หมอหญิงจ้าวดวงใจ - ตอนที่ 95 นัดหมายพบกันอีกครั้ง ความสงสัยเกิดขึ้นทันควัน (4)
อวิ๋นคุนได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าจึงเคล้าด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนขึ้นมาทันที
เว่ยจางมองดวงหน้าอันงดงามของเหยาเยี่ยนอวี่ที่เชยขึ้นอย่างนิ่งสงบ ผิวพรรณขาวผ่องประดุจหิมะและแก้มสีชมพูลูกท้ออ่อนๆ ดวงตาแววใสทรงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวกำลังจดจ้องกับกิ่งก้านของต้นเหมย มุมหางตาของนางนั้นเปี่ยมด้วยความรื่นเริงอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะรื่นเริงตามนาง
สุดท้ายหันหมิงชั่นก็ไม่ได้เลือกกิ่งดอกเหมยที่ใหญ่เท่านิ้วโป้งกิ่งนั้น ทว่ากลับเลือกกิ่งเล็กๆ ที่สูงไม่ถึงสองฉื่อ[1]ที่เหยาเยี่ยนอวี่เลือก จากนั้นก็ใช้กรรไกรตัดกิ่งนั้นลงมา ทั้งสองก็ยิ้มแย้มกันอย่างมีความสุข
จังหวะที่หันหลังไป หันหมิงชั่นก็เห็นอวิ๋นคุนและเว่ยจางก่อน ดังนั้นนางจึงผงกศีรษะให้กับพวกเขาทั้งสองอย่างสง่าผ่าเผย “พี่ชาย แม่ทัพเว่ย”
เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินจึงรีบหันกลับไป มองเห็นอวิ๋นคุนที่สวมใส่เสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีม่วงเข้ม และเว่ยจางที่สวมใส่เสื้อคลุมขนแมวป่าสีน้ำเงิน นางหันไปพร้อมกับยิ้มบางๆ ในมือถือกิ่งดอกเหมยไว้แล้วย่อตัวน้อมคำนับ “ท่านซื่อจื่อ แม่ทัพเว่ย”
“คุณหนูเหยาไม่จำต้องมากพิธี” อวิ๋นคุนกำลังเอ่ยพูดกับเหยาเยี่ยนอวี่ ทว่าสายตากลับจับจ้องไปยังหันหมิงชั่น
ต่อให้เหยาเยี่ยนอวี่มีความรู้สึกช้ามากเพียงใด ก็สามารถสัมผัสได้ถึงบางอย่าง ดังนั้นนางจึงยิ้มอ่อนๆ แล้วหลบไปด้านข้างสองก้าว
อวิ๋นคุนเดินไปตรงหน้าหันหมิงชั่น แล้วยกมือไปเอากรรไกรในมือของนางมาถือไว้ แล้วถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เสื้อคลุมของเจ้าล่ะ”
หันหมิงชั่นยิ้มเบาๆ “ข้าก็แค่จะมาตัดกิ่งดอกเหมย ตัดเสร็จก็จะกลับไปประเดี๋ยวนี้ หากสวมเสื้อคลุมมาคงจะทำให้ขยับเขยื้อนลำบาก”
เหยาเยี่ยนอวี่เหลือบมองเว่ยจางอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ยิ้ม แล้วเบี่ยงตัวหลบเลี่ยงไปอีกข้างของต้นเหมย คู่รักคู่นี้กำลังพูดคุยกัน ตัวนางเองก็ไม่อยากจะอยู่เป็นก้างขวางคอที่นี่
เว่ยจางถูกเหยาเยี่ยนอวี่เหลือบมอง เหมือนเขาจะรู้ว่านางต้องการสื่ออะไร จึงได้หลบไปอีกข้างของต้นเหมยพร้อมกับนาง
