หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 537 ตักเตือน (1)
ตอนที่ 537 ตักเตือน (1)
“แต่ก่อนคือบ้านนาลิ่วหรู” เว่ยจางตอบอย่างไม่เต็มใจ
“อ้อ! พูดตั้งแต่แรกสิ! ที่นั่นไม่ใช่เขตแดนของสัตว์เดรัจฉานตัวนั้นหรอกหรือ” ใบหน้าซูบผอมของชิงอวิ๋นจื่อเคล้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นกำชับเว่ยจางอีกครั้ง “เดี๋ยวก่อน เจ้าก็คือเจ้าสัตว์ป่าน้อยตัวนั้นใช่หรือไม่”
“ไอ้เฒ่า อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าลงไม้ลงมือกับเจ้านะ!” เว่ยจางมองชิงอวิ๋นจื่อด้วยความโมโห เสียงกำหมัดดังขึ้น
“ฮ่าๆ…” จู่ๆ ชิงอวิ๋นจื่อหัวเราะเสียงดัง แล้วกระโดดลงจากตั่งไม้ เดินไปตรงหน้าเว่ยจางพลางกวาดสายตามองเขา สุดท้ายก็ถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม “นี่! ไม่ได้เจอกันยี่สิบปี เหตุใดเจ้าถึงโตเป็นเช่นนี้!”
“เจ้าคือใคร ข้าไม่รู้จัก” เว่ยจางพูดอย่างเย็นชา แล้วละสายตาไปทางอื่น
เหยาเยี่ยนอวี่ถึงจะเข้าใจ ที่แท้สามีของตนเจอคนรู้จักนี่เอง ทว่ายี่สิบปี? ตอนนั้นเว่ยจางอายุสองสามขวบเท่านั้น เหตุใดถึงโตเป็นเช่นนี้ไม่ได้ หรือว่าตอนเด็กเขาคือสัตว์ประหลาดน้อย?
“ไอ้เด็กคนนี้!” ชิงอวิ๋นจื่อใช้แส้เคาะหัวเว่ยจางด้วยรอยยิ้มเบิกบาน เว่ยจางหลบอย่างรวดเร็ว แล้วจับแส้ของเขาไว้ทันที ทั้งยังแอบใช้แรงดึงแส้ เจ้าผู้เฒ่าน่ารังเกียจซูบผมยิ่งนัก ทว่าแรงกลับไม่น้อยเลย ร่างของเขาซวนเซไปมาเท่านั้น ทั้งสองกำลังแย่งแส้กันอยู่
เหยาเยี่ยนอวี่มองสีหน้าที่บูดบึ้งของเว่ยจาง แล้วมองนักพรตเต๋าผู้เฒ่าที่กำลังปริยิ้ม จึงถอนหายใจอย่างจนปัญญา “พอเถอะ! เว่ยจาง ปล่อยมือ”
เว่ยจางถลึงตามองชิงอวิ๋นจื่ออย่างเลือดเย็น จู่ๆ ก็ปล่อยมือ จงใจให้ผู้เฒ่าน่ารังเกียจทรงตัวไม่อยู่ ทว่าชิงอวิ๋นจื่อไม่ได้ติดกับดัก ได้เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว เขากระโดดไปด้านหลังนั่งลงบนตั่งไม้อีกครั้ง แล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลว หากเจ้าฝึกวิชาต่ออีกยี่สิบปี ข้าก็คงไม่ใช่คู่ประลองของเจ้าแล้ว!”
เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินเช่นนี้จึงแปลกใจ ฝึกวิชาต่ออีกยี่สิบปี เขายังจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหรือ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คู่ประลองของสามีตนอยู่แล้ว
“เอาเถอะ! พวกเจ้าจะค้างแรมที่นี่หนึ่งคืนหรือไม่ หรือว่าจะกลับเลย” พระอาจารย์คงเซียงมองทั้งสามด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“ความหมายของพระอาจารย์คือจะส่งแขกแล้วใช่หรือไม่” ชิงอวิ๋นจื่อถลึงตามองพระอาจารย์คงเซียงหนึ่งที
พระอาจารย์คงเซียงยิ้มราวกับพระโพธิสัตว์เฒ่า กลับไม่พูดไม่จา
“ช่างเถอะ พวกเราไปกันเถอะ คิดว่าบ้านนาลิ่วหรูคงไม่ย่ำแย่ไปกว่าวัดโบราณพันปีหรอก” ชิงอวิ๋นจื่อสะบัดแส้ในมือ แล้วลงจากตั่งไม้
“บ้านนาวัวจวู” เว่ยจางเตือนด้วยเสียงเย็นชา
ชิงอวิ๋นจื่อจึงรีบสะบัดแส้ “จุ๊! ไอ้หมอนี่ จงใจขัดข้าใช่หรือไม่ ปู่ของเจ้ายังไม่กล้าไม่เคารพข้ามากเช่นนี้ เจ้ากลับกล้าปากดีกับข้าหรือ
เว่ยจางไม่อยากสนใจเขา จึงกล่าวอำลากับพระอาจารย์คงเซียง แล้วหันหลังดึงมือเหยาเยี่ยนอวี่เดินออกไปด้านนอก
เหยาเยี่ยนอวี่หันไปมองชิงอวิ๋นจื่อ นักพรตเต๋าลูบเคราสีขาวบริสุทธิ์ กะพริบดวงตาสีนิล แล้วยิ้มอย่างมีความสุข จากนั้นกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนต้นกุ้ยสักพัก ถึงจะบินจากไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ
“ยอดเยี่ยมจริงๆ” เหยาเยี่ยนอวี่นับถือในความเก่งกาจ
“แค่วิชาเล็กๆ เท่านั้น” แม่ทัพเว่ยแค่นเสียงไม่พอใจ จูงมือฮูหยินเดินออกจากลานวัด ขี่หลังเฮยเฟิงกลับบ้านนาวัวจวู
จากนั้น ตอนพวกเขาเดินเข้าไปประตูบ้านนา เงยหน้ามองนักพรตเต๋าผู้เฒ่าที่นอนอยู่บนยอดต้นไม้ กำลังเงยหน้าชมจันทร์อย่างมีความสุข
ชิงอวิ๋นจื่อเข้าพักในบ้านนาวัวจวู สำหรับเหยาเยี่ยนอวี่แล้ว นี่เป็นโอกาสที่นางจะได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง แค่สิ่งที่นางแปลกใจคือ ชีวิตหลังจากนี้กลับไม่เหมือนอย่างที่นางคิดไว้เลย
ทีเดิมเหยาเยี่ยนอวี่นึกว่าชิงอวิ๋นจื่อที่เกิดเป็นนักพรตเต๋า คงต้องทำพิธีฝากตัวเป็นศิษย์อลังการ จากนั้นช่วยตัวเองเปิดเส้นลมปราณเริ่นและเส้นลมปราณตู แล้วส่งกำลังภายในอันแข็งแกร่งให้นาง หลังจากนี้ นางเหยาเยี่ยนอวี่ก็จะเป็นยอดฝีมือแล้ว
เพียงแต่ว่า สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง
สิ่งที่ชิงอวิ๋นจื่อทำในทุกวันก็คือพาเหยาเยี่ยนอวี่เดินเข้าไปในป่าลึก หรือพายเรือเล็กๆ ไม่ก็พานางขึ้นไปบนหลังคาตอนกลางดึก
ด้วยสรุปก็คือหาสถานที่เงียบสงบ ให้นางนั่งสมาธิหลับตาจินตนาการให้นางกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ครุ่นคิดให้นางเป็นต้นไม้ เป็นน้ำ ก้อนหิน หรือแม้กระทั่งเป็นกระเบื้องสีนิลบนหลังคา
ตอนแรกเหยาเยี่ยนอวี่ทำได้เพียงนิ่งเงียบ ไม่นานก็เริ่มนั่งไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าให้นางหลับตานึกคิด ดังนั้นชิงอวิ๋นจื่อพานางไปหาสิ่งที่นางชอบ สถานที่ที่นางรู้สึกสบาย ทั้งยังไม่บีบบังคับนาง แค่มีเงื่อนไขให้นางอย่างหนึ่งก็คือต้องสงบจิตใจ
ขอให้นางสงบจิตใจลง เลิกครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่ต้องไปคิดถึงอะไรเลย ให้ใจและกายของตนเองแทรกซึมไปเป็นร่างเดียวกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ สัมผัสพลังของสรรพสิ่งทั้งปวงในใต้หล้านี้
