หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 548 กลอุบายของฮูหยิน (2)
ตอนที่ 548 กลอุบายของฮูหยิน (2)
เฟิงเซ่าเชินตะลึงงันไป แล้วจ้องเซียวหลินโดนตรง “ทำไมหรือ”
“เพราะว่านางไม่สนว่าตัวเองจะเป็นหรือตาย ไปขวางลูกไม้นั้นแทนเว่ยเสี่ยนจวิน”
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!” เฟิงเซ่าเชินร้อง
“ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!” เฟิงเซ่าเชินตบโต๊ะลุกขึ้น “เขาเป็นถึงแม่ทัพผู้กล้าหาญ เหตุใดถึงปล่อยให้สตรีอ่อนแอคนหนึ่งมาบังลูกศรลูกไม้ได้อย่างไร!”
เซียวหลินยื่นแขนกดเฟิงเซ่าเชินนั่งลง แล้วเปรยว่า “เจ้าเห็นแม่ทัพเว่ยเป็นคนเช่นไรกัน แม้แต่สหายเขายังไม่ยอมให้ตายแทนเลย แล้วจะให้สตรีมาเสี่ยงอันตรายแทนตนเองได้อย่างไร เพียงแต่ว่าสถานการณ์ตอนนั้น เหยาเยี่ยนอวี่เป็นคนวิ่งไปบังลูกศรลูกไม้แทนเขาเอง มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นรวดเร็วมาก ไม่มีใครนึกถึง รวมไปถึงเว่ยจางด้วย”
เฟิงเซ่าเชินตะลึงงันไปชั่วขณะ ภายในใจว้าวุ่นเป็นอย่างมาก
เซียวหลินให้เวลาเขาคิดทบทวนเพียงพอ ตนเองดื่มสุราไปสามจอก แล้วกินอาหารไปเล็กน้อย จากนั้นปลอบโยนขึ้นอีกครั้ง “เซ่าเชิน! เหยาเยี่ยนอวี่ทำเช่นนี้กับเว่ยเสี่ยนจวินได้ ก็เพราะว่าความรักที่ลึกซึ้ง ส่วนข้างกายของเว่ยเสี่ยนจวินมีคนเช่นนี้ เจ้ารู้สึกว่าเขาจะยังปฏิบัติไม่ดีกับนาง เพียงเพราะนางไม่มีวิชาการแพทย์แล้วหรือ ข้ากล้าพูด ชีวิตนี้คงไม่มีสตรีอื่นเข้าตาเว่ยเสี่ยนจวินอีกแล้ว ไม่ได้เป็นเพราะว่าเหยาเยี่ยอวี่มีวิชาการแพทย์ ไม่ใช่เพราะว่านางเลื่องชื่อทั่วเมือง แต่เพราะว่านางคือนาง นางใช้ร่างกายบังลูกศรหน้าไม้แทนเขาได้”
กล่าวจบ เซียวหลินมองเฟิงเซ่าเชินที่ตกเข้าไปใจภวังค์ แล้วเอ่ยด้วยคำพูดที่มีความหมายลึกซึ้งแอบแฝง “เซ่าเชิน ถ้ามีสตรีใดปฏิบัติกับเจ้าเช่นนี้ ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ทรยศนางแน่นอน แค่เจ้ายังเป็นบุรุษคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรก็คงไม่มีทางทอดทิ้งนาง หรือปฏิบัติไม่ดีกับนางอยู่แล้ว”
เฟิงเซ่าเชินยกจอกเหล้าขึ้นมาโดยไม่เอ่ยใดๆ แล้วชนกับเซียวหลิน จากนั้นถอนหายใจ พร้อมยิ้มเย้ยหยันตนเอง “ข้าอิจฉาเขาจะตายแล้ว!”
