หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 544 รวมญาติเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ (3)
ตอนที่ 544 รวมญาติเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ (3)
ตื่นมาอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว สามีภรรยาเฮ่อซีพาจี๋เอ๋อร์ สองสามีภรรยาถังเซียวอี้พาบุตรบุญธรรมของเหยาฮูหยินหลิงเซียว เก๋อไห่ จ้าวต้าเฟิง ชุ่ยเวย และชุ่ยผิงต่างมาถึงกันหมดแล้ว ต่างพากันไปที่สวนหลังเรือน ชายหญิงแยกกันนั่งคนละที่ ฉลองเฉลิมเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยกัน ทางฝั่งชายมากันครบแล้ว ส่วนทางฝั่งหญิงยังมีเจ้าภาพที่ยังมาไม่ถึง เหตุเพราะเหยาฮูหยินเพิ่งตื่น ยังคงตกอยู่ในอาการสะลืมสะลืออยู่
“พี่เหยายังไม่มาอีกหรือ” ซูอวี้เหิงคุยกับหร่วนฮูหยินด้วยเสียงต่ำ “พวกเราไปดูนางหน่อยไหม”
หร่วนฮูหยินลอบมองแม่ทัพเว่ยเพียงชั่วพริบตา แล้วพูดด้วยเสียงเบา “แม่ทัพบอกว่าเดี๋ยวก็มาแล้ว พวกเรารออยู่ที่นี่ดีกว่า”
ซูอวี้เหิงก็แอบมองแม่ทัพเว่ยที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลัก หางตาแม่ทัพเคล้าด้วยยิ้มจางๆ ที่ไม่ปรากฎมาพันปี เขาเม้มปากแล้วตอบกลับ “เอาเถอะ อย่างไรกลางคืนก็ไม่มีธุระใดแล้ว ไม่รีบกลับไปกันอยู่แล้ว”
เหยาฮูหยินไม่มา งานเลี้ยงยังไม่ควรเริ่ม ดังนั้นทุกคนแค่กินของว่างและเสวนารอนางมาเยือน
และเวลาล่วงเลยไปครึ่งชั่วยาม
ถังเซียวอี้ลูบท้องถาม “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ยังไม่มาอีกหรือ ท่านควรไปต้อนรับด้วยตัวเองหน่อยหรือเปล่า ข้าหิวจนท้องแบนราบแล้ว! เพื่ออาหารคืนนี้ ข้าอดอาหารมาสามวันแน่ะ!”
“ตอนกลางวันเจ้ายังแทะไก่ป่าไปหนึ่งตัวเลย!” จ้าวต้าเฟิงพลันแฉความลับแม่รองแม่ทัพถัง
“จุ๊! พูดจาเหลวไหลจริงๆ!” ถังเซียวอี้พลันจ้องเขา “ไม่ต้องมากความ กินของเจ้าไป!”
“เรื่องของเจ้าหรือ ปากของข้า ข้าอยากพูดอะไรก็พูด” จ้าวต้าเฟิงถลึงตาใส่รองแม่ทัพถังอย่างกวนประสาท เงยหน้าโยนถั่วลิสงเข้าปาก
รองแม่ทัพถังกัดฟันกรอดอย่างแรง “กินแบบนี้ ระวังติดคอล่ะ!”
ระหว่างที่พวกเขากำลังโต้เถียงกัน เหล่าสาวใช้ตรงประตูสวนก็พูดด้วยเสียงรื่นเริงยินดี “ฮูหยินมาแล้ว น้อมคำนับฮูหยินเจ้าค่ะ”
“แหม! มาแล้ว!” ถังเซียวอี้นั่งตัวตรงทันที ตอนที่หันไปเห็นเหยาฮูหยินที่สวมชุดกระโปรงสีฟ้าคราม จึงถลึงตาถามทันที “ไม่ใช่หรอกกระมัง นี่คือฮูหยินพวกเราจริงหรือ”
จ้าวต้าเฟิงก็ตะลึงงันจนลืมรับถั่วลิสงที่โยนขึ้นกลางอากาศแล้วไปกระทบบนหน้าผาก ถึงจะหลุดออกจากภวังค์ “แหม! เหตุใดฮูหยินถึงเปลี่ยนไปเหมือนคนละคน!”
