หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 540 ตักเตือน (4)
ตอนที่ 540 ตักเตือน (4)
สำหรับชิงอวิ๋นจื่อพาเหยาเยี่ยนอวี่ไปฝึกวิชากำลังภายใน เซียงหรูไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว นางคิดว่านี่เป็นความลับในความลับ หากคนนอกรู้ว่าฮูหยินตนเองอยู่กับนักพรตเต๋าผู้เฒ่าทุกวัน ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเสียๆ หายๆ หรือเปล่า เพื่อชื่อเสียงอันดีงามของฮูหยิน เซียงหรูรู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด
ดังนั้นว่าไปแล้ว เหยาเชวี่ยหวารู้สึกเริ่มไม่สบอารมณ์ สาวใช้พวกนี้มีพิรุธ พูดจาอ้อมค้อมกับตนเองอยู่นั่นแหละ! ยังเห็นตนเป็นคนนอก ไม่พูดความจริงแม้แต่คำเดียว
เซียงหรูก็ไม่พอใจในเหยาเชวี่ยหวาอยู่เหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นน้องสาวของฮูหยิน ทว่าก็ไม่ควรถามละเอียดเช่นนี้ อย่างไรเจ้าก็เป็นแขกหรือเปล่า มีแขกที่ไหนเป็นเช่นนี้บ้าง อีกอย่าง เดิมทีฮูหยินก็ไม่ค่อยชอบนางอยู่แล้ว นางยังเห็นว่าตัวเองเป็นอี๋เหนียงหรือไร
ทว่าคนอื่นมาจากที่ไกล ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ว่าไปแล้วก็เป็นคนในต้นตระกูลฮูหยิน ก็ควรเชิญนางอยู่กินข้าวด้วยกัน ทันใดนั้นเซียงหรูก็กล่าวอย่างรู้สึกผิด “บ่าวจะไปดูโรงครัวเสียหน่อยว่าเตรียมอาหารของคุณหนูสามไปถึงไหนแล้ว คุณหนูสามได้โปรดนั่งรอสักครู่”
เหยาเชวี่ยหวาก็รู้สึกเบื่อหน่ายที่ได้อยู่แต่ในเรือน จึงพูดยิ้มๆ “เจ้าไปยุ่งก่อนเถอะ ตอนข้ามารู้สึกว่าทิวทัศน์บ้านนานี้ไม่เลว เจ้าสั่งให้คนมานำทางข้าเถอะ ข้าจะเยี่ยมชมหน่อย”
ภายในใจของเซียงหรูไม่ค่อยยินดีนัก ทว่ากลับไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร จึงมองปั้นซย่าที่อยู่ด้านข้าง ปั้นซย่าเดินหน้าพูดยิ้มๆ “บ่าวจะเป็นคนนำทางคุณหนูเองเจ้าค่ะ คุณหนูจะไปไหนเจ้าคะ”
เหยาเชวี่ยหวาลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม เดินออกประตูพลางถามไปด้วย “เดินไปเรื่อยเท่านั้น ข้ากลัวว่าจะหลงทางจนหาเรือนนี้ไม่เจอ”
ปั้นซย่าคิดในใจว่าจะเดินเล่นไปเรื่อยได้อย่างไร ถึงแม้บ้านนานี้จะมีแต่บ่าวไพร่อาศัยอยู่ ทว่าคุณหนูสามผู้นี้อยากจะไปไหนก็ไปได้หรือเปล่า ดังนั้นตอนที่เหยาเชวี่ยเดินนอกบ้านนาไป ก็พูดไปด้วย “บ่าวพาคุณหนูไปดูด้านหลัง ทางนั้นมีดงไผ่ขนาดใหญ่ ด้านในร่มรื่นมาก ดอกไม้ป่าก็เยอะมากด้วย”