เหยาเยี่ยนอวี่นึกไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะตามตนมาด้วย จึงทำได้เพียงส่งยิ้มให้เขาแล้วกล่าวขึ้น “มีดชุดนั้นของท่านแม่ทัพเว่ยยังอยู่ที่ข้า วันนั้นเป็นเพราะเร่งรีบเกินไปจึงทำให้ลืมคืนให้กับท่าน วันหลังข้าจะสั่งให้คนส่งกลับไปให้ท่าน”
“ไม่ต้องแล้ว” เว่ยจางยิ้มอย่างอ่อนโยน “ใบมีดชุดนั้นเป็นเพียงของเล่นของข้าเท่านั้น ทว่าพอไปอยู่ในมือของคุณหนูกลับสามารถช่วยชีวิตคนได้ ดังนั้นคุณหนูเหมาะสมที่จะได้ครอบครองมันมากกว่า”
ใจจริงเหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่อยากจะเอามีดผ่าตัดชุดนั้นคืนกลับไป สามารถมีอุปกรณ์ที่มีประโยชน์หนึ่งชุดที่คุ้นมือไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ทว่าอยากได้ก็ส่วนของความอยากได้ อย่างไรก็ต้องเอ่ยวาจาที่เกรงอกเกรงใจไว้ก่อน “ว่ากันว่าหากไร้ซึ่งผลงานก็ไร้ลาภยศ นี่ข้าจะรับไว้ได้อย่างไร”
เว่ยจางจึงยิ้มกว้างกว่าเดิม “คุณหนูไม่จำเป็นต้องใส่ใจ วันข้างหน้าข้ายังมีเรื่องรบกวนท่านอยู่มาก”
เหยาเยี่ยนอวี่ถูกทำให้ตะลึงงันเพราะรอยยิ้มของเว่ยจาง เหตุใดนางถึงมีความรู้สึกว่ากำลังถูกสุนัขจิ้งจอกจับจ้องอยู่ล่ะ
เว่ยจางมองแม่นางตรงหน้าที่กำลังทำหน้าตะลึงงัน ทำให้เขาอยากอย่างยิ่งที่จะยื่นมือออกไปดีดหน้าผากของนาง ทว่าเขาจำต้องรวบรวมสติทั้งหมดที่มีจึงจะสามารถอดกลั้นไว้อยู่ ท้ายที่สุดเขาจึงรั้งสายตาไปทางอื่น แล้วเปลี่ยนเรื่องพูดคุย “วันนั้นเผอิญผ่านบ้านนาน้อยที่คุณหนูพักอาศัยอยู่ จึงอยากจะเข้าไปเยี่ยมเยียน ทว่าได้ยินมาว่าคุณหนูป่วยไข้ ไม่ทราบตอนนี้อาการดีขึ้นหรือยัง”
“อ้อ ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่ได้สติกลับมา แล้วย่อตัวลงเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “วันนั้นที่ข้าละเลยเพิกเฉยต่อท่าน ท่านแม่ทัพได้โปรดอย่าได้ถือสานะเจ้าคะ”
เว่ยจางรีบยกมือขึ้นแล้วทำมือคารวะ “หามิได้ ข้าเองที่บุ่มบ่าม”
“ฮึ่ม” มีเสียงกระแอมดังขึ้นขัดจังหวะพวกเขาทั้งสองคน
เหยาเยี่ยนอวี่เอียงตัวไป ก็เห็นอวิ๋นเหยาจวิ้นจู่ใส่เสื้อผ้าผ้าต่วนสีม่วงอ่อน คลุมด้วยเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาวโพลน กำลังยืนอยู่ที่ไกลๆ สีหน้าของนางมีแต่ความเย็นชาเปรียบได้กับลมในเขตตอนเหนือ
“จวิ้นจู่” เหยาเยี่ยนอวี่ค้อมตัวลงเล็กน้อย ทำความเคารพอวิ๋นเหยา
