หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 549 กลอุบายของฮูหยิน (3)
ตอนที่ 549 กลอุบายของฮูหยิน (3)
ซูอวี้เสียงดื่มยาคำสุดท้ายเสร็จยื่นถ้วยไป แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ “เวลาก็สายแล้ว กลับเถอะ”
หลิงจือเรียกผัวจื่อมาเก็บกวาด ตนเองพยุงซูอวี้เสียงลุกขึ้นเดินไปในเรือน
คุณชายสามซูได้ยินข่าวคราวพวกนี้ก็ไม่ได้มีความสุขมากนัก จวนติ้งเป่ยโหวกลับมีคนดีใจ
ในเรือนชิงผิง เฟิงซิ่วอวิ๋นอุ้มครรภ์แปดเดือนพิงอยู่บนเก้าอี้สานมองดูพระจันทร์ส่องสว่างบนนภาอันมืดมน ลูบท้องกลมๆ พลางยิ้มจางๆ สีหน้าดูภูมิใจมากนัก เหยาเยี่ยนอวี่กู้กำลังภายในกลับมาไม่ได้ คงไม่มีทางเย่อหยิ่งอีก วันนี้ทำได้เพียงพักฟื้นร่างกายในบ้านนาอย่างเงียบๆ
นึกถึงเช่นนี้ เฟิงซิ่วอวิ๋นหุบยิ้มแล้วแค่นเสียงเย็นชา ภายในใจคิดว่าหากนางโชคร้ายเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้ตนก็คงได้เป็นโหวฮูหยินแล้ว! ทั้งจวนติ้งเป่ยโหวนี้ นางก็คงเป็นนายหญิงใหญ่ที่สุด ครอบครัวบุตรคนรองและเหยาเฟิ่งเกอไม่มีบทบาทสำคัญอะไร! วันนี้คนพวกนี้เหยียบหัวตนเอง คิดๆ แล้วรู้สึกโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ! อย่างไรตนจะจัดการกับคนพวกนี้ที่รังแกตนแน่นอน!
“อี๋เหนียง อากาศวันนี้หนาวเย็นแล้ว อย่ามัวนั่งอยู่ด้านนอกเลยเจ้าค่ะ กลับเรือนไปพักผ่อนดีหรือไม่” สาวใช้ชั้นล่างที่คอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้างมองสีหน้าที่คล้ายดีคล้ายโกรธ จึงเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงแผ่วเบา
“ได้” เฟิงซิ่วอวิ๋นหันไปมองหน้าต่างเรือนตะวันออกที่สะท้อนให้เห็นเงาของแม่นางกำลังก้มหน้าเย็บปักถักร้อยเพียงปราดเดียว จึงพยุงมือสาวใช้ชั้นล่างลุกขึ้นเดินเข้าไปในเรือน
หลี่เจียฮุ่ยที่อาศัยอยู่ในเรือนตะวันออกกำลังเย็บเสื้อสีเขียวมรกตให้บุตรด้วยความตั้งอกตั้งใจ
หลายเดือนก่อนเฟิงฮูหยินก็เชิญหมอหลวงมาแอบวัดชีพจรให้อี๋เหนียงทั้งสองคนแล้ว หมอหลวงบอกว่าครรภ์ของอี๋เหนียงใหญ่เป็นบุตรชาย ส่วนครรภ์ของหลี่อี๋เหนียงเป็นบุตรี คนโบราณว่ากันว่าชายตัวแดงหญิงตัวเขียว ดังนั้นสกุลหลี่จึงเตรียมเสื้อผ้าให้บุตรตนเอง ห่อผ้าที่เตรียมก็เป็นสีเขียวเช่นกัน
อันที่จริงหลี่เจียฮุ่ยได้ยินว่าครรภ์ของตนเป็นบุตรี กลับรู้สึกโล่งอก
ฐานะของนางที่นี่ ต่อให้ได้บุตรชาย อนาคตเกรงว่าคงไม่มีใครยอมรับ ครอบครัวบุตรคนโตจวนติ้งเป่ยโหวเทียบกับครอบครัวบุตรคนที่สามไม่ได้ อนาคตบุตรชายอนุภรรยาสืบทอดตำแหน่งเจวี๋ย ดังนั้นบุตรชายอนุภรรยาคนนี้จึงต้องอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของฮูหยิน ไม่มีทางให้มารดาที่เป็นอนุภรรยาเข้าใกล้แน่อน ถึงเวลาที่คลอดบุตรออกมา ไม่แน่ตนเองอาจถูกส่งตัวไปอยู่บ้านนาก็ได้ ชีวิตนี้อย่าหวังว่าจะได้กลับมา ยิ่งไม่มีทางได้เจอหน้าบุตรอยู่แล้ว
วันนี้ครรภ์เป็นบุตรีกลับดียิ่งกว่า อย่างไรฮูหยินก็มีบุตรีคนโตแล้ว คงไม่สนใจบุตรีของตนอยู่แล้ว นางจะได้ดูแลบุตรีตนเองจนโต อนาคตนางยังออกเรือนกับตระกูลเล็กๆ ใช้ชีวิตเรียบง่ายได้ จะได้ไม่ต้องไปเป็นสะใภ้ตระกูลชั้นสูงที่วันๆ ไม่มีอิสระเลยแม้แต่น้อย
สกุลหลี่นึกถึงเรื่องพวกนี้ อดยกมือลูบท้องของตนเองไม่ได้ เพิ่งลูบได้สองที ฝ่ามือเหมือนโดนอะไรบางอย่างผลักหนึ่งที สกุลหลี่ยิ้มขึ้นทันที “เกเรจริงๆ!”
