หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 546 รวมญาติเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ (5)
ตอนที่ 546 รวมญาติเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ (5)
“ดื่ม!”
“ดื่มสิ ใครกลัวใคร!”
“มา! ดื่ม!” เหล่าสาวใช้ที่ไม่มีเหยาฮูหยินคอยจ้องมอง แต่ละคนแข่งกันคอแข็ง กลับดื่มเหล้าจนหมด
ชุ่ยผิงมีเรื่องในใจ จึงไม่อยากจะเรียกร้องอะไรกับเหล่าสาวใช้พวกนี้ ตอนที่กินของว่างก็ป้อนยาแก้เมาสุราให้ตนเองไปสองเม็ด
ส่วนจ้าวต้าเฟิงที่ตอนแรกก็เกือบเมาอยู่แล้ว หลังจากเดินรอบบ้านนาหนึ่งรอบ ก็ได้ตากลมจนสร่างเมาแล้ว เวลานี้มีคนรู้ใจอยู่ข้างกาย แน่นอนว่าร่างกายเมาแต่ใจยังไม่เมา บางครั้งเพียงอ้างว่ามึนเมาก็เพื่อหาโอกาสให้ตนเองเท่านั้น
คนเหล่านี้ดื่มหมดไปอีกหนึ่งไห เหล่าสาวใช้ต่างเริ่มมึน แต่ละคนบนราวศาลาหลับใหลไป ชุ่ยผิงกลับยังคงยกจอกสุรานั่งพิงบนเสา แล้วเงยหน้ามองพระจันทร์กลมมนอย่างเหม่อลอย
“นี่ เจ้าหนาวหรือไม่” จ้าวต้าเฟิงถอดเสื้อคลุมคลุมสาวใช้ที่นอนเรียงรายกัน ลุกขึ้นนั่งพลางเข้าใกล้ชุ่ยผิง
“เจ้ายังไม่เมาอีกหรือ” ชุ่ยผิงค่อนข้างรำคาญชายหนุ่มคนนี้ หน้าตาก็ไม่ได้หล่อเหลา ซ้ำยังมากความเป็นพิเศษ ยังจะเรียกร้องกับเหล่าสาวใช้ที่ดื่มสุราอีก อีกอย่างยังชอบคดโกง ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษแม้แต่น้อย
“เหอะๆ ” จ้าวต้าเฟิงยิ้มอย่างมีเลศนัย สะบัดแขนเสื้อตรงหน้าชุ่ยผิง ทำให้กลิ่นสุราอบอวลไปทั่งจมูก ชุ่ยผิงเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการสื่อ…คิดว่าคงจะเทเหล้าบนแขนเสื้อเสียเป็นส่วนมาก
ขี้โกงอย่างที่คาด! ชุ่ยผิงจึงกลอกตามองบนใส่เขาหนึ่งที
จ้าวขี้โกงไม่ได้สนใจท่าทางของแม่นางชุ่ยผิงแม้แต่น้อย แล้วยังขยับเข้าไปใกล้ พร้อมถามด้วยเสียงต่ำ “นี่ เจ้าว่าคืนนี้ชุ่ยเวยจะตอบตกลงเจ้าสี่หรือไม่”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร!” ชุ่ยผิงถลึงตามองเขาอย่างไม่เป็นมิตรแล้วหลบไปด้านข้าง
ไอ้ขี้โกงนี่ก็ขยับเข้ามาใกล้ต่อ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “เจ้าดูสิ คนอื่นจะเคียงคู่กันอีกคู่แล้ว เหลือแค่พวกเราที่ยังโดดเดี่ยวเดียวดาย”
ชุ่ยผิงเหลือบตามองเขา แล้วไม่พูดไม่จา
“นี่ น้องสาว” จ้าวขี้โกงขยับไปใกล้ด้วยใบหน้าชื่นมื่น “เจ้าดูเจ้าก็ตัวคนเดียว ข้าก็ตัวคนเดียว มิเช่นนั้นพวกเรามาเป็นคู่กันเถอะ?”
“ไสหัวไปให้ไกล” ชุ่ยผิงผุดลุกขึ้นแล้วพูดอย่างเย็นชา “เจ้ารองแม่ทัพจ้าวไม่ได้โดดเดี่ยวเสียหน่อย นางโลมหอสิบเก้ายังเฝ้าคอยเจ้าไปอยู่มิใช่หรือ เจ้ามีเงินที่ไม่มีวันใช้หมด ก็ไปทุกคืนเลยสิ?”
“แหม! นั่นเป็นสถานที่บันเทิงเท่านั้น” จ้าวขี้โกงรีบยืนขึ้นพลางตบก้นตนเอง “อีกอย่าง ข้าก็ไม่มีทางเลือกนี่!”
