หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - ตอนที่ 107 สามีของข้าอ่อนแอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ตอนที่ 107 สามีของข้าอ่อนแอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ระหว่างทางมุ่งหน้าไปตัวอำเภอ
ฉินเหยาคิดหลายครั้งว่า หากขายนกยูงตัวผู้ที่เอาแต่รำแพนหางโปรยเสน่ห์ไปทั่วอย่างชายข้างกายนางออกไป จะได้กี่ตำลึงกันนะ
หลิวจี้ที่กำลังพูดคุยอย่างออกรสกับเหล่าสตรีในหมู่บ้านที่นั่งร่วมรถมาด้วย จู่ๆ ก็รู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เขารีบนั่งตัวตรง ไม่สนใจคำถามของพวกนางอีก
เมื่อเกวียนวัวมาถึงปากทางเข้าเมืองจินสือ ฉินเหยาก็จ่ายค่ารถสี่เหวิน สองสามีภรรยาลงจากรถ มุ่งหน้าไปยังบ้านของคหบดีติงที่อยู่นอกตัวเมือง
เวลานี้พระอาทิตย์ลอยขึ้นสูงแล้ว แม้จะยังไม่ถึงยามเที่ยง แต่ก็ร้อนมากทีเดียว
หลิวจี้รีบหยิบหมวกฟางที่สะพายหลังขึ้นมาสวมอย่างว่องไว พลางรู้สึกดีใจที่ตนเตรียมตัวมาดี
ฉินเหยาส่งสัญญาณให้เขารออยู่ข้างทาง ก่อนจะถือหนังสือเก้าเล่มที่ห่อเตรียมไว้อย่างดีแล้วเคาะประตูหลังของจวนตระกูลติง
จางปาเป็นคนเปิดประตู พอเห็นนางก็เอ่ยทักอย่างตื่นเต้น “ฉินเหนียงจื่อ ไม่ได้เจอกันเสียนานเลย!”
ฉินเหยาพยักหน้ารับ ยิ้มเอ่ย “รบกวนเจ้าไปแจ้งคุณหนูติงด้วยว่าข้านำของมาคืนให้นาง”
จางปาเพิ่งสังเกตเห็นว่านางถือของมาไม่น้อยเลย
นอกจากห่อผ้าที่มองไม่ออกว่าข้างในเป็นอะไร นางยังนำปลาดองสองตัวกับผักสดอีกห่อหนึ่งมาให้ด้วย
“ฉินเหนียงจื่อ เจ้าเข้ามานั่งรอในห้องข้างก่อน ข้าจะไปแจ้งข่าวให้” จางปามองแสงแดดแรงกล้าด้านนอกแล้วเปิดห้องข้างให้ฉินเหยาได้นั่งพักหลบร้อน จากนั้นจึงปิดประตูให้เรียบร้อย ก่อนจะเข้าไปแจ้งข่าว
ไม่นาน โต้วเอ๋อร์กับจางปาก็รีบพาฉินเหยาเข้าไป
หนึ่งเดือนกว่าที่ได้ไม่พบ คุณหนูติงดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ผิวพรรณไม่ขาวกระจ่างเหมือนเมื่อก่อน ออกสีเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่กลับดูมีสุขภาพดี ดวงตาทั้งคู่สดใสเปล่งประกาย
นางพาฉินเหยาเข้าไปในห้องหนังสืออย่างตื่นเต้น ฉินเหยายื่นปลากับผักที่นำมาฝากให้เฉ่าเอ๋อร์นำไปเก็บที่ห้องครัว จากนั้นจึงยื่นหนังสือที่นำมาคืนให้คุณหนูติง
คุณหนูติงไม่ได้ตรวจดูละเอียด แค่พลิกดูสองสามหน้าก็รู้ได้ทันทีว่าหนังสือถูกเก็บรักษาอย่างดี
นางรีบร้อนที่จะอวดผลการฝึกซ้อมของตัวเองในช่วงเดือนที่ผ่านมาแก่ฉินเหยาจึงหยิบคันธนูใหม่ของตัวเองออกมา ชี้ไปที่อานม้าขนาดเล็กบนเก้าอี้และยังชี้ไปที่ลานหลังบ้าน บอกว่านางมีลูกม้าเป็นของตัวเองแล้ว