พูดไป นางยกมือวางเสื้อผ้าลง แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นจากตั่งไม้ เพราะว่านั่งนานจนสองขารู้สึกปวดเมื่อย นางพยุงโต๊ะเล็กลุกขึ้นเดินสาวเท้าช้าๆ สาวใช้เข้ามาจากด้านนอก พอเห็นเช่นนี้ก็เข้ามาพยุง “อี๋เหนียง ท่านจะเอาอะไรก็สั่งบ่าวได้เลยเจ้าค่ะ”
สกุลหลี่กำลังจะพูดอะไร จู่ๆ ก็รู้สึกปวดท้อง ดังนั้นค้อมตัวไปจับท้องไว้
“อี๋เหนียง? ท่านเป็นอะไรไป” สาวใช้สะดุ้งตกใจ นางคือคนที่เฟิงฮูหยินส่งมา วันนี้ชีวิตของนางผูกกับหลี่อี๋เหนียงไปแล้ว พวกเขาสองแม่ลูกปลอดภัย นางถึงจะรอดชีวิตได้ มิเช่นนั้น ก็คงต้องตายตามไปด้วย
“ปวดท้อง รีบไปตามหมอตำแยมาเร็ว” เสียงของสกุลหลี่นิ่งสงบมาก สีหน้าค่อยๆ ซีดเซียว
สาวใช้จึงตะโกนอย่างตื่นตระหนก “ใครก็ได้รีบมาที! อี๋เหนียงจะคลอดแล้ว!”
ดังนั้นทั้งเรือนจึงยุ่งวุ่นวายขึ้นมาทันที
เฟิงซิ่วอวิ๋นเพิ่งจะเข้าเรือน เสื้อชั้นนอกเพิ่งจะถอดออก ก็ได้ยินเสียงวุ่นวะวุ่นวายด้านนอก จึงถามอย่างไร้ความอดทน “ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น”
“บ่าวจะไปดูเจ้าค่ะ” สาวใช้ชั้นล่างตอบกลับเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็กลับมา “อี๋เหนียง หลี่อี๋เหลียงจะคลอดแล้วเจ้าค่ะ!”
“ไม่ใช่ว่ายังไม่ถึงเวลาหรือ!” เฟิงซิ่วอวิ๋นตกตะลึง จู่ๆ ภายในใจก็มีลางสังหรณ์ไม่ดี
“เป็นเช่นนั้น ยังเหลืออีกครึ่งเดือนมิใช่หรือ!” สาวใช้ก็ไม่รู้ว่าเหตุผลใด “หรือว่า…หลี่อี๋เหนียงเดินไม่ระวัง”
การกระแทกนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะคลอดก่อนกำเนิด สาวใช้ชั้นล่างจึงบอกว่าอี๋เหนียงเดินไม่ระวัง
เฟิงซิ่วอวิ๋นได้ยินเช่นนี้ ภายในใจก็ไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ ทั้งเฝ้าคอย ทั้งดีใจ และทั้งหวาดกลัว
ตอนนั้นทั้งสองรู้ข่าวว่าตั้งครรภ์พร้อมกัน เฟิงฮูหยินยังเชิญหมอตำแยมาดูอาการโดยเฉพาะ หมอตำแยบอกว่าอี๋เหนียงทั้งสองจะตั้งครรภ์เดือนเก้าเศษๆ ทว่าวันนี้เพิ่งย่างเข้าเดือนเก้า เหตุใดหลี่อี๋เหนียงถึงคลอดแล้วล่ะ นี่มันไม่สมเหตุสมผลหรือเปล่า หรือว่าเดิมทีนางปิดบังอะไรไว้
เพราะว่านางไม่มีวิธีปิดบังไว้อีก ถ้ามีคนจงใจปิดบังอะไรไว้…จู่ๆ เฟิงซิ่วอวิ๋นก็สงบนิ่งไม่ได้ นางรีบหันหลังเดินออกไปด้านนอก จนสาวใช้ชั้นล่างสะดุ้งตกใจ “อี๋เหนียง! ระวัง! ใต้ฝ่าเท้าท่าน!”
