หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 543 รวมญาติเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ (2)
ตอนที่ 543 รวมญาติเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ (2)
เหยาเชวี่ยหวาทรุดตัวอยู่บนพื้นไปสักพัก เดิมทียังหวังว่าตอนถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์จะมีโอกาสได้ออกไปเฉลิมฉลองกับเหล่าคุณหนู
นางฝึกวาดรูปอย่างตั้งอกตั้งใจมาสองปีนี้ ก็เพื่อที่จะรอวันที่ได้ประลองฝีมือกับเหล่ายอดสตรีในเมืองหลวงอวิ๋น ดูนางที่เป็นสตรีที่เกิดในเจียงหนานจะเทียบเทียมได้กับเหล่าคุณหนูในเมืองหลวงอวิ๋นหรือไม่
นางยังนึกว่าจะมีโอกาสได้เจอกับคุณชายเฟิง มีโอกาสเล่นกู่ฉินให้เขาฟังเสียเพลง หรือชงชาให้เขาเสียแก้ว ต่อให้ทำเรื่องดังกล่าวไม่ได้ ได้มองเขาเพียงพริบตาเดียวก็ยังดี
แต่ทุกสิ่งที่จินตนาการไว้อย่างดี กลับกลายเป็นฟองสบู่ที่หายไปชั่วพริบตา
ต้องโทษไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่น! โทษนางชั้นต่ำชุ่ยเวย! จริงๆ นางเกิดมามีฐานะต่ำต้อยเช่นนี้ กลับกลายเป็นหัวแก้วหัวแหวนของปีศาจร้ายนั่น หนุ่มสาวสารเลวคู่นี้! สักวันต้องโดนตัวเองเหยียบหยาม!
ไม่ว่าจะโศกเศร้าหรือโมโหเป็นฟืนเป็นไฟอย่างไร รุ่งเช้าวันถัดไป เหยาเชวี่ยหวาก็ถูกผัวจื่อสองคนเชิญขึ้นรถม้า แล้วออกนอกเมืองมุ่งหน้าไปบ้านนา
เหยาเหยียนอี้เป็นเจ้าของบ้านนาแห่งนี้ ไม่มีเวลามาซ่อมแซ่มโดยตลอด ทว่าสิ่งของในบ้านนาก็ถือว่าครบครัน เพียงแต่ของใช้ต่างๆ ยังไม่จัดเข้าที่เข้าทาง สภาพแวดล้อมของที่นี่ย่อมลำบากกว่าในจวนอยู่แล้ว เหยาเชวี่ยหวาถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีจนถึงอายุปานนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางต้องใช้ชีวิตยากลำบากเช่นนี้ ทว่าก็ช่วยไม่ได้ ใครให้นางมีโชคชะตาชีวิตย่ำแย่ล่ะ
ส่วนชุ่ยเวยและชุ่ยผิงที่มีโชคมีลาภ ได้รับคำสั่งให้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ในวังหลวง และยังบัญชาให้พวกนางรักษาพระเนตรของฮ่องเต้พร้อมกับหลินซู่มั่วที่ได้รับแต่งตั้งเป็นซู่เฟย เหยาเยี่ยนอวี่เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาฝังเข็มให้ชุ่ยเวย ถึงแม้นางไม่มีกำลังภายใน ทว่าวิชาฝังเข็มแบบไท่อี่กลับไม่เลว
หลังจากชุ่ยเวยฝังเข็มให้ฮ่องเต้แล้ว ชุ่ยผิงก็ฉีดยาทางหลอดเลือดดำ หลินซู่มั่วรับผิดชอบนวดจับเส้นทุกวัน
ผ่านความพยายามในสองเดือนกว่านี้ อาการวิงเวียนและปวดเศียรดีขึ้นกว่าเก่าอย่างชัดเจน ถึงแม้พระเนตรยังคงเป็นเหมือนเดิม ทว่าก็รู้สึกได้ถึงแสงที่กระทบเข้ามา แบ่งแยกความสว่างและความมืด นี่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี
หลังจากรักษาเสร็จ ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงถวายบังคอมฮ่องเต้ ฮ่องเต้ไม่ได้ให้ทั้งสองรีบออกจากตำหนัก แค่ถอนหายใจเบาๆ แล้วถามว่า “ช่วงนี้ใต้เท้าเหยาของพวกเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ได้ข่าวคราวบ้างหรือไม่”
“ทูลฝ่าบาท ร่างกายใต้เท้าของพวกหม่อมฉันดีขึ้นมากแล้ว ทว่ากำลังภายในกลับยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับมา ตอนนี้นางน่าจะกำลังฝึกกำลังภายในอยู่เพคะ การรักษาแบบไท่อี่ต้องใช้กำลังภายในขั้นลึกซึ้ง ถึงจะรักษาได้มีประสิทธิภาพที่สุด หากไม่มีกำลังภายในก็เหมือนหม่อมฉัน ต้องใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนานเพคะ”
“เฮ้อ!” ฮ่องเต้ถอนหายใจเบาๆ คำพูดเหล่านี้เขาได้ยินมาหลายสิบรอบแล้ว ฟังจนพระกรรณใกล้หนวกแล้ว “ไม่มีวิธีที่เร็วกว่านี้แล้วหรือ เจิ้นจะตาบอดไปถึงเมื่อใดกัน!”
