หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 550 กลอุบายของฮูหยิน (4)
ตอนที่ 550 กลอุบายของฮูหยิน (4)
“ไม่มีเรื่องอะไรที่แม่นยำหรอก” เหยาเฟิ่งเกอพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้รองก็จริงจังเกินไปหน่อย”
สะใภ้ทั้งสามนั่งพูดคุยเล่นในเรือนและจิบชาพลางมองเหล่าผัวจื่อวุ่นวะวุ่นวาย ยิ่งอยู่ท้องฟ้าก็ยิ่งมืดมน ซุนฮูหยินและเหยาเฟิ่งเกอก็ไม่ได้บอกว่าจะกลับไป มีคนเอาเสื้อคลุมกันลมให้เหล่านายหญิงทั้งหลาย ทุกคนสวมชุดคลุมตัวเอง ต่อให้พระจันทร์เคลื่อนอยู่กลางนภา พวกนางยังคงมีความสุขยิ่งนัก
ในเรือน เฟิงซิ่วอวิ๋นนอนพลิกตัวไปมา เสียงพูดคุยของสะใภ้ทั้งสามที่อยู่ด้านนอกเข้าหูนางทุกคำ ทำให้จิตใจของนางว้าวุ่นยิ่งนัก
ขืนสกุลหลี่ได้บุตรชายขึ้นมาจริงๆ พี่สาวจะรับเลี้ยงเด็กคนนั้นก่อนหรือไม่ เมื่อจัดระเบียบตามอายุของเด็ก ครรภ์ของตนคงไม่สำคัญเท่าครรภ์ของหลี่อี๋เหนียงแล้ว! พอนึกถึงเช่นนี้ เฟิงซิ่วอวิ๋นลุกขึ้นนั่งบนเตียง ทำให้สาวใช้ที่ปูนอนบนพื้นสะดุ้งตกใจ แล้วลุกขึ้นถามทันที
เฟิงซิ่วอวิ๋นบอกตัวเองว่าไม่เป็นเช่นไรแล้วนอนลงอีกครั้ง นึกถึงตนเองที่ยังเป็นคุณหนูตระกูลเฟิง ฐานะสูงส่งกว่าแม่นางชั้นต่ำอย่างสกุลหลี่อยู่แล้ว ต่อให้นางคลอดบุตรชายก็เป็นเพียงบุตรอนุภรรยา ครรภ์ของตนต่างหากถึงจะเป็นบุตรชายภรรยาเอก
นึกถึงเช่นนี้ เฟิงซิ่วอวิ๋นก็ถอนหายใจอีกครั้ง เพิ่งจะหลับใหลไป กลับฝันถึงสกุลหลี่อุ้มบุตรชายเยาะเย้ยตัวเอง ดังนั้นจู่ๆ นางก็ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง ยังไม่ลืมตาก็สบถหยาบออกมาก่อน “นางสารเลว!”
สาวใช้ที่นอนพื้นมุ้งเดินหน้ามาทันที ขณะที่ปลอบโยนไปด้วยก็ลูบหลังให้นางหายใจสะดวก “อี๋เหนียงฝันร้ายหรือ อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ ความฝันมักตรงข้ามกับความเป็นจริง บ่าวเทน้ำให้ท่านดีหรือไม่”
เฟิงซิ่วอวิ๋นเพิ่งจะหายใจสะดวก ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่ทำลายค่ำคืนที่มืดมัว
“อั๊ยยา! คลอดแล้ว!” สาวใช้ชั้นล่างตอบสนองก่อน
“ไปดูสิว่าได้บุตรชายหรือบุตรี” เฟิงซิ่นอวิ๋นนึกถึงฝันร้ายเมื่อคู่นี้ แผ่นหลังชุ่มเหงื่อเย็นทันที
สาวใช้รีบสวมเสื้อคบุมและรองเท้าเดินออกไปด้านนอก ยังไม่ทันได้ถามก็ได้เห็นผัวจื่ออุ้มห่อผ้าสีแดงแกมม่วงออกมาร่วมแสดงความยินดีกับฮูหยินทั้งสามท่านในสวน “ยินดีกับฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ! อี๋เหนียงได้บุตรชายเจ้าค่ะ!”