เหยาเชี่ยหวาไม่มีความเห็นใด ดังนั้นเดินตามปั้นซย่าไป เหยาซื่อสี่และเสวี่ยเหลียนติดตามไปอย่างใกล้ชิด กลัวว่าคุณหนูสามเป็นหาเรื่อง
พวกนางเดินไปด้วยพูดคุยเล่นไปด้วย ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอ่ยถึงชุ่ยเวยและชุ่ยผิงก่อน เหยาซื่อสี่พูดขึ้นยิ้มๆ “แม่นางทั้งสองคนนั้นสุดยอดจริงๆ ได้ข่าวว่าช่วงก่อนเพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งมิใช่หรือ วันนี้กลับกลายเป็นหมอหญิงขั้นหกแล้ว”
ปั้นซย่าพูดยิ้มๆ “คุณหนูรองติดตามฮูหยินหลายปี ได้รับการสั่งสอนที่ดีมาจากฮูหยิน ตอนนี้ฝีมือการแพทย์ไม่เลวจริงๆ ได้เป็นถึงหมอหญิงขั้นหกแล้ว”
เหยาเชวี่ยหวาได้ยินคนด้านข้างชมชุ่ยเวยและชุ่ยผิง ภายในใจอดอิจฉาริษยาไม่ได้ คนรอบข้างนอกจากเหยาซื่อสี่ บ่าวที่มีบรรพบุรุษเป็นข้ารับใช้ของตระกูลเหยาแล้ว คนอื่นล้วนเป็นบ่าวที่ซื้อมาเพียงสองสามตำลึงหรือเปล่า
เหยาซื่อสี่กระแอมไปสองที แล้วพูดขึ้นๆ “แต่ละสาวใช้ก็ไม่เหมือนกัน ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงติดตามคุณหนูรองจนเจออะไรมาเยอะ ต้องเก่งกว่าพวกเราอยู่แล้ว”
“เจ้ากล่าวถูก” ปั้นซย่ามองเหยาเชวี่ยหวาด้วยแววตาที่ไม่ได้ถือว่าเย็นชาและเป็นมิตร ทว่าสีหน้าดูไม่พอใจอย่างมาก
“ต่อให้วันนี้นางจะโดดเด่นแค่ไหน ก็ไม่ควรลืมรากเหง้าของตัวเอง” เหยาเชวี่ยหวาถูกสายตาของปั้นซย่าจับจ้องจนรู้สึกไม่สบอารมณ์
“หยุดเดี๋ยวนี้” ด้านหลังมีเสียงตะโกนเย็นชาดังขึ้น ทำให้พวกนางที่ยืนด้านหน้าสะดุ้งตกใจ ตอนที่รีบหันไปมอง กลับเห็นเก๋อไห่ปั้นหน้าเย็นชาเดินมาจากตรงมุม
“น้อมคำนับคุณชายสี่เจ้าค่ะ” ปั้นซย่ารีบลุกขึ้น
“ลุกขึ้นเถอะ” เก๋อไห่พูดกับปั้นซย่า ดวงตากลับจับจ้องเหยาเชวี่ยหวาด้วยความเย็นชา แล้วเดินด้านมาทีละก้าว
เดิมทีดวงตาของเขาก็ดุจดวงตาเหยี่ยวอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งโกรธในใจ สายตาก็ยิ่งไม่เป็นมิตร เหยาเชวี่ยหวารู้สึกว่ามีงูพิษกำลังจ้องมองตนอยู่ จึงตกใจจนหลบไปด้านหลังของเหยาซื่อสี่
“เมื่อครู่เจ้าว่าอะไร” เก๋อไห่เดินไปตรงหน้าเหยาซื่อสี่ จับจ้องเหยาเชวี่ยหวาที่อยู่ด้านหลังนาง พร้อมถามด้วยความเย็นชา
“ข้า…ข้าพูดอะไรไป” เหยาเชวี่ยหวาพยายามควบคุมอารมณ์หวาดกลัวของตน กลับแม้กระทั่งพูดอย่างไม่ไหลลื่น