เซียวหลินก็ยิ้มคล้อยตาม “ไม่เพียงแต่เจ้า บุรุษใต้หล้านี้ล้วนอิจฉาเขา แต่จะทำอย่างไรได้ พวกเราต้องอยู่กับปัจจุบัน”
สายลมยามค่ำคืนพัดโชยกลิ่นดอกกุ้ยที่หวานหอมดั่งน้ำผึ้ง ทว่ากลับบรรเทาความหมองเศร้าภายในใจของคุณชายเฟิงให้จางหายไปไม่ได้เลย เขากรอกสุราใส่ปากอึกใหญ่ๆ ด้วยความทุกข์ระทม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แม้กระทั่งตอนกลางคืนก็คงไม่มีสิทธิ์เฝ้าคะนึงถึงนางแล้ว
และในเวลานี้ ณ ราชวังในแคว้นต้าอวิ๋น
เฟิงฮองเฮาได้ยินขันทีคนสนิทตอบกลับด้วยเสียงต่ำ จึงเงยพระพักตร์ทอดพระเนตรไปยังขันทีคนนั้น แล้วตรัสถามอย่างไม่สนพระทัย “ข่าวสารเชื่อถือได้ไหม”
“นี่เป็นข่าวสารที่ส่งมาจากจวนแม่ทัพฝู่กั๋ว น่าเชื่อถือได้แปดเก้าส่วนพ่ะย่ะค่ะ คำพูดเช่นนี้ พวกเขาต้องทูลแค่หนึ่งในสิบแน่นอน เหนียงเหนียงทรงครุ่นคิดดู วิชาการแพทย์ของหมอหญิงเหยาฟื้นฟูไม่ได้แล้ว นี่ต้องมีผลกระทบต่อพวกเขาอย่างรุนแรงแน่นอน”
เฟิงฮองเฮายิ้มจางๆ “เดิมทีนางก็คือปีศาจอยู่แล้ว! ตอนนี้สวรรค์มีตา จึงยึดวิชาปีศาจของนางไป ก็ถือว่าตอบสนองความปรารถนาของปวงประชา”
“เหนียงเหนียงตรัสได้ถูกต้องยิ่งนัก”
เฟิงฮองเฮาถอนหายใจเสียงเบา “ฝ่าบาทต้องได้รับข่าวสารนี้แล้วหรือเปล่า ทรงเกรี้ยวโกรธหรือไม่”
“ทูลเหนียงเหนียง วันนี้ตอนบ่าย ฝ่าบาทปาถ้วยชาลงพื้น แล้วไม่ค่อยเสวยสำรับค่ำเลยพ่ะย่ะค่ะ คืนนี้แม้กระทั่งซู่ผินยังไม่รับสั่งให้เข้าเฝ้า บอกว่าจะบรรทมตามลำพัง”
สีพระพักตร์ของเฟิงฮองเฮาเคล้าด้วยรอยยิ้ม หางพระเนตรดูรื่นเริงยิ่งนัก
ขันทีผู้นั้นเห็นว่าฮองเฮาไม่มีอะไรจะถาม จึงทูลอำลา
เฟิงฮองเฮาพิงอยู่บนตั่งไม้หงส์พลางครุ่นคิดเงียบๆ แล้วเรียกนางกำนัลคนสนิทเข้ามาด้านใน แล้วถามขึ้น “ช่วงนี้เจ้าห้าเป็นเช่นไรบ้างแล้ว”
องค์ชายห้าอวิ๋นฉีให้กำเนิดโดยหรงเฟย หรงเฟยคลอดองค์ชายผู้นี้ก่อนกำเนิด ทำให้ป่วยหลังจากคลอด ผ่านไปสองสามปีอาการก็ยังไม่ดีขึ้น ตอนนั้นฮองเฮามีองค์ชายใหญ่แล้ว จึงไม่ค่อยสนใจองค์ชายห้ามากเท่าใด
ทว่าวันนี้กลับไม่เหมือนเดิม
องค์ชายใหญ่ถูกรับสั่งให้ไปอาศัยที่หลิงหนาน ฮองเฮาจึงไม่มีองค์ชายใด หากฮ่องเต้สวรรคต แล้วฮองเฮายังคิดจะตั้งหลักปักฐานอย่างมั่นคงในวังหลวง ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเฟิง อีกอย่างยังต้องมีองค์ชายที่เชื่อฟังนางจริงๆ
อวิ๋นฉีไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากมารดาผู้ให้กำเนิดตั้งแต่เด็ก วันนี้ปู่ของเขาเจิ้นหนานอ๋องอาศัยอยู่ที่ซีหนาน จึงหัวเดียวกระเทียมลีบในเมืองหลวงอวิ๋นแล้ว ปกติพวกที่สนิทสนมกับจิ้งจวิ้นอ๋อง วันนี้ถูกเฟิงฮองเฮาที่ชาญฉลาดดึงมาเป็นพรรคพวกเดียวกันแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เจิ้นหนานอ๋องครอบครองอำนาจทางทหาร! ตระกูลเฟิงควบคุมขุนนางฝ่ายบุ๋นครอบคลุมไปกว่าครึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคพวกของนางจะเก่งทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ เป็นแผนการที่ดีที่สุด
“ทางฝั่งเตี้ยนเซี่ยห้าปกติทุกอย่าง เตี้ยนเซี่ยสี่ก็ดีกับเขาเป็นอย่างมาก วันนี้เตี้ยนเซี่ยทั้งสองยังไปเดินเล่นที่ถนนปาเป่าอีก”
“เยี่ยมมาก” เฟิงฮองเฮาพึงพอใจในทุกอย่างในตอนนี้เป็นอย่างมาก “เจ้าสี่มีกลอุบายในใจ หลายปีมานี้เจ้าห้าก็ช่วยงานเขาไปไม่น้อย”
“เหนียงเหนียงทรงพระปรีชาอย่างยิ่ง” นางกำนัลไม่กล้ามากความ ทว่าคำเชยชมนี่ไม่ผิดแม้แต่น้อย
ณ เรือนฉีเสียงจวนติ้งเป่ยโหว
ซูอวี้เสียงที่หายดีขึ้นเยอะกำลังพิงอยู่บนเก้าอี้ใต้ต้นไห่ถันในสวน หลิงจือกำลังป้อนยาให้นาง
เหยาเฟิ่งเกอไม่อยู่ในเรือนแห่งนี้ ช่วงนี้นางค้างคืนในเรือนของบุตรีแทบทุกคืน ซูจิ่นเย่ว์เป็นยัยหนูน้อยที่ไวต่อความรู้สึก ตั้งแต่ซูจิ่นลู่และซูจิ่นหนิงถูกนับว่าเป็นบุตรที่อยู่ภายใต้เหยาเฟิ่งเกอ นางก็นึกว่ามารดาจะไม่โปรดปรานนาง และไม่เอานางอีก เพื่อไม่ให้บุตรีของตนคิดมาก เหยาเฟิ่งเกอยอมทิ้งทุกอย่างเพื่ออยู่เป็นเพื่อนนาง
ในเรือนข้างมีเสียงเด็กร้องไห้ดังขึ้น ซูอวี้เสียงขมวดคิ้วผลักถ้วยยาต้มออก แล้วตะโกนอย่างไม่สบอารมณ์ “รีบไปดูเร็วเข้า! คุณชายน้อยร้องไห้แล้ว พวกเจ้ายังนั่งนิ่งดูดายอยู่อีก!”