บุตรชาย?! สาวใช้ชั้นล่างชะงักงันไปทันที ภายในใจกำลังคิดว่า ครรภ์ของหลี่อี๋เหนียงไม่ใช่บุตรีหรอกหรือ เหตุใดถึงเปลี่ยนเป็นบุตรชายอย่างกะทันหันเช่นนี้
จู่ๆ ด้านหลังก็มีเสียงดังสนั่นขึ้น สาวใช้ชั้นล่างสะดุ้งตกใจอย่างมาก ตอนที่รีบหันไปมอง ก็เห็นเฟิงอี๋เหนียงล้มลงบนพื้น สีหน้าซีดเซียวยิ่งนัก
“อี๋เหนียง!” สาวใช้ชั้นล่างรู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง จึงไม่สนว่าเป็นบุตรชายหรือบุตรี วิ่งไปพยุงเฟิงซิ่วอวิ๋นทันที ทว่าสตรีมีครรภ์หนักยิ่งนัก นางที่เป็นสาวใช้ตัวเล็กๆ ก็ไม่มีแรงมากมายเช่นนั้น
และตอนนี้เฟิงซิ่วอวิ๋นที่ล้มลงบนพื้นมีสีหน้าขาวซีดยิ่งนัก มือข้างหนึ่งพยายามพยุงตัวเองขึ้น ส่วนอีกข้างก็จับท้องไว้ แล้วพูดด้วยเสียงสั่นเทา “เร็ว…เร็วเข้า…”
“ใครก็ได้!” สาวใช้รีบวิ่งไปตะโกนตรงหน้าประตู “ใครก็ได้มาที่นี่เดี๋ยวนี้! อี๋เหนียงใกล้คลอดแล้ว!”
เฟิงฮูหยินที่อุ้มทารกอยู่ก็ตะลึงงัน จึงรีบหันไปมองทันที เหยาเฟิ่งเกอออกจากภวังค์เป็นคนแรก รีบสั่งการ “เร็วเข้า! ไปตามหมอตำแยมาเร็วเข้า!”
เฟิงฮูหยินลุกขึ้นยื่นทารกน้อยให้ไฉ่จือที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นเข้าไปในเรือน เหยาเฟิ่งเกอเดินตามสองก้าว จู่ๆ ก็ยืนนิ่ง แล้วมองทารกที่อยู่ในอ้อมกอดของไฉ่จู จึงพูดขึ้น “ดูเหมือนอี๋เหนียงใหญ่ของพวกเจ้าก็จะคลอดแล้วเหมือนกัน คืนนี้ฮูหยินคงไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว สั่งให้แม่นมดูแลคุณชายน้อยอย่างดี อย่าให้ทารกที่เพิ่งออกจากครรภ์ตากลมเด็ดขาด”
ไฉ่จูพลันรับคำ แล้วอุ้มเด็กน้อยไปหาแม่นม ซุนฮูหยินที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นยิ้มๆ “น้องสามช่างละเอียดอ่อนยิ่งนัก สมกับคนที่ดูแลเด็กสามคนจริงๆ”
เหยาเฟิ่งเกอยิ้มจางๆ แล้วตอบกลับ “ข้าเป็นคนชอบใจอ่อน ข้าเองก็จนปัญญาจริงๆ”
รอยยิ้มบนดวงหน้าของซุนฮูหยินเย็นชาไปทันที แล้วเหลือบมองเหยาเฟิ่งเกอเพียงชั่วพริบตาเดียว จากนั้นถามกลับ “น้องสะใภ้สามหมายความว่าอะไร ทุกคนเป็นมารดากันหมดแล้ว จะมีใครกันเล่าที่ใจแข็ง”
“แหม เหตุใดพี่สะใภ้รองถึงได้ร้อนตัวเช่นนี้ ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเสียหน่อย” เหยาเฟิ่งเกอถามกลับด้วยยิ้มน้อยๆ
ซุนฮูหยินกลับหัวเราะเยือกเย็น แล้วหันหลังเดินเข้าไปในเรือนของเฟิงซิ่วอวิ๋น
เหยาเฟิ่งเกอคุยกับซานหูที่อยู่ด้านข้างด้วยเสียงเบา “เจ้าไปกำชับไฉ่จู คืนนี้ในเรือนวุ่นวายเกินไป ต้องให้นางดูแลบุตรชายท่านโหวเป็นอย่างดี!”