“ฉินเหยา หลังจากเจ้าไป ข้าก็ไม่เคยละเลยการฝึกเลยสักวัน ตื่นเช้ามาก็ทำท่านั่งม้าครึ่งชั่วยามแล้วก็ฝึกยิงธนูอีกครึ่งชั่วยาม จากนั้นก็ขี่ม้าวิ่งรอบถนนหน้าบ้านสิบรอบ พอพี่ชายว่าง ข้าก็จะถือธนูเล็กๆ ของข้า ขี่ม้าตัวน้อยของข้าไปล่าสัตว์ในป่า…”
ฉินเหยาฟังด้วยรอยยิ้มบางเบา จนกระทั่งคุณหนูติงจะลากนางไปขี่ม้าที่หลังบ้าน นางจึงค่อยพูดขึ้นว่า
“วันนี้คงไม่มีโอกาสได้เห็นม้าของคุณหนูแล้ว วันนี้ข้าต้องไปตัวอำเภอ เพื่อลงชื่อสมัครเข้าสำนักศึกษาให้สามีไม่ได้ความของข้า”
“หา ใครนะ เจ้าหมายถึงสามีแก่ที่ดูราวกับเทพเซียนจุติลงมาผู้นั้นน่ะหรือ” คุณหนูติงถามด้วยความประหลาดใจ
ฉินเหยาทั้งขำทั้งอับจนถ้อยคำ คำบรรยายเช่นนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
แต่คุณหนูติงไม่ได้คิดว่าคำบรรยายของตนเองแปลกประหลาดเลย นางคิดว่ามันตรงตัวที่สุดแล้ว
ฉินเหยาอายุเพียงสิบเก้าปี ส่วนสามีนางอายุยี่สิบสี่แล้ว เมื่อสองคนเทียบกันก็แก่กว่าใช่ไหมเล่า
“เขายังเข้าเรียนใหม่ได้หรือ” คุณหนูติงถามด้วยความสงสัย “ที่แท้เจ้ายืมหนังสือพวกนี้ไปก็เพื่อให้เขาได้เข้าเรียนใหม่สินะ”
ฉินเหยาพยักหน้า มองดูท้องฟ้า “คุณหนู ข้าต้องไปแล้ว หากช้ากว่านี้จะไม่ทันเวลา”
“ก็ได้” คุณหนูติงพูดด้วยความเสียดาย แต่ก็ยังอวยพรให้พวกเขาทั้งสองคนสามารถกลับไปเรียนที่สำนักศึกษาได้สำเร็จในวันนี้
นายท่านติงเข้าเมืองหลวงไปแล้ว ที่บ้านมีเพียงพี่ชายซึ่งบางครั้งก็ออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ วันนี้จึงมีเพียงคุณหนูติงที่อยู่บ้านเพียงลำพัง นางช่างกล้าหาญนัก ขี่ลูกม้าของตนเองไปส่งฉินเหยากับสามีไกลถึงช่วงหนึ่งของเส้นทางจึงค่อยหันกลับ
ฉินเหยามองดูทักษะการขี่ม้าของนางที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ มุมปากยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเด็กสาวที่มีวินัยและขยันขันแข็งผู้นี้
นางในอนาคตจะต้องขอบคุณตัวเองในวันนี้อย่างแน่นอน
เมื่อออกจากเมืองจินสือและก้าวสู่ถนนหลวงมุ่งหน้าไปยังตัวอำเภอ พระอาทิตย์ก็เกือบขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว
เหลือเวลาเดินทางอีกประมาณสองชั่วโมง น่าจะไปทันเวลาเปิดคาบเรียนช่วงบ่ายของสำนักศึกษา
ทว่าการเดินทางช่วงนี้ไม่ราบรื่นเหมือนช่วงแรก
หลิวจี้เร่งฝีเท้าตามฉินเหยา นางเดิน ส่วนเขาวิ่งเหยาะๆ ไม่นานก็หมดท่าเป็นบัณฑิตผู้สง่างาม หมวกฟางบนศีรษะเอียงไปข้างหนึ่ง
เขาได้แต่หวังว่าจะมีรถม้าผ่านมาหรือรถวัว รถลาอะไรก็ได้ ขอแค่เป็นรถที่มีที่นั่งสองที่สำหรับพวกเขาก็พอ
ขณะกำลังคิดอยู่ก็ได้ยินเสียงม้าร้องดังมาจากด้านหน้า หลิวจี้ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “เมียจ๋า ข้าว่าข้างหน้าเหมือนจะมีรถม้านะ!”