อวิ๋นเหยาค่อยๆ เดินมา แล้วเหลือบมองไปที่เหยาเยี่ยนอวี่ หลังจากส่งเสียงออกมาจากจมูกว่า “ฮึ” นางก็หันมามองเว่ยจาง แล้วเอ่ยถามอย่างใจเย็นว่า “แม่ทัพเว่ยอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เว่ยจางยิ้มบางๆ จากนั้นก็ทำมือคารวะให้กับอวิ๋นเหยา แล้วพูดขึ้น “ข้ามาเดินเล่นกับท่านซื่อจื่อ”
“พี่ชายก็มาด้วยหรือ” อวิ๋นเหยาเผยรอยยิ้มออกมา ไม่ได้ดูเย็นชาเหมือนเมื่อครู่นี้
เว่ยจางไม่ได้เอ่ยตอบ แค่หันไปมองอีกฝั่งของต้นเหมย ทางฝั่งหันหมิงชั่นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวทางด้านนี้ จึงเดินอ้อมต้นเหมยไปตามหาเหยาเยี่ยนอวี่ ด้วยเหตุนี้จึงได้เจอกับอวิ๋นเหยา แล้วค่อยถามพลางยิ้ม “เป็นเพราะเสด็จแม่คอยนานจนต้องให้จวิ้นจู่มาตามพวกเราเลยหรือ พวกเรากำลังจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
เหยาเยี่ยนอวี่หันไปคล้องแขนของหันหมิงชั่นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถอะ เกรงว่าองค์หญิงใหญ่คงจะรอไม่ไหวแล้ว”
หันหมิงชั่นจึงยิ้มให้กับเว่ยจาง แล้วเดินออกจากที่นั่นไปพร้อมกับเหยาเยี่ยนอวี่
อวิ๋นคุนยิ้มบางๆ แล้วถามอวิ๋นเหยา “เหตุใดเจ้าถึงไม่คอยอยู่เคียงข้างเสด็จป้า”
อวิ๋นเหยาจึงเบะปากใส่อวิ๋นคุน “พี่ชายก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างน้อง ทว่ากลับมาเดินเล่นเพ่นพ่านอยู่ตรงสวนดอกเหมยเสียได้?”
อวิ๋นคุนรักใคร่และตามใจน้องสาวของตนมาโดยตลอด ต่อให้นางฉีกหน้าเขา เขาก็ไม่ได้โกรธเคืองแม้แต่เพียงน้อย ทว่ากลับเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ใครเป็นคนออกคำสั่งว่าห้ามเดินเล่นเพ่นพ่านล่ะ วันนี้ไม่ได้มีคนนอกนี่”
“จะไม่มีคนนอกได้อย่างไร” อวิ๋นเหยาพึมพำด้วยเสียงเบา สองพี่น้องเหยาเยี่ยนอวี่ไม่ใช่คนนอกหรือไร
อวิ๋นคุนปรายตามองเว่ยจางเพียงชั่วขณะ ก่อนพูดพร้อมยกยิ้มขึ้น “เจ้ารีบไปหาเสด็จป้าเถอะ อย่าได้ให้ทุกคนคอยนานเลย ทางฝั่งท่านซื่อจื่อต้มน้ำชาไว้แล้ว พวกเราก็จะกลับไปดื่มชาด้วยเช่นกัน”
อวิ๋นเหยาก็เหลือบมองเว่ยจางเช่นกัน เหมือนมีอะไรจะพูด ทว่ากลับไม่ได้พูด สุดท้ายจึงหันหลังจากไปด้วยความหยิ่งทะนง
“น้องสาวคนนี้ของข้า นางยโสโอหังเพราะถูกตามใจจนเคยชินตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้เจ้ารู้สึกขบขันแล้ว” อวิ๋นคุนมองน้องสาวของตนหายตัวไปจากสวนต้นดอกเหมย จึงยิ้มพลางกล่าวขึ้น