คำพูดนี้ใครก็ไม่กล้าทูลกลับ ชุ่ยผิงและชุ่ยเวยแค่ผงกศีรษะเบาๆ แล้วทูลเป็นเสียงเดียวกัน “ฝ่าบาทได้โปรดอภัยที่พวกหม่อมฉันไร้ความสามารถเพคะ”
“ช่างเถอะ! พวกเจ้าออกไปได้แล้ว” ฮ่องเต้ผายพระหัตถ์อย่างจนหนทาง
หลังจากออกจากตำหนักจื่อเฉิน ชุ่ยเวยยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วพูดกับชุ่ยผิงเสียงเบา “เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่”
“เฮ้อ! ก็ไม่รู้ว่าฮูหยินเป็นเช่นไรบ้าง” ชุ่ยผิงลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าสีคราม
“ไปเถอะ ข้างกายฮูหยินยังมีแม่ทัพคอยดูแล น่าจะไม่มีปัญหาอะไร” ชุ่ยเวยพูดไป สาวใช้ทั้งสองเดินอย่างว่องไว
ชุ่ยผิงรีบเดินหน้า แล้วถามเสียงต่ำ “เจ้าไม่คิดถึงฮูหยินหรือ”
“เหตุใดถึงไม่คิดถึงล่ะ” ชุ่ยเวยหรี่ตาลง มองประตูวังหลวงที่ปลอดภัยอย่างมาก “แต่คิดถึงไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร สู้ทำงานที่ฮูหยินมอบหมายให้ดีไม่ดีกว่าหรือ ตอนฮูหยินกลับมา ทุกอย่างเป็นเหมือนตอนที่ฮูหยินอยู่ จะได้ไร้ความกังวลใดๆ มิใช่หรือไร”
“ก็ถูกของเจ้า” ชุ่ยผิงพยักหน้าตอบกลับ ทั้งสองเดินถึงประตูวังหลวงแล้ว ต่างคนต่างยื่นป้ายแขวนให้ทหารรักษาการณ์ตรวจสอบ
เทศกาลไหว้พระจันทร์มาถึงอย่างรวดเร็ว เป็นช่วงเวลาที่ ‘ต้นเย่ว์กุ้ยอบอวลด้วยกลิ่นหอม ปูเปลือกเหลืองอวบอ้วน’ พอดี
เหยาเยี่ยนอวี่ที่หายสาบสูญไปในป่าพงไพรพร้อมกับนักพรตเต๋า สุดท้ายก็กลับมาในวันที่สิบห้าเดือนแปด เวลานี้เว่ยจางกำลังดูเหล่าข้ารับใช้ขนของในสวน ซูอวี้เหิงและหร่วนฮูหยินสั่งให้คนส่งของมาสามคันรถ มีทั้งของกินและเครื่องดื่ม อีกทั้งยังบอกว่าพวกเขาจะร่วมชมจันทร์ในบ้านนาเป็นเพื่อนแม่ทัพและฮูหยิน
แม่ทัพเว่ยกำลังว้าวุ่นใจ ฮูหยินหายหน้าหายตาอย่างไร้ร่องรอยไปสามวัน คนพวกนี้เข้าเยือนที่นี่เป็นคู่ๆ จะไม่ทำให้คนไม่สบอารมณ์หรือไร แม่ทัพที่ขุ่นเคืองใจอยู่ ทว่าเห็นเงาสีขาวปรากฎตรงประตู ฮูหยินของเขากลับมาแล้ว!