ทันใดนั้น เขาก็พลันมีแรงขึ้นมาทันที ไม่ทันได้ดูให้ชัดเจนก็รีบพุ่งไปข้างหน้าสองก้าว แต่แล้วก็ส่งเสียงร้องโหยหวน ก่อนจะพุ่งกลับมาอย่างรวดเร็วคว้าหัวไหล่นางไว้แน่นด้วยความตกใจ พลางขดร่างที่สูงกว่านางหนึ่งศีรษะลงหลบซ่อนอยู่หลังนาง
“มี…มีเลือด เหมือนจะมีคนตาย…”
ฉินเหยากลอกตา กระทืบส้นเท้าลงพื้น ก่อนจะเหยียบเข้าเต็มแรงที่หลังเท้าของของตกแต่งที่เกาะหลังนางอยู่ หลิวจี้ร้องโอ๊ยเสียงดัง รีบกระเด้งออกไปทันที
เสียงอึกทึกของสองสามีภรรยาดึงดูดความสนใจจากกองคาราวานเบื้องหน้าได้สำเร็จ
หนึ่งเค่อก่อนหน้านี้ คาราวานของพวกเขามีรถม้าห้าคัน คนเดินทางสิบแปดคน สินค้ายี่สิบหีบ แต่แล้วกลับถูกกองหินที่จู่ๆ โผล่ขึ้นมากลางถนนขวางทางเอาไว้
ไม่นาน กลุ่มโจรภูเขาที่ซุ่มอยู่รอบๆ ก็พุ่งออกมา เพื่อปกป้องรถม้าและสินค้าทั้งสองฝ่ายจึงต่อสู้กันอย่างดุเดือดราวสิบกว่านาที สุดท้ายเมื่อเห็นว่ากองคาราวานตอบโต้อย่างรุนแรง โจรจึงปล้นสินค้าไปเพียงหีบเดียวแล้วหลบหนีไป
แต่กระนั้น กองคาราวานก็สูญเสียองครักษ์ไปสามคน รถม้าห้าคันล้มระเนระนาดอยู่ข้างทาง ม้าถูกโครงรถและหีบสินค้าถล่มทับจนติดอยู่ในร่องน้ำข้างถนน อาการร่อแร่เต็มที
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าโจรภูเขาพวกนั้นจะยังเหลือรอด” ฉินเหยาขมวดคิ้วพึมพำ ยื่นสัมภาระทั้งหมดให้หลิวจี้ แล้วบอกให้เขารออยู่ข้างทาง ก่อนเดินเข้าไปหากองคาราวาน
อีกฝ่ายเห็นว่านางเป็นเพียงหญิงสาวจึงไม่ได้มีท่าทีป้องกันอะไร เพียงแต่กล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ให้นางรีบไปเสียเพราะโจรอาจย้อนกลับมาได้ทุกเมื่อ
ฉินเหยาไม่พูดพร่ำทำเพลง พับแขนเสื้อขึ้น ยกโครงรถม้าที่ล้มอยู่ข้างถนนขึ้นมาอย่างง่ายดาย
โครงรถม้าที่พวกเขาห้าหกรู้สึกว่าช่างกินแรง นางคนเดียวกลับยกขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย และช่วยม้าที่ติดอยู่ข้างใต้ให้เป็นอิสระ
คนในกองคาราวานตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะตระหนักได้ว่าพบกับยอดฝีมือเข้าแล้วจึงรีบพยักหน้าขอบคุณฉินเหยาแล้วช่วยนางช่วยม้าอีกสี่ตัวออกมา จัดรถม้าใหม่ และนำหีบสินค้ากลับขึ้นรถ
หัวหน้ากองคาราวานสั่งให้ทหารนำศพของพวกพ้องขึ้นรถ ก่อนเดินเข้ามาหาฉินเหยา คำนับอย่างจริงจังสามครั้ง “ขอบคุณแม่นางที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าแม่นางมีชื่อว่าอะไร บ้านอยู่ที่ไหน รอให้ผู้แซ่ฉิวนำสินค้านี้ไปส่งแล้ว ข้าจะนำของกำนัลไปขอบคุณถึงที่บ้าน!”
“ข้าแซ่ฉิน บ้านอยู่หมู่บ้านตระกูลหลิวในเขตเมืองจินสือ ไม่ต้องขอบคุณคราวหน้า คราวนี้เลยเถอะ”
ภายใต้สายตาอึ้งงันของอีกฝ่าย ฉินเหยาเรียกหลิวจี้ให้เข้ามาหา “สามีของข้าอ่อนแอไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ขอพวกข้านั่งรถเข้าไปในตัวอำเภอด้วยได้หรือไม่”
หลิวจี้ : ??? เขาเนี่ยนะอ่อนแอช่วยเหลือตัวเองไม่ได้?!