หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 542 รวมญาติเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ (1)
ตอนที่ 542 รวมญาติเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ (1)
หวางฮูหยินมองเหยาเชวี่ยหวาน้ำตาท่วมตัว จึงตอบกลับด้วยเสียงเรียบ “เรื่องนี้ท่านพี่รู้แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าใจเย็นก่อนเถอะเจ้าค่ะ ท้ายที่สุดเรื่องนี้จะจัดการเช่นไร ให้ท่านพี่เป็นผู้ตัดสินดีหรือไม่”
ซ่งฮูหยินผู้เฒ่ายังไม่ยอมฟัง ชี้หน้าด่าหวางฮูหยินไปหนึ่งยก แล้วสั่งให้เหยาหย่วนจือมาอธิบายให้ฟังด้วยตัวเอง
ตกตึก เหยาหย่วนจือกลับจากด้านนอกก็ถูกเชิญไปเข้าพบฮูหยินผู้เฒ่า
เวลานี้เหยาเชวี่ยหวาไม่อยู่ หวางฮูหยินก็ไม่อยู่ ในเรือนมีเพียงสาวใช้สองสามคน หลังจากยกชาวางบนโต๊ะก็ถอยออกไปด้านนอกให้หมด เหยาหย่วนจือลิ้มรสชาไปพลางถามฮูหยินผู้เฒ่าไป “ได้ยินว่าวันนี้ท่านแม่โกรธเพราะเรื่องของยัยหนูสาม แม้กระทั่งมื้อเย็นก็ยังไม่กินหรือ”
ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าทำเสียงฮึดฮัด แล้วพูด “วันนี้ยิ่งอยู่เจ้าก็ยิ่งอยู่เป็นแล้ว! บุตรีตนเองโดนคนอื่นรังแก เจ้าไม่เพียงไม่ปกป้อง กลับยังพูดจาแทนคนอื่น! มีเหตุผลเช่นนี้ด้วยหรือ!”
เหยาหย่วนจือยกยิ้ม ไม่พูดต่อคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า แค่พูดเองเออเอง “ยัยหนูสามเติบโตเป็นสาวก็ควรรู้จักกาลเทศะ ท่านแม่เอาอกเอาใจนางเช่นนั้น นางยังทำให้ท่านแม่โกรธอีก ช่างอกตัญญูยิ่งนัก ลูกได้สั่งให้สะใภ้ไปสั่งสอนนางแล้ว ท่านแม่อย่าได้โกรธเคือง”
“เจ้าฟังคำพูดของข้าอยู่หรือไม่!” ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าถลึงตาจ้องบุตรชาย
“ช่วงก่อนหมอหลวงจับชีพจรให้ฮูหยินผู้เฒ่า ยังบอกว่าอากาศร้อนเกินไป ไฟตับกำเริบลุกโชน ท่านแม่ต้องดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี ลูกบอกกับสะใภ้ว่าให้โรงครัวตุ๋นข้าวต้มเก๋ากี้เก๊กฮวยทุกวัน ท่านแม่อย่าลืมกินให้ตรงเวลาด้วยล่ะ แค่สุขภาพร่างกายท่านแม่แข็งแรง ลูกก็อุ่นใจแล้ว ท่านแม่ดูตระกูลของพวกเราที่มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมืองสิ ไม่ใช่ว่ามีความสุขอยู่แล้วหรือ เหตุใดถึงต้องเก็บเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาคิดด้วย ไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่น้อย”
“เจ้าฟังคำพูดของข้าอยู่หรือไม่! เจ้าหูหนวกหรือ!” ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าตบโต๊ะแรงๆ หนึ่งที
เหยาหย่วนจือหันไปสั่งสาวใช้ตรงประตู “ใครก็ได้เข้ามายกโต๊ะตัวนี้ออกไปที! บังอาจทำให้มือของฮูหยินผู้เฒ่าเจ็บ ควรยกไปเผาทิ้งให้สิ้นซาก”
เหล่าสาวใช้ตอบกลับทันที แล้วยกโต๊ะออกไปอย่างที่คาดจริงๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งมองบุตรชายที่เลี้ยงมาจนโต ผ่านไปสักพักก็ไม่พูดไม่จา
เหยาหย่วนจือเกลี้ยกล่อมด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ก็อายุมากแล้ว สิ่งที่ขวางหูขวางตาท่านก็แค่บอกพวกสาวใช้โดยตรง ให้พวกนางเอาไปทิ้ง เอาไปให้คนอื่นหรือเอาไปตัดเป็นฟืนก็ได้ สิ่งที่สำคัญคือต้องรักษาสุขภาพร่างกายให้ดี ต่อให้ของพวกนี้จะล้ำค่าเพียงใด ในสายตาของลูกก็ไม่สำคัญอะไรเลย สุขภาพร่างกายของท่านแม่สำคัญที่สุด”
“เจ้าออกไป! ออกไปประเดี๋ยวนี้!” ซ่งฮูหยินผู้เฒ่าไม่รู้ว่าพูดอะไรดี เหตุใดนางถึงเลี้ยงบุตรชายเช่นนี้ออกมาได้!