คำพูดนี้ออกจากใจทุกคน
เหยาฮูหยินยังคงเป็นเหยาฮูหยิน รูปลักษณ์หน้าตาไม่เปลี่ยน แค่ความสง่าผ่าเผยไม่เหมือนแต่ก่อน
ในใจของทุกคน ฮูหยินเป็นคนไม่ค่อยพูดมาโดยตลอด ถึงแม้บางครั้งนางจะกลั่นแกล้งสหายพวกนี้ แต่ไม่ว่านางจะพูดจาขบขันมากเพียงใด ก็ยังแบ่งแยกขอบเขตที่เหมาะสม
นางมีนิสัยแน่วแน่ รูปลักษณ์หน้าตางดงาม หากกล่าวถึงความละมุนละไม นางเทียบซูอวี้เหิงไม่ติด หากพูดถึงความสง่าผ่าเผย ก็เทียบหันหมิงชั่นไม่ได้ จริงๆ แม้กระทั่งความสง่าผ่าเผยของเหยาเฟิ่งเกอก็ยังเหนือกว่านาง
ถึงแม้นางจะเคยวางแผนกลยุทธ์ในกระโจมค่าย และเคยนิ่งเฉยกับความเป็นความตาย แต่กลับไม่ได้ดูสง่าผ่าเผยเหมือนคืนนี้
ภายแสงจันทร์สอดส่อง นางดูโดดเด่นเป็นที่ดึงดูดสายตา ชายกระโปรงพลิ้วไหล เครื่องประดับกระทบเกิดเสียงดัง สายตามองไปด้านหน้า ฝีเท้าก้าวเดินอย่างแผ่วเบา ทุกท่าทีของนางดูโดดเด่นยิ่งนัก
ไม่ถึงสามเดือน ความสง่างามของนางก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นางยังไม่ค่อยพูดไม่เปลี่ยน เพียงแต่แววตาของนางดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ตลอดทางที่ก้าวเดิน ราวกับผืนน้ำนิ่งใต้แสงจันทร์ คล้ายภูเขาเขียวขจีที่ปกคลุมด้วยหิมะ ดูกระจ่างสดใสราวกับหยกรูปงามที่แช่อยู่ในน้ำที่ละลายจากหิมะกลางหุบเขาหิมะขาวโพลน…เวลานี้นางดูพิเศษไม่เหมือนที่ผ่านมา!
“พี่เหยา!” ซูอวี้เหิงพูดด้วยเสียงเบา จากนั้นลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว เหยาฮูหยินในตอนนี้ราวกับแม่แหล็กที่ดึงดูดให้ทุกคนอดเข้าใกล้ไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ภายในใจเคารพนับถือนางมาก
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ “ยืนเซ่ออะไรอยู่ นั่งลงสิ ข้ามาสายหน่อย ขอลงโทษตัวเองด้วยการดื่มเหล้าหนึ่งจอก ดีหรือไม่”
“ดี พี่เหยา ข้าจะรินเหล้าให้เอง” ซูอวี้เหิงยกเหยือเหล้าด้วยสีหน้าที่ยังคงตกตะลึง จากนั้นรินเหล้าให้เหยาเยี่ยนอวี่หนึ่งจอกจริงๆ
เหยาเยี่ยนอวี่ยกจอกส่งยิ้มให้ทุกคน แล้วพูด “ให้ทุกคนรอนานแล้ว ต้องขอโทษด้วย” กล่าวจบ ก็ดื่มหมดจอกอย่างสาแก่ใจทันที
“ตอนนี้ร่างกายของพี่เหยา…ดื่มเหล้าได้หรือไม่” ซูอวี้เหิงเพิ่งจะหลุดออกจากภวังค์ จึงมองแม่ทัพเว่ยด้วยความตื่นเต้น ภายในใจคิดว่า แม่ทัพเว่ยคงอยากสังหารตัวเองในใจไปหลายรอบแล้ว
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มน้อยๆ “ไม่เป็นไร ดื่มน้อยหน่อยก็พอ ประเดี๋ยวก็อย่ามอมเหล้าข้าล่ะ” กล่าวจบ ก็ค่อยๆ นั่งลง
เว่ยจางไม่พูดไม่จาโดยตลอด สายตาแค่มองทางนี้ด้วยความนิ่งเฉย อันที่จริงภายในใจเกิดหงุดหงิดไปแล้ว โทษตัวเองที่ตอนกลางวันหิวโหยในร่างกายของนางเกินไป กลับไม่ได้ตั้งใจมองนางดีๆ ตอนนี้จึงถูกไอ้สารเลวพวกนี้มองไปหมดแล้ว!
