หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 119 ค่าตอบแทน
บทที่ 119 ค่าตอบแทน
บทที่ 119 ค่าตอบแทน
เซียงจางวิลล่า
วิลล่าที่ตระกูลหลินอาศัยอยู่นั้นมีการตกแต่งอย่างหรูหรา เวลานี้หลินหมิงนั่งอยู่ในห้องอ่านหนังสือด้วยสีหน้ามืดมน ขณะที่หลินอวี้เฟิงยืนก้มหน้านิ่ง ๆ พร้อมกับชายวัยกลางคนอีกคน
ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็คือหลินเฉิงจี้ พี่ชายของหลินหมิง เขาเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากในตระกูลหลิน
“รองผู้อำนวยการเกาได้โทรมาบอกว่าหมอโจวเริ่มรักษาจวงรุ่ยแล้ว นายคิดว่าเขาจะรักษาจวงรุ่ยได้ไหม?” หลินเฉิงจี้ถาม
“มันก็ยากที่จะเดา เพราะโรงพยาบาลประชาชนแห่งแรกของจินหลิงวินิจฉัยแล้วว่าไม่มีทางรักษาหายก็เลยต้องพึ่งหมอโจว” หลินหมิงตอบ
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลินเฉิงจี้ก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาหันไปหาหลานชายอย่างหลินอวี้เฟิงและตำหนิด้วยความโกรธ “เจ้าหลานชาย คราวนี้นายสร้างปัญหาใหญ่เกินไป ถ้าหมอโจวไม่สามารถรักษาจวงรุ่ยได้ นายคงต้องออกจากประเทศจีน!”
“ผมไม่ไปนะ!” หลินอวี้เฟิงกล่าวอย่างร้อนรน
“ไม่ไป? จะรอความตายเหรอ? แม้ว่าพวกเราตระกูลหลินจะไม่กลัวตระกูลจวง แต่ถ้าจวงเหอเฉียงคลั่งขึ้นมาและต้องการฆ่านาย ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถปกป้องนายได้ มันง่ายกว่าที่จะระวังปืนในที่โล่งแต่ยากที่จะป้องกันลูกศรในที่ซ่อน! เราไม่สามารถส่งคนคุ้มกันนายได้ตลอดเวลาหรอก!” หลินเฉิงจี้ดุ
“คือ…”
เมื่อหลินอวี้เฟิงได้ยินคำพูดนี้ เขาก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
เขาไม่ใช่คนโง่และรู้ว่าลุงของเขาพูดถูก
ผู้อาวุโสเหล่านี้สามารถปกป้องเขาได้ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น แต่พวกเขาไม่สามารถปกป้องได้ตลอดชีวิต หากตระกูลจวงตั้งใจจะแก้แค้นจริง ๆ ท้ายที่สุดตระกูลจวงก็จะมีโอกาสฆ่าเขาได้แน่นอนในสักวัน
แต่เขาก็ไม่ยินดีที่จะออกจากจินหลิงและจีน!
“ลุงของลูกพูดถูก! จวงเหอเฉียงมีลูกชายเพียงคนเดียว ถ้าลูกชายของเขาตายจริง ๆ เขาจะแก้แค้นเราแน่นอน!” หลินหมิงตะคอก
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของหลินหมิงก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นหมายเลขผู้โทรเข้า เขาก็รีบกดรับสายทันที “รองผู้อำนวยการเกา เป็นยังไงบ้าง? ผลการรักษาของหมอโจวออกมาหรือยัง?”
“การรักษาเสร็จสิ้นแล้ว และหมอโจวบอกว่าหายแล้ว แต่ผลการรักษาจะยังไม่ได้รับการยืนยันจนกว่าโรงพยาบาลของเราจะตรวจในวันพรุ่งนี้” เสียงของเกาเหวินป๋อดังมาจากโทรศัพท์มือถือ
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก เอาไว้ผมจะเลี้ยงเครื่องดื่มคุณในภายหลัง”
“ด้วยความยินดี!”