ซานหูพลันตอบกลับ
เวลานี้เฟิงซิ่วอวิ๋นที่อยู่ในเรือนถูกอุ้มไปนอนอยู่บนตั่งไม้แคบที่ปูด้วยหญ้า ผัวจื่อเพิ่งเหนื่อยกับการทำคลอดไปสองสามชั่วยาม เวลานี้ต้องรวบรวมสติเตรียมทำคลอดให้กับอี๋เหนียงใหญ่
เฟิงฮูหยินมีคำตอบในใจ ทางฝั่งหลี่อี๋เหนียงคือได้เวลาคลอดแล้วจริงๆ ทว่าทางฝั่งเฟิงซิ่วอวิ๋นกลับเพราะว่าเพิ่งหกล้มจนต้องคลอดก่อนกำหนด
สำหรับเหตุใดอยู่ดีๆ ถึงหกล้มนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไป เพียงแต่ว่ากันว่าครรภ์เจ็ดเดือนมีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าครรภ์แปดเดือน ทารกตอนนี้ครรภ์เฟิงซิ่วอวิ๋นมีอายุแปดเดือนพอดี…เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งกระจายไปทั่วเรือน เฟิงฮูหยินรู้สึกหวาดหวั่นยิ่งนัก
ตอนหลี่อี๋เหนียงคลอดบุตรแล้ว นางยอมตากลมในสวนก็ไม่ยอมเข้าไปในเรือน ก็เพราะไม่อยากดมกลิ่นคาวเลือด
เรื่องมันผ่านมานานเช่นนี้แล้ว ทว่าตอนที่เฟิงฮูหยินนึกถึงก็คงทำให้นางรู้สึกสลดใจ จึงหายใจเข้าลึกๆ ทำให้ตัวเองสติสงบลง เฟิงฮูหยินเงยหน้าเห็นซุนฮูหยินที่อยู่ข้างเตียงคลอด ภายในใจโมโหขึ้นมาทันที ความเกลียดชังที่ซุกซ่อนไว้ในใจผุดขึ้นอีกครั้ง ทำให้นางอยากจะฉีกร่างของซุนฮูหยินเป็นเสี่ยงๆ โดยไม่กลัวว่าจะเป็นการกระทำบาป
จู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมือจับมือของนางไว้ เสียงอ่อนโยนและนิ่งสงบดังขึ้นข้างหู “พี่สะใภ้ใหญ่ ทางฝั่งหลี่อี๋เหนียงราบรื่นดีทุกอย่าง ท่านวางใจเถอะ ต่อให้ทางนี้วุ่นวายยังไง หากร่างกายของพี่สะใภ้ทนรับไม่ไหว ก็ออกไปนั่งข้างนอกเถอะ”
เฟิงฮูหยินเงยหน้ามองสีหน้านิ่งสงบของเหยาเฟิ่งเกอแล้วถอนหายใจเบาๆ จากนั้นลุกขึ้น “น้องสาวกล่าวถูก ข้ารู้สึกเวียนศีรษะ เกรงว่าร่างกายคงรับไม่ไหวแล้ว”
เหยาเฟิ่อเกอพยุงเฟิงฮูหยินออกนอกประตู แล้วเปรยขึ้น “ตอนนี้ใกล้ยามสี่แล้ว คืนนี้วุ่นกันมามาก เป็นใครก็ทนไม่ไหว ข้าสั่งให้คนไปเรียนท่านโหวแล้ว ประเดี๋ยวท่านโหวคงมา”
เฟิงฮูหยินมองเฟิงซิ่วอวิ๋นที่ขานเรียก ‘ท่านโหว’ ไม่หยุด จึงถอนหายใจอย่างจนปัญญา แล้วพยักหน้า “เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว”
เหยาเฟิ่งเกอและเฟิงฮูหยินออกไปหมด ซุนฮูหยินคงไม่เฝ้าอยู่ข้างๆ อยู่แล้ว จึงปลอบโยนเฟิงซิ่วอวิ๋นด้วยเสียงแผ่วเบาและตามออกประตูไป เดิมทีเฟิงฮูหยินเกลียดชังตนที่เป็นเหตุทำให้นางแท้งบุตร ทว่าไม่มีหลักฐานมาโดยตลอดมา วันนี้นางที่เป็นพี่สาวเฟิงซิ่วอวิ๋นจากไปแล้ว ตนเองที่เป็นเพียงน้องสะใภ้กลับอยู่ต่อที่นี่ ไม่น่าแปลกไปหน่อยหรือ
ต่อให้รู้ว่าเป็นเช่นนี้ หลังจากออกไปด้านนอก เฟิงฮูหยินยังคงมองซุนฮูหยินด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “น้องสาวของข้าสนิทสนมกับเจ้ามากกว่าข้าที่เป็นพี่สาวอีก ต้องขอบคุณน้องสะใภ้รองที่ดูแลตลอดมา”
ซุนฮูหยินจึงยิ้มประจบ “ฮูหยินมัวแต่ยุ่งกับงานเรือน เรื่องใหญ่ข้าช่วยไม่ได้ ทำได้เพียงชั่วกลุ้มใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แล้ว”
“น้องสะใภ้รองพูดเช่นนี้ไม่ถูกแล้ว ทารกในครรภ์ของน้องสาวข้าเกี่ยวข้องกับอนาคตของจวนโหว นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก น้องสะใภ้รองลำบากแล้ว” เฟิงฮูหยินยิ้มเย้ยหยันจางๆ
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านหมายความว่าอะไร!” ซุนฮูหยินที่ต่อให้ไร้ยางอายเพียงใด ก็ทนไม่ไหวอยู่ดี