คืนนี้ทุกคนต่างชื่นชมยินดี จึงดื่มด่ำกับสุราอย่างมีความสุข จากนั้นถังเซียวอี้กลับร่ายรำดาบ ซูอวี้เหิงก็อุ้มกู่ฉินมาบรรเลงหนึ่งเพลง ส่วนจ้าวต้าเฟิงปรบมือพลางร้องเพลงอย่างเพลิดเพลิน ทำให้ทุกคนหัวเราะเสียงดัง แม้กระทั่งเก๋อไห่และเฮ่อซียังโดนบังคับให้เล่าเรื่องตลก
มีเพียงเว่ยจางไม่ค่อยพูด แค่นั่งดื่มสุราอย่างต่อเนื่อง หากไม่ใช่เพราะว่าทุกคนเห็นความเย็นชาของเขาจนเคยชิน ยังนึกว่าแม่ทัพใหญ่ท่านนี้ไม่สบอารมณ์อยู่หรือเปล่า
จวบจนดวงจันทราเคลื่อนไปกลางนภา ทุกคนต่างเริ่มมึนเมาจนปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมา ทุกคนอยู่ร่วมกัน บ้างก็เป่ายิ้งฉุบ บ้างก็ใบ้คำ มิหนำซ้ำยังเปลี่ยนจอกสุราให้ใหญ่กว่าเดิม เหล่าบุรุษร่างกำยำกรอกเหล้าเข้าปากเป็นจำนวนมาก
ชุ่ยเวยขมวดคิ้วมองเก๋อไห่ที่เหยียบเก้าอี้รั้งจ้าวต้าเฟิงเป่ายิ้งฉุบอยู่ จากนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย “คนพวกนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ดื่มสุราจนเมาเละ แม่ทัพเว่ยไม่สนใจเลยหรือ”
หร่วนฮูหยินมองนาง แล้วพูดยิ้มๆ เสียงเบา “แม่ทัพไม่สนใจเขาหรอก หากเจ้าทนดูไม่ได้ก็บอกเขาตรงๆ เลย ดูว่าเขาจะกล้าไม่เชื่อฟังหรือไม่”
ชุ่ยเวยสบถหยาบเสียงต่ำ “ถุย! เมาให้ตายไปเลย!”
ตอนนี้หูของเหยาเยี่ยนอวี่ดีกว่าแต่ก่อนอยู่มาก ถึงแม้ชุ่ยเวยจะพูดเสียงทุ้มต่ำ ทว่านางก็ได้ยินชัดเจน ดังนั้นยื่นมือกวักมือเรียกเซียงหรูพร้อมกำชับเสียงเบาไปสองสามคำ เซียงหรูรับคำ ไม่นานยกน้ำแกงสร่างเมาให้เก๋อไห่หนึ่งถ้วย “คุณหนูสี่ พี่ชุ่ยเวยให้โรงครัวทำน้ำแกงให้ท่านเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ” เก๋อไห่ได้ยินจิตใจเบ่งบานอย่างมาก แล้วหันไปมองชุ่ยเวยอย่างประหลาดใจ
“แน่นอน คุณชายสี่ไม่เชื่อก็ไม่ต้องดื่ม” ตอนนี้เซียงหรูถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี โกหกจนไม่กะพริบตาเหมือนแต่ก่อนแล้ว
เก๋อไห่จะไม่เชื่อได้อย่างไร รีบรับน้ำแกงถ้วยนั้นพร้อมพูดยิ้มๆ “เชื่อ เหตุใดถึงไม่เชื่อ! ข้าจะดื่มเดี๋ยวนี้” พูดจบ ก้มหน้าเป่าน้ำแกง แล้วดื่มคำใหญ่ จากนั้น… “แค่กๆ…แค่กๆๆ…แค่ก นี่มันน้ำแกงอะไร…แค่กๆๆ…”
“น้ำแกงสร่างเมาอย่างไร” เซียงหรูอธิบายด้วยรอยยิ้ม “พี่ชุ่ยเวยเห็นรองแม่ทัพมึนเมา ดังนั้นเลยให้โรงครัวเพิ่มผงพริกไทยเข้าไปเยอะๆ” แค่ว่าผงพริกไทยมากกว่าเดิมสิบเท่าเท่านั้น
“เหตุใดยังเปรี้ยวเช่นนี้!” เห๋อไห่ไอเสร็จ ก็ถลึงตาถามกลับ
“ไม่เปรี้ยวก็ไม่ใช่ยาสร่างเผาแล้ว” เติมน้ำส้มสายชูไปครึ่งขวด! เซียงหรูเดินถอยหลังไปสองก้าวด้วยรอยยิ้ม “แม่ทัพรีบดื่มเถอะ อย่าเสียน้ำใจของพี่ชุ่ยเวยเลย”