ดังนั้น เหยาเยี่ยนอวี่ที่อยู่ในช่วงฝึกฝนใหม่ทั้งหมด จึงถูกชิงอวิ๋นจื่อนำพาไปทีละก้าว
บ้านนาวัวจวู เหยาเยี่ยนอวี่ติดตามชิงอวิ๋นจื่อทุกวัน ต่อให้แม่ทัพเว่ยจะไม่สบอารมณ์ก็ไม่อาจกีดกันได้ ทำได้เพียงเก็บอารมณ์โมโหทั้งหมดไประบายกับการร่ายดาบ เขาซ้อมดาบอย่างลำบากไปทุกวัน นอกจากซ้อมดาบแล้วยังศึกษาตำรายุทธศาสตร์ โดยสรุปก็คือแม่ทัพอยากถือโอกาสนี้พยายามพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น
เพราะได้รับพระราชโองการให้มาพักฟื้นร่างกาย ดังนั้นคนนอกที่ไม่มีธุระสำคัญล้วนไม่ได้เข้ามาในสวนนาวัวจวู บ้านนาที่ไร้คนรบกวนเงียบสงบดั่งสวรรค์บนดิน ส่วนเมืองหลวงอวิ๋นที่อยู่ไกลสิบกว่าลี้กลับหรูหราอลังการ และเจริญรุ่งเรืองเหมือนเดิม
เรื่องแรก เฉิงอ๋องซื่อจื่อแต่งงานแล้ว จากนั้นจวนเจิ้นกั๋วกงได้บุตรชายเพิ่มมาอีกคน องค์ชายรองจวนเจิ้นกั๋งกงก็แต่งงานแล้ว เกิดเรื่องมงคลติดต่อกันในฤดูที่แสนร้อนระอุเช่นนั้น แต่ละจวนมัวยุ่งกับการไปร่วมดื่มสุรามงคล ส่งของขวัญแสดงความยินดี
เหยาหย่วนจือที่มีฐานะเป็นขุนนางใหญ่ก็ต้องยุ่งวุ่นวายทุกวัน งานในเรือนทั้งหมดก็ปล่อยให้ฮูหยินเป็นคนจัดการ ไม่มีกะจิตกะใจถามแม้แต่คำเดียว ส่วนหวางฮูหยินก็ยิ่งอยู่ยิ่งยุ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าคอยสร้างปัญญาให้ตลอดเวลา ทำให้นางน่าเวทนายิ่งนัก
เหตุเพราะตอนนั้นที่ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าคุยกับเหยาเยี่ยนอวี่ว่าให้นางเขียนจดหมายไปยังกองทัพเรือในเขตตอนใต้ ช่วยขอเงินหนึ่งพันตำลึงของตระกูลซ่งคืน จากนั้นช่วยซ่งเหยียนชิงเลื่อนตำแหน่ง ทว่าคำพูดเช่นนี้ผ่านไปสองสามเดือนก็ไม่เห็นตระกูลซ่งได้รับจดหมายใดๆ ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ใจร้อนได้อย่างไร
ดังนั้นวันนี้ถือโอกาสที่หวางฮูหยินและหนิงฮูหยินมาน้อมคำนับ ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าก็ถาม “ไม่รู้ว่าช่วงนี้สุขภาพร่างกายของเยี่ยนเจี่ยเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง นางไปพักฟื้นร่างกายตามพระราชโองการสองเดือนแล้ว นี่ก็ใกล้ถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ พวกเจ้ายังไม่ส่งคนไปถามหน่อยหรือ”
หวางฮูหยินจึงพูด “ช่วงก่อนคิดว่าจะส่งสมุนไพรบำรุงไปให้นางอยู่ ตอนที่นางไปก็ไม่ได้ป่วยอะไรรุนแรง แค่จะไปพักฟื้นตัวเท่านั้น คิดว่าไม่เป็นอะไรหรอก ฮูหยินผู้เฒ่าวางใจเถอะ”
“ข้าจะกังวลอะไรเล่า วันนี้ข้าเป็นเพียงสวะเท่านั้น ของกินของใช้ล้วนมีพวกเจ้าที่คอยจัดการให้ ต่อให้ข้าเป็นห่วงนาง แล้วจะมีประโยชน์หรือ” ฮูหยินผู้เฒ่าถลึงตามองหวางฮูหยิน น้ำเสียงไม่เป็นมิตรแม้แต่น้อย
หวางฮูหยินและหนิงฮูหยินไม่ยืนขึ้นไม่ได้ หนิงฮูหยินน้อยก้มหน้าลงเงียบๆ หวงฮูหยินไม่พูดไม่จา “คำพูดนี้ของฮูหยินผู้เฒ่า สะใภ้มิบังอาจรับไว้?” ถึงแม้เยี่ยนอวี่ไม่ใช่บุตรีแท้จริง ทว่าก็มีฐานะเป็นบุตรีภรรยาเอก ในความคิดของสะใภ้ ตอนนี้นางก็เหมือนเฟิ่งเกอ ทุกอย่างแค่มีของเฟิ่งเกอก็ต้องมีของนางด้วย ตอนนี้นางพักฟื้นตัวตามพระราชโองการ คนนอกห้ามไปรบกวนนางเด็ดขาด สะใภ้ก็อยากถือโอกาสให้คนส่งของแล้วเยี่ยมเยียน ทว่ารู้สึกว่ายังเกิดขึ้นบ่อยเกินไปเลย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน เป็นผลเสียต่อช่วงเวลาที่นางพักฟื้นร่างกาย แล้วยังส่งผลกระทบต่อนายท่านอีกด้วย”