“เมื่อครู่เจ้าว่าชุ่ยเวยอะไร” เก๋อไห่กวาดสายตามองหน้าเหยาซื่อสี่ แล้วตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าถอยไป”
เหยาซื่อสี่ก็สะดุ้งตกใจจนหน้าซีดเซียว ถึงแม้นางไม่โปรดปรานคุณหนูสามมากนัก ทว่าอย่างไรก็เป็นนายหญิง อีกอย่างขืนคุณหนูเกิดเป็นอะไรขึ้นมา กลับไปฮูหยินคงคิดบัญชีนี้กับตนเองหรือเปล่า ดังนั้นนางยิ้มอย่างขมขื่น “คุณ…คุณชายสี่ คุณหนูสามของพวกบ่าว…ไม่ได้พูดอะไรนี่ ชุ่ยเวย นาง…เป็นอะไรไปหรือ”
“ไสหัวไป!” เก๋อไห่หมดความอดทน จึงกระชากเหยาซื่อสี่ไปด้านข้าง ในสายตาของคุณชายสี่ ไม่เคยแบ่งแยกระหว่างชายหญิง ใครหน้าไหนที่ไม่ถูกคอกับเขา ไม่ว่าจะเป็นใครก็จะจัดการให้หมด
แน่นอนว่ายกเว้นชุ่ยเวย
เหยาซื่อสี่ถูกกระชากไปด้านข้างจนเกือบจะล้มหงายหลัง ดีที่เสวี่ยเหลียนพยุงนางไว้ทัน
เวลานี้เหยาเชวี่ยหวากลับถูกเก๋อไห่บีบบังคับให้ถอยไปชนกำแพงดินแล้ว
“คุณชายสี่ นี่เป็นน้องสาวของฮูหยินนะเจ้าคะ” ปั้นซย่าพลันเดินหน้าไปเตือน ภายในใจกำลังคิดหากฮูหยินรู้เรื่องนี้เข้าคงแย่น่าดู จึงรีบเตือนสติรองแม่ทัพเก๋อ
“ข้ารู้” เก๋อไห่ยิ้มอย่างไม่สนใจ “หากไม่ใช่เพราะว่านางเป็นน้องสาวฮูหยิน เจ้าคิดว่านางจะยังมีชีวิตรอดไปได้หรือ”
คำพูดนี้แม้จะแผ่วเบา แม้กระทั่งไม่มีอารมณ์โมโหแม้แต่น้อย กลับทำให้พวกนางตกใจจนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เหยาเชวี่ยหวาถูกบีบบังคับจนมุม กลับรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ แล้วกัดฟันกรอด “เจ้ามีสิทธิ์อะไร!”
“มีสิทธิ์อะไร? สิทธิ์ที่ข้าเป็นเก๋อไห่อย่างไร” เก๋อไห่ยิ้มร้ายกาจ นิ้วมือแตะปลายจมูกของเหยาเชวี่ยหวา “จำไว้ให้ดี ตอนนี้ชุ่ยเวยเป็นหมอหญิงขั้นหกของสำนักแพทย์แล้ว ฐานะของนางสูงส่งกว่าเจ้าหลายเท่า ขืนเจ้ายังให้ข้าได้ยินว่าใครหน้าไหนนินทาลับหลังนาง ข้าจะตัดลิ้น ไม่ให้นางพูดได้ตลอดไป”
“เจ้ากล้าหรือ!” ถึงแม้เหยาเชวี่ยหวากลัวแทบตาย น้ำตาไหลรินลงมา ทว่ายังคงสวนกลับอย่างดื้อดึง
“ข้าไม่กล้า?” เก๋อไห่ยยิ้มเย้ยหยัน นิ้วมือเอามีดเล็กออกมาจากไหนไม่รู้ มีดเล่มนี้เล็กกว่าดาบสั้น คล้ายมีดผ่าตัดของเหยาเยี่ยนอวี่ ทว่ากลับใหญ่กว่าหนึ่งเท่า
ตั้งแต่เขาเห็นชุ่ยเวยใช้มืดผ่าตัดสอนเหล่าหมอหญิง ก็ยิ่งชอบมีดประเภทนี้ เพราะรู้สึกว่าตนเองใช้มีดเล็กขนาดนี้อาจทำให้ความน่าเกรงขามหายไป จึงสั่งทำมีดที่ใหญ่กว่า ภายหลังถังเซียวอี้เห็น ยังบอกว่าเป็นมีดเล่มดีที่มีไว้จัดการกับศัตรู