เหยาหย่วนจือยืนขึ้นด้วยรอยยิ้มเบิกบาน แล้วโค้งลำตัวให้นางจนต่ำ “ท่านแม่พักผ่อนดีๆ เถอะ ลูกขออำลา” กล่าวจบหันไปสั่งเหล่าสาวใช้ “ทิ้งของที่ขวางหูขวางตาฮูหยินผู้เฒ่าให้หมด หากข้ารู้ว่าพวกเจ้ายังไม่ทิ้งจนของเหล่านั้นทำลายสุขภาพของฮูหยินผู้เฒ่า คอยดูไว้เลยว่าข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร!”
“เจ้าค่ะ” พวกสาวใช้ตอบกลับอย่างพร้อมเพรียง “บ่าวจดจำไว้แล้ว”
เหยาเชวี่ยหวาฟ้องเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จนจบก็กลับเรือนด้วยความขุ่นเคืองใจ สกุลเถียนได้ยินว่านางโดนรังแก ยังอุตส่าห์มาปลอบโยนนางถึงที่ กำลังบอกว่านายท่านจะลงโทษเจ้าหมอนั่นอย่างไรบ้าง หากยังไม่สาแก่ใจ ก็ให้นายท่านเขียนสาสน์กราบทูลให้ปลดตำแหน่งเขาทีเดียว แม้กระทั่งยังสาปแช่งด้วยคำพูดหยาบคาบ บังเอิญหวางฮูหยินก็มาได้ยินเข้า
เจ้าออกไปก่อน!” หวางฮูหยินมองสกุลเถียนเพียงคราเดียว ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกน่ารังเกียจ ตนเองตาบอดจริงๆ เหตุใดถึงเลือกแม่นางเช่นนี้มาเป็นเมียบ่าวของนายท่าน ถ้ารู้แต่เนิ่นๆ ต่อให้หาเมียบ่าว ก็ควรเลือกสตรีที่มีชาติตระกูลดีหน่อย
สกุลเถียนไม่กล้ามากความ ก้มหน้ารับคำ หันหลังเดินออกไป ตอนเดินไปถึงประตูก็ยังหันกลับไปมองอย่างไม่ไว้วางใจ ส่งสายตาให้เหยาเชวี่ยหวารับมือกับหวางฮูหยินดีๆ แต่น่าเสียดายที่เหยาเชวี่ยหวาก้มหน้าไม่มองนางเลย
หวางฮูหยินมองสาวใช้คนสนิทของเหยาเชวี่ยหวา ซิ่นเอ๋อร์รีบน้อมคำนับแล้วออกไปทันที
“ได้ยินว่าวันนี้เจ้าทำตัวน่าเกรงขาม ไปเป็นนายหญิงในบ้านนาของพี่รองเจ้า?” หวางฮูหยินพูดเสียงเรียบ เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้านใน
เหยาเชวี่ยหวารีบยกถ้วยชาให้หวางฮูหยิน แล้วพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ลูกไม่บังอาจ ทีแรกข้าก็แค่พูดคุยเล่นกับเหล่าสาวใช้ไปสองสามประโยคเท่านั้น แต่รองแม่ทัพเก๋อกลับชักมีดออกมาข่มขู่ลูก…”
หวางฮูหยินยิ้มเย็นชา แล้วพูดว่า “พูดคุยเล่นสองสามประโยคกระนั้นหรือ เจ้านึกว่าเจ้าพูดอะไรไปข้าไม่รู้หรือ เจ้ายังไม่ทันกลับมา จดหมายของแม่ทัพเว่ยและรองแม่ทัพเก๋อมาถึงมือของนายท่านแล้ว! เจ้าทำให้นายท่านมีหน้ามีตายิ่งนัก!”
