ค่อยมีกำลังอยู่แล้ว วันนี้กำลังภายในหมดไป จึงขัดขืนกำลังอันบ้าบิ่นของแม่ทัพเว่ยไม่ได้ ดังนั้นจึงถูกเขาดึงตัวออกไปด้วย
จากนั้นก็หยุดฝีเท้าลงทันที
“เอ๊ะ?” เหยาเยี่ยนอวี่มองเอวของตนเอง ไม่รู้ว่าไปพันกับด้ายสีขาวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูจากเส้นด้ายแล้ว กลับเป็นแส้ขนหางจามรีในมือของนักพรตเต๋าผู้เฒ่านั่น
“จะไปได้อย่างไรกัน วันข้างหน้าเจ้าไม่อยากฝึกวิชาไท่อี่แล้วหรือ” ชิงอวิ๋นจื่อถามเสียงเรียบ
“อยากฝึก” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า
แม่ทัพเว่ยขมวดคิ้วทันที แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ไม่ใช้วิธีไท่อี่แล้วจะรักษาผู้ป่วยไม่ได้หรือ”
“ไม่ใช่วิชาไท่อี่ก็รักษาคนได้เช่นกัน ทว่าวิชาไท่อี่เป็นความรู้เฉพาะ และไม่มีทางสืบทอดต่อได้” ชิงอวิ๋นจื่อมองเหยาเยี่ยนอวี่ แววตานิ่งเฉย “เจ้าจะกลายเป็นคนสุดท้ายที่เคยใช้วิชาไท่อี่รักษาผู้ป่วยในใต้หล้านี้…ไม่สิ เจ้าแค่มีความรู้วิชาไท่อี่เล็กน้อยเท่านั้น”
เหยาเยี่ยนอวี่หันไปมองเว่ยจางด้วยแววตาขอร้องอ้อนวอน เกิดเป็นหมอที่โดดเด่นทั้งสองภพ ไม่มีทางยอมแพ้เพราะอุปสรรคเล็กน้อยแน่นอน อีกอย่างผู้เฒ่าคนนี้อยากจะช่วยตัวเอง โอกาสดีเช่นนี้จะปล่อยไปได้อย่างไร
เว่ยจางจะไม่เข้าใจความในใจของนางได้อย่างไร ดังนั้นถอนหายใจแล้วปล่อยมือ
เหยาเยี่ยนอวี่จับมือเว่ยจางอีกครั้ง หันหลังน้อมคำนับด้วยความเคารพให้ชิงอวิ๋นจื่อ “ท่านได้โปรดสอนข้าที ช่วยข้าที”
“เจ้าลุกขึ้นเถอะ” ชิงอวิ๋นจื่อยกมือเก็บแส้กลับไป แล้วถามขึ้นต่อ “สามปีก่อน พระอาจารย์คงเซียงให้ตำราไท่ผิงกับเจ้า เหตุใดสามปีที่ผ่านมา เจ้ากลับยังฝึกกำลังภายในไว้เลี้ยงตัวเองไม่ได้ล่ะ”
เหยาเยี่ยนอวี่พลันตอบกลับ “ตามคำชี้แนะของอาจารย์คงเซียง ข้าก็เคยฝึกกำลังภายในของลัทธิเต๋าไปหลายอย่าง เพียงแต่ว่าใช้แล้ว กำลังก็อ่อนแอลง แล้วต้องการเวลาค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา ถึงแม้สามปีนี้ไม่เคยเกียจคร้านกับการฝึกฝน ทว่ากำลังภายในยังคงหมดไปตอนรักษาฝ่าบาทเมื่อครั้งที่แล้ว เหตุเพราะข้าฝังเข็มต่อเนื่อง ทำให้สลบหมดสติไปสามวัน ตอนนี้ไม่เหลือกำลังภายในแม้แต่น้อย หลังจากพักฟื้นไปหนึ่งเดือนกว่า ยังคงไม่กลับมาเจ้าค่ะ”
“ฝึกฝนปาต้วนจิ่นนั้นไม่เลว ทว่าคนที่จะฝึกฝนนั้นต้องฝึกตั้งแต่เด็ก มีพื้นฐานที่มั่นคง ก้าวหน้าไปทีละลำดับ หลังจากบรรลุแล้ว ก็ฝึกอีกหลายปี เช่นนั้นร่างกายก็จะมีกำลังภายในมหาศาล ใช้วิธีการฝังเข็มไท่อี่ควบคู่กับกำลังภานในในการรักษาผู้ป่วย ทำให้เกิดผลดีกว่าเดิม และเจ้า…แม้ว่าเจ้ายังไม่ช่ำชองในวิชาไท่อี่มากพอ แต่เจ้ายังไม่สบอารมณ์ เดิมทีรากฐานก็อ่อนแออยู่แล้ว แล้วยังฝึกตอนจิตใจไม่สงบ กำลังภายในใจต้องหุนหันพลันแล่นมากแน่นอน ใช้รักษาผู้ป่วยจนหมดก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก
“เป็นเช่นนี้ ข้าก็เกียจคร้านไปหาลูกศิษย์ใหม่ที่ยังต้องสอนวิชาไท่อี่อีก ไหนๆ เจ้าก็ฝังเข็มไท่อี่เป็น เช่นนั้นข้าสอนวิธีฝึกกำลังภายในให้แล้วกัน เช่นนี้วิชาไท่อี่จะได้มีคนสืบทอดต่อไป ก็ถือว่าทำคุณประโยชน์ให้สังคม” ชิงอวิ๋นจื่อพูดไป ก็ถามเหยาเยี่ยนอวี่ไป “ตอนนี้เจ้าพักอยู่ที่ไหน”
“บ้านนาวัวจวูเจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่พลันแย้มยิ้มรื่นเริง ฟังจากความหมายแล้วผู้เฒ่าคนนี้จะกลับกับตนเองหรือ เดิมทีนางยังนึกว่าจะต้องฝึกวิชากับเขาในวัดเสียที
“บ้านนาอะไร นามน่าแปลกยิ่ง” ชิงอวิ๋นจื่อขมวดคิ้วด้วยความสงสัย