ชุ่ยผิงแสยะยิ้มหันหลังกำลังเดินจากไป เดินไปได้สองก้าวก็หันไป แล้วพูดด้วยยิ้มเยือกเย็น “เที่ยวหอนางโลมคือเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หรือ นี่ช่างเป็นเรื่องสดใหม่ที่ข้าเพิ่งเคยได้ยินจริงๆ”
“ข้าพูดความจริง!” จ้าวต้าเฟิงเดินทางขวางทางเดินชุ่ยผิงไว้ แล้วลูบศีรษะพลางยิ้มแห้งๆ “อันที่จริงข้าเป็นคนจริงใจ แค่เจ้าตกลง ข้าจะปฏิบัติดีกับเจ้าแน่นอน ชีวิตนี้จะมีเพียงเจ้า เป็นเช่นไรบ้าง!”
ชุ่ยผิงแสยะยิ้ม แล้วมองจ้าวต้าเฟิงด้วยความตั้งใจ ยื่นนิ้วมือไปดันหน้าอกผลักเขาออกไปหนึ่งก้าว เอ่ยว่า “ขอโทษ ข้าไม่อยากพัวพันกับเจ้า ดังนั้น หากเจ้าอยากพัวพัน ก็ช่วยไปหาคนที่ยินยอม”
กล่าวจบ ชุ่ยผิงก็เดินอ้อมรองแม่ทัพจ้าว สาวเท้าก้าวใหญ่จากไป
“นี่!” เดิมทีนิ่งงันอยู่ที่เดิมสักพัก แล้วยกมือตบปากตนเองแรงๆ “เจ้านี่ปากพล่อย! เหตุใดถึงพูดจาไม่เสนาะหูเช่นนี้!”
“เฮ้อ!” จ้าวขี้โกงเงยหน้ามองดวงจันทรา แล้วถอนหายใจยาวๆ เจ้าว่าเหตุใดสาวใช้คนนี้ถึงจะเอาใจยากเช่นนี้!
มื้อเช้าวันที่สอง ทุกคนต่างก็ผิดนัดกัน กลับไม่มีใครมาโถงหน้าเลย เหล่าข้ารับใช้ที่เตรียมมื้อเช้ารอไปหนึ่งชั่วยาม ถึงจะสั่งให้สาวใช้เดินดูแต่ละเรือน จากนั้นก็แอบสั่งให้คนเก็บมื้อเช้า แล้วเริ่มเตรียมมื้อเที่ยง
หลังจากถึงมื้อเที่ยงกลับมีคนมาเยือน แต่ไม่เห็นเหยาฮูหยิน ด้วยเหตุนี้ข้ารับใช้จึงถามแม่ทัพเว่ย แม่ทัพเว่ยแค่พูดคำเดียว “ไม่ค่อยสบาย อยากนอนพักต่อ”
หร่วนฮูหยินจึงเปรย “ร่างกายของฮูหยิน เมื่อใดถึงจะหายดีเจ้าคะ”
เว่ยจางมองนางด้วยสายตานิ่งเฉย แล้วตอบกลับอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “น่าจะไม่ค่อยนาน”
เฮ่อซียกยิ้ม แล้วพูด “ตอนนี้ประจวบเหมาะกับแคว้นไม่ได้ออกรบ แม่ทัพก็ถือโอกาสดูแลฮูหยินดีๆ เถอะ” ตอนที่กลับเมืองหลวง ทางที่ดีที่สุดให้กลับไปสามคน รองแม่ทัพเฮ่อกะพริบตาอย่างเจ้าเล่ห์ให้แม่ทัพเว่ย
เว่ยจางยิ้มเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ เฮ่อซีและคนอื่นๆ จะกลับกันหมด จ้าวต้าเฟิงดึงแม่ทัพเว่ยและกระซิบเขาเบาๆ
“แม่ทัพ เรื่องพวกนั้นที่ข้าน้อยรับผิดชอบ ให้คนอื่นทำก่อนได้หรือไม่” จ้าวต้าเฟิงขอร้องด้วยเสียงทุ้มต่ำ ที่ผ่านมาเขารับผิดชอบรวบรวมข่าวสารและรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และหอนางโลมจึงเป็นสถานที่ได้เบาะแสที่ดีที่สุด
เว่ยจางขมวดคิ้ว “ยังมีใครที่คู่ควรกว่าเจ้าหรือ”
“จะไม่มีได้อย่างไร พี่ใหญ่เฮ่อ พี่รองถัง พวกเขาสองคนใครก็ได้” พวกเขาสู่ขอภรรยาแล้ว เป็นข้าวสารที่หุงเป็นข้าวสุกได้แล้ว แน่นอนว่าหนีไม่พ้นอยู่แล้ว ไม่เหมือนเขากับเก๋อไห่ ทั้งสองยังต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก
“เฮ่อซี? เจ้าว่าเขาทำได้หรือ” เฮ่อซีเป็นบุรุษที่สุขุมและแน่วแน่ หากไปเที่ยวหอนางโลม เหล่านางโลมคงตกใจจนวิ่งหนีไปหมดหรือเปล่า
เว่ยจางมองจ้าวต้าเฟิง แล้วพูดด้วยความหนักใจ “สำหรับเจ้าถัง…เกรงว่าคงไม่ได้ เจ้าหมอนั่นรักฮูหยินของเขามากเพียงนั้น จะกล้าทำให้สะใภ้ของตนเองเสียใจได้อย่างไร”
“นี่มีอะไรน่าเสียใจด้วยเล่า!” จ้าวต้าเฟิงสวนกลับอย่างไม่ได้รับความธรรม “พวกเขามีภรรยามีบุตรกับหมดแล้ว แม้กระทั่งเจ้าสี่ยังมีสตรีที่หมายปอง อายุข้ายังเยอะกว่าเขาอีก ทว่ากลับยังไม่มีภรรยาเลย! พี่ใหญ่ ท่านอย่าลำเอียงเกินไปสิ”
เว่ยจางปั้นหน้าเย็นชาทันที “เจ้าเอาเงินของข้าไปเที่ยวหอนางโลม ยังไม่พอใจอีกหรือ ไสหัวไปให้พ้น!”
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าทำเช่นนี้สิ!” จ้าวต้าเฟิงถอยหลังสองก้าวแล้วตะโกนไปด้วย
“แล้วแต่เจ้าเลย” เจ้าจะไปหรือไม่ก็แล้วแต่เลย! แต่เรื่องที่ควรจัดการ หากเจ้าจัดการให้ข้าไม่ได้ ข้าจะให้เจ้าสี่มาถลกหนังเจ้าไปทำเป็นกลอง เจ้าเชื่อหรือไม่”
“เชื่อ ข้าเชื่อ!” รองแม่ทัพจ้าวที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมลูบหน้าตัวเองหนึ่งที แล้วเหลือบตามองชุ่ยผิงที่กำลังจะขึ้นรถม้า หันไปจูงม้ารบ กระโดดควบขึ้นหลังม้า แล้วเร่งม้าวิ่งไปโดยเร็ว
การฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ ณ บ้านนาวัวจวู ไม่มีทางหลุดพ้นจากสายตาของเหล่าตระกูลชั้นสูงในเมืองหลวงอยู่แล้ว
ทว่าตามข่าวคราวที่ออกจากปากของเฮ่อซีฮูหยิน ซูฮูหยินและคนอื่น บอกว่าหมอหลวงเหยาดื่มสุราเป็นเพื่อนทุกคนไปสองวันในคืนวันไหว้พระจันทร์ เที่ยงวันถัดไปก็ไม่โผล่หน้ามาเลย บอกว่าร่างกายไม่สู้ดีนัก แม่ทัพเว่ยก็รู้สึกเคร่งเครียดกับเรื่องนี้ จึงแค่ตอบกลับเหล่าสหายที่คอยเป็นห่วงว่า น่าจะไม่ค่อยนาน
‘น่าจะ’ ไม่ ‘ค่อย’ นาน!
คำพูดนี้เต็มไปด้วยความประหม่าและขมขื่นแค่ไหนกันเชียว ดังนั้น เหล่าตระกูลชั้นสูงในเมืองหลวงอวิ๋นจึงแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ร่างกายของหมอหลวงเหยาคงฟื้นฟูกลับมาไม่ได้แน่นอน
สำหรับเรื่องนี้ ผู้ที่กังวลที่สุดก็คือจวนเฉิงอ๋อง
ดวงตาของเฉิงหวังเฟยยังรักษาไม่หายจนหมด ถึงแม้จะมองเห็นสิ่งของ ทว่าก็ยังพร่ามัว พอแยกแยะได้ว่าผู้ที่ปรากฎตรงหน้าคือใคร เหมือนตอนที่ดูสมุดบัญชี หรือเทียบเชิญนั้นมองไม่เห็นเลย ส่วนอะไรที่ต้องเพ่งมองอย่างละเอียดก็ยิ่งไม่กล้าไปคิดถึง เฉิงหวังเฟยยังหวังว่าร่างกายของเหยาฮูหยินจะฟื้นฟูกลับมาได้ จะได้รักษาดวงตาของตนให้กลับไปเหมือนตอนแรก