เหยาเชวี่ยหวาตะลึงงันทันที แม้กระทั่งร้องไห้ก็ยังร้องไม่ออก นางนึกไม่ถึงว่าไอ้สารเลวนั่นจะมาฟ้องก่อน ยิ่งนึกไม่ถึงว่าเว่ยจางกลับเข้าข้างเขา ที่นึกไม่ถึงที่สุดคือบิดากลับเชื่อพวกเขา!
“ฮูหยิน ไม่ใช่เช่นนั้น ลูก…” เหยาเชวี่ยหวาออกจากภวังค์ภายใต้สายตาที่เยือกเย็นของหวางฮูหยิน แล้วรีบอธิบายขึ้น
“เจ้าไม่ต้องพูดหรอก” หวางฮูหยินผายมือ แล้วพูดขึ้น “ข้าเองที่สั่งสอนเจ้าไม่ดีตั้งแต่เด็ก นายท่านโทษข้า ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะพูด นิสัยเช่นนี้ของเจ้า อนาคตออกเรือนไปก็คงจะเสียชื่อตระกูลเหยา ถึงเวลานั้นแม้กระทั่งบิดาและเหล่าพี่ๆ ของเจ้า ทั้งครอบครัวอาจจะเจอกับหายนะ ดังนั้นถือโอกาสตอนนี้ที่ยังทันเวลา ต้องดัดนิสัยของเจ้าเสียหน่อย”
“ฮูหยิน?!” เหยาเชวี่ยหวาไม่รู้คำว่า ‘ดัดนิสัย’ มันหมายความอะไร ทว่านางกลับมีลางสังหรณ์ไม่ดีเลย
“ใครก็ได้” หวางฮูหยินสั่งการ ผัวจื่อสองคนจึงเข้ามาด้านใน “ฮูหยินได้โปรดสั่งการเจ้าค่ะ”
หวางฮูหยินมองไปที่เหยาเชวี่ยหวา แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ “พวกเจ้าไปช่วยคุณหนูสามเก็บของ วันรุ่งขึ้นติดตามนางไปซื้อบ้านนาใหม่แล้วอาศัยอยู่ที่นั่นไปสักระยะ ให้นางได้อยู่กับธรรมชาติเพื่อบำบัดนิสัยให้ดีขึ้น อีกอย่าง ก็เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงกว่าด้วย พวกเจ้าคอยจับตามองคุณหนูสามให้อ่านคัมภีร์กตัญญูและกฎระเบียบของสกุลสตรีวันละห้ารอบ แล้วให้นางคัดกฎระเบียบของตระกูลเหยาสามสิบรอบ ทุกๆ สองวันส่งสิ่งที่นางคัดกลับมาให้นายท่านตรวจที่จวนด้วย หลังจากคัดถูกต้องทุกข้อประมาณสามสิบรอบแล้วค่อยกลับมา”
“เจ้าค่ะ” ผัวจื่อสองคนไม่สื่อสีหน้าใด แค่ค้อมตัวตอบกลับ
“ฮูหยิน…” สองขาเหยาเชวี่ยหวาอ่อนแรง ทรุดลงบนพื้นอีกครั้ง
อ่านคัมภีร์กตัญญูและกฎระเบียบของสกุลสตรีวันละห้ารอบกลับไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่กฎระเบียของตระกูลเหยานั้น บรรพบุรุษห้ารุ่นได้แก้ไขมาโดยตลอด พอตกทอดมาถึงรุ่นของเหยาหย่วนจือ ก็ราวๆ ยี่สิบสี่เล่ม! ยี่สิบสี่เล่มนั้นหนาสองฉื่อกว่า ให้นางคัดสามสิบรอบ! อีกอย่าง เหยาหย่วนจือได้ตั้งกฎมานานแล้ว ตอนคัดกฎระเบียบทางตระกูลนั้นต้องตั้งใจเป็นอย่างมาก ต้องเขียนทุกตัวอักษรอย่างจริงจัง มิเช่นนั้นจะถือว่าไม่เคารพบรรพบุรุษ
ในตระกูลเหยา การคัดกฎระเบียบทางตระกูลถือเป็นการลงโทษบุตรหลาน เหยาเชวี่ยหวาเป็นคนแรกที่เป็นบุตรีถูกลงโทษโดยการคัดกฎระเบียบทางตระกูล เป็นเรื่องมีเกียรติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
“เจ้าเตรียมตัวไว้เถอะ” หวางฮูหยินพูดจบ ก็วางถ้วยชาลง ลุกขึ้นเดินจากไป