หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 538 ตักเตือน (2)
ตอนที่ 538 ตักเตือน (2)
“ผู้ที่เป็นมารดาไปเยี่ยมเยียนบุตรี จะผิดกฎระเบียบของฝ่าบาทเลยหรือ” ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าแค่นเสียงเย็นชา รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
หวางฮูหยินทำได้เพียงอดทน แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ทว่าเยี่ยนอวี่เป็นหมอหลวงที่ฝ่าบาททรงเรียกใช้โดยเฉพาะ ร่างกายของนางไม่ได้พักฟื้นดีๆ พระเนตรของฝ่าบาทก็ไม่อาจรักษาให้หายดี เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทั้งแคว้น ไม่ใช่เรื่องของมารดาและบุตรีเท่านั้น ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นผู้ที่รู้จักความเที่ยงธรรม วันนี้เป็นอะไรไป หากไม่พอใจในสะใภ้ก็ว่ามาตรงๆ เหตุไหนถึงต้องดึงเหยาเยี่ยนอวี่มาเกี่ยวข้องด้วย”
“ดูสิๆ! นี่เป็นกฎระเบียบของตระกูลใดกัน แม่สามีพูดแค่ประโยคเดียว บุตรสะใภ้กลับพูดไปสิบยี่สิบประโยค!” ซ่งฮูหยินผู้เฒ่ายกมือวางถ้วยชาไว้บนโต๊ะอย่างแรง แล้วสบถเสียงสูง “ทีแรกข้าก็แก่จนสมองเลอะเลือน ทำอะไรมักจะไม่ดูตาม้าตาเรือ! ไหนๆ เป็นเช่นนี้ สั่งให้คนเตรียมรถม้าและเรือเถอะ แม่เฒ่าอย่างข้ารีบกลับบ้านเกิดไปเสียดีกว่า จะได้ไม่ต้องคอยสร้างปัญหาให้แคว้น และขัดขวางอนาคตที่งดงามของพวกเจ้า!”
คำพูดเช่นนี้กล่าวออกมา หวางฮูหยินก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี
หนิงฮูหยินน้อยพลันยิ้มเกลี้ยมกล่อม “ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นห่วงน้องรอง ถึงได้รู้สึกกระวนกระวายใจเช่นนี้ อันที่จริงภายในใจของฮูหยินก็กระวนกระวายเช่นเดียวกัน เพียงแต่มีพระราชโองการของฝ่าบาทดำรงอยู่ ก็ไม่ควรทำผิดกฎ หากฮูหยินผู้เฒ่าเป็นห่วงจริงๆ เช่นนั้นให้หลานสะใภ้ไปแอบดูน้องรองดีหรือไม่ ฮูหยินผู้เฒ่ามีอะไรอยากพูด หลานสะใภ้จะเอ่ยตามความจริง ดีหรือไม่”
สีหน้าของซ่งฮูหยินน้อยถึงจะกลับมาดีขึ้น แต่ก็ส่ายหัวอีกครั้ง “ในเรือนมีเรื่องต้องสะสางมากมาย เจ้าต้องยุ่งเข้ายุ่งออก เรื่องนี้ก็อย่าสนใจเถอะ ให้ยัยหนูสามไป พร้อมกับสั่งผัวจื่อสองคนติดตามไปด้วยก็พอ นางเป็นหญิงสาวออกไปนอกเรือนก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หากมีคนถามถึง ก็แค่บอกว่าไปส่งของให้พี่สาวก็พอ”
หนิงฮูหยินน้อยยิ่งไม่ไว้วางใจเหยาเชวี่ยหวา จึงเปรยอย่างประหม่า “แหม ช่วงนี้น้องสามไม่ใช่ว่าไม่สบายหรือ แล้วจะให้นางลำบากได้อย่างไร”
“นางไม่ใช่ว่าสบายดีหรือ เดิมทีก็ไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายอะไร ทว่าเหตุเพราะอุดอู้อยู่ในเรือนนานๆ ไป ถือโอกาสให้นางได้ออกไปเดินเล่น” ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าไม่แยแสสักนิด