เว่ยจางดูหมิ่นในท่าทีของอวิ๋นเหยายิ่งนัก ทว่าฝ่ายตรงข้ามคือจวิ้นจู่ที่เป็นเชื้อพระวงศ์ และเขาไม่มีสิทธิ์กล่าวมากความ ดังนั้นจึงทำได้เพียงยิ้ม แล้วพูดขึ้นพอเป็นพิธี “อวิ๋นเหยาจวิ้นจู่มีนิสัยตรงไปตรงมา และนั่นเป็นสิ่งที่มีค่ามาก สมควรแก่การยกย่อง”
“เจ้าคิดเช่นนี้จริงหรือ” อวิ๋นคุนเป็นใคร จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าน้ำเสียงของเว่ยจางกำลังพูดขึ้นอย่างผิวเผินเท่านั้น
เว่นจางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ โดยไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีกต่อไป
“เสี่ยนจวิน เจ้าอายุยี่สิบสองใช่หรือไม่?” อวิ๋นคุนและเว่ยจางเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันกลับไป แต่หัวข้อที่คุยกลับเปลี่ยนจากเรื่องกิจการทางการทหารกลายเป็นเรื่องส่วนตัว
“อืม” เว่ยจางพยักหน้า
อวิ๋นคุนจึงเอ่ยถามขึ้นอีก “ยังไม่วางแผนสร้างครอบครัวอีกหรือ”
“มีการวางแผนเรื่องนี้บ้างแล้ว” ทันใดนั้นเว่ยจางนึกถึงดวงหน้าอันขาวผุดผ่อง และดวงตาทรงพระจันทร์เสี้ยวแววใสคู่นั้น รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเย็นชากระด้างจึงดูอ่อนโยนและเป็นมิตรขึ้นมาทันที
“เสี่ยนจวิน ให้ข้าที่เป็นพี่ใหญ่ถามสักคำเถอะ เจ้ามีสตรีที่ชอบในใจหรือไม่”
เว่ยจางแทบอยากจะตอบกลับตามตรงว่ามี และอยากขานชื่อเหยาเยี่ยนอวี่ออกมา ทว่าพอคำพูดกำลังจะหลุดออกจากปากก็เก็บกลับไปทันที
แม้ว่าในฐานะที่เป็นบุรุษ เขาจะไม่ค่อยสนใจในคำร่ำลือในหมู่สตรีมากนัก ทว่าเขาก็ให้ความสนใจมองเหยาเยี่ยนอวี่มาตลอด ดังนั้นเขาจึงได้ยินข่าวลือถึงนางอย่างกระจ่างแจ้ง ตอนนี้เหยาหย่วนจือยังไม่ได้เดินทางเข้าเมือง ถึงแม้องค์หญิงใหญ่ทรงตรัสว่าจะเป็นแม่สื่อให้ตนเอง ทว่าอย่างไรเรื่องนี้ยังไม่อาจเปิดเผยได้ หากว่าตัวเองพูดออกมาคงไม่มีประโยชน์อะไร แต่จะทำให้ชื่อเสียงของเหยาเยี่ยนอวี่ป่นปี้เสียหายเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงเก็บคำพูดที่กำลังจะเอ่ยออกมาของตนเองกลับไป
“เป็นคุณหนูเหยาหรือ” อวิ๋นคุนหันข้างมองเว่ยจางที่เดินอยู่ข้างกายตน และเอ่ยถามด้วยความสงบนิ่งเฉย
เว่ยจางเงยหน้ามองอวิ๋นคุนอย่างแปลกใจ จากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย พลางพยักหน้า
“ที่แท้เจ้าก็ชื่นชอบคุณหนูเหยาเหมือนกัน” อวิ๋นคุนส่ายหัวเล็กน้อย แล้วไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก
[1] ฉื่อ เป็นวิธีวัดความยาวของจีน ซึ่งหนึ่งฉื่อเท่ากับสิบนิ้ว