เฟิงซิ่วอวิ๋นสาวใช้เดินมุ่งหน้าไปกลางสวนทันที ทว่าเห็นสาวใช้และผัวจื่อสิบกว่าคนเดินไปเดินมาอย่างยุ่งวุ่นวาย
“อี๋เหนียง ท่านต้องระวังเจ้าค่ะ!” สาวใช้เดินไปพยุงแขนของเฟิงซิ่วอวิ๋นไว้ ตกใจจนสีหน้าซีดเซียว ปกติอี๋เหนียงค่อนข้างหนักแน่น เหตุใดได้ยินหลี่อี๋เหนียงคลอดบุตร ถึงได้กระวนกระวายเช่นนี้
“เจ้าออกมาทำไม ที่นี่มีคนเดินไปเดินมา อาจเดินชนเจ้าได้” เฟิงฮูหยินเข้าประตูก็เห็นเฟิงซิ่วอวิ๋นยืนอยู่สวนหน้า ทันใดนั้นก็สั่งไฉ่จูที่อยู่ด้านหลัง “พวกเจ้าพาน้องสาวเข้าไปพักผ่อนเถอะ”
ไฉ่จูขานรับทันใดนั้นและเดินหน้ามาพยุงแขนของเฟิงซิ่วอวิ๋น พร้อมเกลี้ยกล่อมเสียงเบา “อี๋เหนียง บ่าวจะส่งท่านเข้าไปด้านใน เวลาล่วงเลยมานานแล้ว ร่างกายของท่านไม่ควรยืนตากลมเย็นที่นี่เจ้าค่ะ”
เฟิงซิ่วอวิ๋นหันไปมองเฟิงฮูหยินเพียงพริบตาเดียว อยากถามอะไรบางอย่าง แต่กลับถามไม่ออก ทำได้เพียงปล่อยให้ไฉ่จูและสาวใช้ชั้นล่างพยุงตัวเองเข้าไปในเรือน
เรื่องหลี่อี๋เหนียงจะคลอดบุตรแพร่งพรายไปทั่วจวนติ้งเป่ยโหวทันที ซุนฮูหยินและเหยาเฟิ่งเกอได้รับข่าวคราว ก็รีบตามๆ กันมาเรือนชิงผิง
เฟิงฮูหยินนั่งสั่งการด้วยตัวเอง ถึงแม้ในเรือนจะยุ่งวุ่นวายจนทำงานไม่เป็นขั้นเป็นตอน นางก็ไม่เข้าไปในเรือน สั่งให้คนตั้งตั่งไม้ในสวน แล้วนั่งมองอยู่ตรงนั้นด้วยความนิ่งเฉย สาวใช้และผัวจื่อตื่นตระหนกมาก หลังจากซุนฮูหยินและเหยาเฟิ่งเกอมาถึง จึงนั่งคุยกับเฟิงฮูหยินในสวน ต่างมองเหล่าผัวจื่อยุ่งวุ่นวาย
“ไม่ใช่ว่าจะคลอดกลางเดือนเก้าหรือ เหตุใดถึงคลอดก่อนกำเนิดเร็วขนาดนี้” ซุนฮูหยินถามขึ้นลอยๆ
เฟิงฮูหยินยิ้มจางๆ “เรื่องเช่นนี้หมอตำแยก็คงไม่แม่นยำอยู่แล้ว หรือว่าหลี่อี๋เหนียงจำวันผิดไปก็ได้”
เหยาเฟิ่งเกอพูดยิ้มๆ “มีคนเคยคลอดก่อนกำหนดเร็วกว่านี้น่ะ”
เฟิงฮูหยินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วมองเหยาเฟิ่งเกอด้วยสายตาลุ่มลึก “เป็นเช่นนั้น”
“ว่ากันว่ายัยหนูน้อยเกียจคร้าน ส่วนมากที่คลอดก่อนกำหนดจะเป็นบุตรชาย ไม่ใช่ว่าครรภ์ของสกุลหลี่เป็นบุตรีหรอกหรือ เหตุใดถึงคลอดเร็วขนาดนี้”