เหยาฮูหยินสาวเท้าอย่างแผ่วเบา ใบหน้าเคล้าด้วยรอยยิ้มจางๆ ชุดคลุมสีขาวพลิ้วไหวดุจเทพเซียนมาเยือนบนโลก แม่ทัพเว่ยเห็นก็น้ำตาคลอทันที เขากำหมัดแน่นแล้วมองนางเดินมาหาตนทีละก้าว กลับพยายามอัดอั้นความชื่นชมยินดีไว้
“มองอะไรของเจ้า ไม่รู้จักข้าแล้วหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่ยืนตรงหน้าเว่ยจาง ไม่สนเสียงน้อมคำนับของเหล่าข้ารับใช้ด้านข้าง แค่มองบุรุษตรงหน้าที่แววตาดูร้อนรุ่มด้วยยิ้มอันสดใส
เว่ยจางแทบไม่กล้าสบตานาง สายตากวาดมองเหล่าข้ารับใช้ที่น้อมคำนับด้านข้าง จู่ๆ ยกมือดึงนางแล้วเดินไปด้านหลัง เหยาเยี่ยนอวี่เดินตามเขาไปอย่างว่องไว
แม่ทัพเว่ยถีบประตูเรือนออก เซียงหรูและคนอื่นๆ ที่กำลังเก็บของอยู่ด้านในสะดุ้งตกใจทันที เหล่าสาวใช้แค่ทันมองเห็นแม่ทัพจูงมือฮูหยินเข้ามา แม้กระทั่งยังไม่ทันเดินหน้าไปน้อมคำนับ ก็ถูกตะคอกใส่ “ออกไปให้หมด!”
“เจ้าค่ะ” เซียงหรูและคนอื่นลอบมองฮูหยินเพียงชั่วพริบตา เห็นรอยยิ้มของฮูหยินเหมือนไม่มีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น จึงรีบออกไปทันที
แม่ทัพเว่ยกดร่างเหยาเยี่ยนอวี่ลงบนเตียง แล้วคร่อมตัวขึ้นไปกดทับนางไว้ มือข้างหนึ่งรั้งท้ายทอยของนาง ส่วนอีกข้างประสานมือของนางไว้ ลมหายใจร้อนระอุกระทบบนใบหน้านาง สายตาเหี้ยมเกรียมจับจ้องนางไว้ “ไม่โผล่หน้าสามวัน หืม? ยิ่งอยู่ยิ่งกล้าขึ้นทุกวัน!”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มประจบประแจง แล้วปลอบโยนบุรุษที่กำลังขุ่นเคืองบใจ “อย่าสิ ครั้งนี้ข้าเกิดแรงบันดาลใจแล้ว อีกอย่าง กำลังภายในของข้ากลับมาแล้ว และแกร่งกว่าแต่ก่อน”
“ใช่หรือ” แม่ทัพเว่ยเลิกคิ้วเข้มขึ้น “เช่นนั้นให้ข้าลองดู”
“เจ้าลองอะไร…หือ!” เหยาเยี่ยนอวี่เพิ่งพูดจบก็ถูกจุมพิตอย่างดุเดือด
จุมพิตนี้ดำเนินไปยาวนานและดุเดือด ลมหายใจทั้งสองไม่เป็นจังหวะ
“สารเลวจริงๆ ตอนกลางวันแสกๆ…” นางยกมือทุบหลังเขา สำหรับแม่ทัพเว่ย กำลังของนางแค่พอทำให้เขาคันเล็กน้อย แต่ค่อนข้างรู้สึกสบายตัว
“ตอนกลางวันแล้วจะทำไม ใครกล้าเข้ามา ข้าจะฆ่าทิ้งให้สิ้นซากไปเลย” แม่ทัพเว่ยรู้สึกโมโหจริงๆ
“ข้าจะอาบน้ำ! ไม่ได้อาบน้ำมาสามวันแล้ว!”
“ทำเสร็จแล้วอาบ! ข้าไม่รังเกียจเจ้าหรอก!”
“…”
ดังนั้น เหยาฮูหยินถูกกลืนกินตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะอาบน้ำ แล้วหลับไปทันที ทว่าแม่ทัพที่กินคนไม่คายกระดูกยังคงมีเรี่ยวแรง สั่งให้คนเตรียมน้ำอุ่นอาบน้ำให้ฮูหยิน จากนั้นห่อร่างนางด้วยผ้าห่มแล้วอุ้มไปส่งบนเตียง