มีแม่นมอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาตั้งนานแล้ว เสียงร้องไห้ก็เริ่มแผ่วลง หลิงจือมองซ้ายแลขวา ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ จึงตอบกลับด้วยเสียงเบา “คุณชายสามรู้หรือยัง หมอหลวงเหยาที่ทุกคนนับถือ เกรงว่าฝีมือการแพทย์คงกู้กลับมาไม่ได้อีกแล้ว”
“หืม?!” ซูอวี้เสียงถลึงตา “นางไม่ใช่ว่าจะไปพักฟื้นร่างกายที่บ้านนาเพื่อรักษาฝ่าบาทหรือ เหตุใดถึงกู้กลับมาไม่ได้ล่ะ”
“บ่าวบอกว่าฝีมือการแพทย์ของนางกู้กลับมาไม่ได้อีกแล้ว เหตุเพราะนางรักษาร่างกายมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่ได้หายดีเลย หลังจากนี้ เกรงว่าคงไม่มีวิธีรักษาผู้ป่วยอีก คงต้องอยู่เป็นฮูหยินแม่ทัพในจวนดีๆ แล้ว”
ซูอวี้เสียงยกมุมปากขึ้น แล้วพูดยิ้มๆ อย่างเย็นชา “เจ้าไม่ได้เหลวไหลใช่ไหม”
หลิงจือเบะปาก พูดดขึ้นอย่างไม่พอใจ “คำพูดเช่นนี้ออกจากปากของฮูหยิน บ่าวยังเห็นกับตาว่าฮูหยินได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วร้องไห้ออกมาทันที แม้กระทั่งคุณหนูใหญ่ยังรู้เรื่องนี้ ทว่ามีเพียงคุณชายสามที่ไม่เชื่อ”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อ นี่มันน่าแปลกเกินไป ฝีมือการแพทย์นางดีเช่นนั้น เหตุใดบอกว่าไม่มีก็ไม่มีเลยล่ะ สมองนางไม่ได้รับการกระทบกระเทือนเสียหน่อย” ซูอวี้เสียงพูดไป ยกมือเคาะกะโหลกตัวเอง
“ก็เพราะว่า…นางรู้จักใช้กำลังภายในในการรักษา! ได้ข่าวว่าเหตุเพราะนางรักษาฝ่าบาท จึงใช้ชี่ในร่างกายจนหมด! น้ำบาดาลแห้ง จึงไม่มีน้ำใช้ ดังนั้นวิชาฝังเข็มอันอัศจรรย์ของนางก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนตอนแรก”
“เช่นนั้นนางไม่ใช่ว่ายังทำวิจัยยาตัวใหม่มากมายอยู่หรือ แม้แต่ข้ายังใช้ยาบำรุงเลือดที่นางวิจัยอยู่ตอนนี้มิใช่หรือ” หลังจากผ่านเรื่องใหญ่ไป คุณชายสามซูมีมุมมองเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ความหวาดกลัวที่มีต่อเหยาเยี่ยนอวี่เมื่อครั้นที่นางเคยข่มขู่เขาหายไปหมด หลังจากที่เขารู้สึกหมองเศร้าที่บิดามารดาเขาจากไป วันนี้เขาเหมือนได้สติว่าตนเองต้องเผชิญกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
“นี่บ่าวก็ไม่รู้แล้ว” หลิงจือเบะปาก นางนึกว่าเรื่องนี้จะทำให้คุณชายสามดีใจเสียอีก