หนิงฮูหยินจนหนทาง แค่มองสีหน้าของหวางฮูหยิน
หวางฮูหยินรู้ว่าหากเวลานี้ยังไม่ทำตามฮูหยินผู้เฒ่า เกรงว่านางคงพลิกโต๊ะแล้ว ดังนั้นจึงตอบกลับ “เช่นนั้นสั่งให้คนเตรียมตัวหน่อยเถอะ ช่วงก่อนข้าเพิ่งจะสั่งให้คนตัดเสื้อให้เยี่ยนอวี่สองชุด เวลานี้ บ้านนาคงอากาศเย็นๆ ทุกเช้าค่ำ ครั้งนี้สั่งให้ยัยหนูสามไปให้นางเถอะ”
“เช่นนั้นก็ตามนี้ ข้าก็เหนื่อยแล้ว พวกเจ้าไปยุ่งเถอะ” ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าบรรจุเป้าหมาย ก็รีบไล่คนออก
หวางฮูหยินละหนิงฮูหยินน้อยน้อมคำนับกล่าวอำลา สะใภ้และแม่สามีสบตากันอย่างจนปัญญา ต่างฝ่ายต่างถอนหายใจ แล้วพาเหล่าสาวใช้ผัวจื่อกลับเรือนหวางฮูหยิน
หลังเข้าเรือน หนิงฮูหยินน้อยก็สั่งให้คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกไป แล้วถามเสียงต่ำ “ฮูหยินคิดว่าจะให้ใครไปเป็นเพื่อนน้องสามดี”
หวางฮูหยินขบคิด แล้วเปรย “ให้เหยาซื่อสี่ไปกับนางเถอะ นางเป็นคนระมัดระวังในวาจาและการกระทำอยู่แล้ว”
หนิงฮูหยินน้อยครุ่นคิด รู้สึกแค่เหยาซื่อสี่ก็คงจะรับมือเหยาเชวี่ยหวาไม่ไหว จึงพูด “ให้เสวี่ยเหลียนตามไปอีกคนเถอะ น้องรองโปรดปรานนางตลอดมา อีกอย่างนางก็รู้จักวางตัวอย่างเหมาะสมอีกด้วย”
“เอ๊ะ!” หวางฮูหยินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วยกมือนวดขมับพร้อมพูดว่า “พวกบ่าวชายและทหารรักษาการณ์ที่ติดตามก็ต้องสุขุมเยือกเย็น! มีตระกูลชั้นสูงอยู่ทุกที่ของเมืองหลวงอวิ๋น หากบังเอิญเจอท่านไหนกลางถนน จะได้ไม่ต้องสร้างปัญหาอีก”
“เช่นนั้นก็มีเพียงเหยาจื้อจงแล้ว” หนิงฮูหยินน้อยจึงให้พ่อบ้านที่สุขุมเยือกเย็นในจวนไป
“เรื่องที่เหลือเจ้าก็ดูเถอะว่าจะจัดการอย่างไร ข้าเหนื่อยแล้วจริงๆ เจ้าออกไปก่อนเถอะ” หวางฮูหยินจับหน้าผากด้วยความเหนื่อยล้า ผายมือให้หนิงฮูหยินน้อย
หนิงฮูหยินน้อยทำได้เพียงลุกขึ้น น้อมคำนับพลางเกลี้ยกล่อม “ฮูหยินก็อย่าคิดมากเลย นิสัยของฮูหยินผู้เฒ่าก็เป็นเช่นนี้แหละ ฮูหยินคอยรับผิดชอบงานในเรือน ก็ต้องดูแลสุขภาพให้ดี”
“อืม ข้าไม่เช่นไร เจ้าไปเถอะ” หวางฮูหยินพยักหน้า
หนิงฮูหยินน้อยถอยออกไป
เหยาเชวี่ยหวาได้ยินว่าตัวเองออกนอกเมืองไปหาเหยาเยี่ยนอวี่ได้ จึงดีใจอย่างมาก
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่นางติดตามฮูหยินผู้เฒ่าไปจุดธูปขอพรที่วัดต้าเปยจนถึงตอนนี้ก็หลายเดือนแล้วที่ไม่ได้ออกจากเรือน ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะเชิญคุณหนูของอนุภรรยาสองคนในตระกูลเฟิงมาลิ้มรสชาและเล่นกู่ฉินในจวน กลับถูกหวางฮูหยินปฏิเสธ เพราะว่างานเรือนยุ่งเกินไป
ภายหลังคุณหนูตระกูลเฟิงส่งเทียบเชิญมาให้เหยาเชวี่ยหวาร่วมงานร้องบทกวี แค่เทียบเชิญถึงมือหนิงฮูหยินน้อยก็ถูกปฏิเสธกลับแล้ว ฐานะของคุณหนูสามไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธกลับโดยตรง
ตอนนี้ คิดๆ ดูนางถูกขังอยู่ในเรือนไปหลายเดือนแล้ว อีกอย่างความสัมพันธ์ของนางกับคุณหนูจากจวนต่างๆ ในเมืองหลวงอวิ๋นก็หายไปหมดแล้ว ใช้ชีวิตให้อยู่รอดโดยพึ่งพาการเฝ้าคะนึงถึงคุณชายเฟิงเซ่าเชินตลอดเวลา
จู่ๆ ได้ยินว่านางจะได้ออกนอกเมืองไปเยี่ยมเหยาเยี่ยนอวี่ที่บ้านนา ถึงแม้ภายในใจแอบอิจฉาตาร้อน ทว่าก็มีความสุขมาก อย่างไรก็เป็นครั้งแรกที่นางได้ออกมาด้านนอก! ดังนั้นคุณหนูสามเหยาได้ยินว่าสกุลเถียนส่งจดหมายมาแล้ว จึงรีบโยนงานปักถุงบุหงาในมือทิ้ง แล้วรีบไปเลียแข้งเลียขาฮูหยินผู้เฒ่า
หนิงฮูหยินน้อยใช้เวลาสองวันในการสะสางงานจนเสร็จ แล้วยังส่งเหยาเชวี่ยหวาขึ้นรถม้าด้วยตัวเอง ทั้งยังมองเหยาซื่อสี่และเสวี่ยเหลียนด้วยแววตาลุ่มลึก ทั้งสองรีบพยักหน้าให้หนิงฮูหยินน้อย พวกนางได้ยินคำกำชับของฮูหยินน้อยรองแล้วว่าต้อง ‘ดูแล’ คุณหนูสามเป็นอย่างดี
กำชับให้ต้องดูแลคุณหนูสามเป็นอย่างดี เวลานี้นางมองผ่านช่องว่างของม่านรถม้าไปด้านนอก ลมพัดโชยเล็กน้อย เหยาเชวี่ยหวาหลับตาลงแล้วสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ หายใจออกเบาๆ ภายในใจกำลังครุ่นคิดคำพูดที่ฮูหยินผู้เฒ่ากำชับมา
ต้องบอกเรื่องของญาติผู้พี่ตระกูลซ่งกับพี่รองของเจ้า ถามว่ามีอะไรไม่ราบรื่นหรือไม่ เหตุใดที่นี่ยังไม่ได้จดหมายแม้แต่ฉบับเดียว หากเจ้าทำเรื่องนี้สำเร็จ วันข้างหน้าข้าจะยิ่งเอ็นดูเจ้ากว่าเดิม
นึกถึงคำพูดเหล่านี้ เหยาเชวี่ยหวาก็ยกยิ้มเย็นชาตรงมุมปากขึ้น
ซ่งเหยียนชิง…นั่นเป็นฝันร้ายของนาง ไอ้หมอนั่นเกือบทำให้ตนเสียบริสุทธิ์! เหตุใดนางต้องไม่ถูกคอกับเหยาเยี่ยนอวี่เพื่อคนเช่นนี้ด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าคิดง่ายเกินไปหรือเปล่า
ตอนรถม้าเดินบนถนนในเมืองหลวงอวิ๋น เหยาเชวี่ยหวาก็ครุ่นคิดว่าวันนี้คุณชายเฟิงจะออกมาด้านนอกหรือไม่ หากได้เจอบนถนนก็คงดี ต่อให้ได้มองเพียงชั่วพริบตาก็ได้ แต่สวรรค์เหมือนไม่ฟังคำภาวนาของคุณหนูสาม เดินทางถึงนอกเมืองหลวงก็ยังไม่ได้เจอแม้แต่ขนเส้นเดียวของตระกูลเฟิง ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงคุณชายเฟิง
ทว่าหลังจากออกเมืองหลวงก็มีคนกลุ่มหนึ่งเร่งม้าผ่านไป เหยาเชวี่ยหวามองไปด้านนอกหน้าต่าง ก็เห็นคนพวกนั้นสวมชุดขี่ม้าสีเขียวเข้ม ผู้ที่อยู่ด้านหน้าสุดมีร่างทั้งสูงทั้งผอม แค่เห็นหน้าข้างก็ไม่รู้ว่าเป็นใครหรอก เหยาเชวี่ยหวาไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าท่านนี้คือรองแม่ทัพเก๋อไห่ที่ถูกแม่ทัพเว่ยบัญชาให้ไปเฝ้าสำนักแพทย์
คนพวกนั้นเร่งม้าแทรงรถม้าไปหลายสิบก้าว จู่ๆ ก็หยุดลง ผู้ที่อยู่ด้านหน้าดึงบังเหียนม้าให้เลี้ยวกลับไป แล้งมองรถม้าสองคันที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างไม่เร็วไม่ช้า