เมื่อสิ้นสุดการโทร หลินหมิงก็วางโทรศัพท์มือถือลงและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เป็นไงบ้าง?” หลินเฉิงจี้ถามอย่างเร่งรีบ
“หมอโจวบอกว่าจวงรุ่ยหายแล้ว แต่เกาเหวินป๋อบอกว่าพรุ่งนี้จะต้องตรวจอีกครั้งเพื่อยืนยันผล”
“ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว แม้ว่าหมอโจวจะเป็นคนกล้า แต่เขาคงไม่กล้าโกหกเรื่องแบบนี้แน่นอน” หลินเฉิงจี้ยิ้ม
“ผมก็หวังว่าอย่างนั้น!” หลินหมิงกล่าวอย่างหมดหนทาง
“ถ้าหมอโจวรักษาจวงรุ่ยหายได้จริง ๆ เราจะขอบคุณเขายังไงดี” หลินเฉิงจี้ถามต่อ
“จะขอบคุณยังไงงั้นเหรอ? ก็ให้เงินไง! พรุ่งนี้ ถ้าเขารักษาจวงรุ่ยได้จริง ๆ ผมจะไปหาเขาเป็นการส่วนตัวเพื่อผูกมิตร เพราะท้ายที่สุด แพทย์ชาวจีนที่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมก็ย่อมคุ้มค่าให้เราลงทุนด้วย” หลินหมิงหรี่ตาอย่างมีเลศนัย
“จะจ่ายให้เขาเท่าไหร่”
“เรื่องนั้นผมค่อยตัดสินใจหลังจากที่ได้พบเขา”
ลานจอดรถ โรงพยาบาลประชาชนแห่งแรกของจินหลิง
โจวอี้และหวงไห่เทานั่งอยู่ในรถ หลังจากมองหน้ากันแล้วพวกเขาก็หัวเราะทันที
“ผมคิดว่าจวงรุ่ยคงไม่เกลียดผมแล้ว แถมยังรู้สึกขอบคุณอีกต่างหาก” โจวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณแน่ใจได้ไง?” หวงไห่เทาถามด้วยความประหลาดใจ
“มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ เพราะก่อนที่ผมจะรักษาเขา ผมให้คำปรึกษาด้านจิตใจกับเขาด้วย ฮ่าฮ่า…”
“คุณนี่สุดยอดจริง ๆ!” หวงไห่เทายกนิ้วให้
โจวอี้หยิบเช็คที่ตระกูลจวงมอบให้ออกมาและมองไปที่ตัวเลขด้านบน
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ชีวิตของฉันนี่มันยอดเยี่ยมจริง ๆ!” โจวอี้หัวเราะเสียงดังขณะกล่าวกับตัวเอง
“พวกเขาให้คุณมาเท่าไหร่?”
“ลองดูด้วยตัวเองสิ!”
“ห้าสิบล้าน โอ้ จวงเหอเฉียงใจกว้างกว่าที่คิดนะเนี่ย!” หวงไห่เทาอุทานแล้วแสยะยิ้ม “ลาภลอยขนาดนี้แม้แต่ผมก็ยังอิจฉาเลยนะเนี่ย เอ…หรือว่าผมควรไปจับใครบางคนมาทุบตีแล้วส่งตัวมารักษากับคุณ แล้วจากนั้นเรามาแบ่งค่ารักษากันดีไหม? ผมเอาสามสิบ คุณเอาไปเจ็ดสิบก็ได้…”
“อย่าเลย! คุณน่าจะเสียเงินมากกว่าที่คุณได้รับ” โจวอี้หัวเราะ
“ฮ่าฮ่า ผมก็แค่พูดเล่น” หวงไห่เทายิ้ม
“ตามที่ตกลงกันไว้ว่าแบ่งกันคนละครึ่ง หลังจากนี้คุณโอนเงินยี่สิบห้าล้านหยวนให้ผมทีหลังก็แล้วกัน” โจวอี้ยื่นเช็คให้อีกฝ่าย
“เฮ้ งั้นผมไม่เกรงใจนะ” หวงไห่เทาไม่ปฏิเสธ
เขามีส่วนร่วมอย่างมากในครั้งนี้ และการรวยไปพร้อมกับโจวอี้เป็นเรื่องที่ดี
“ผมจะบอกอะไรให้โจวอี้ คุณควรลาออกจากโรงพยาบาลแล้วมาทำอะไรสักอย่างด้วยกันกับผมจะดีกว่า ถ้าเราร่วมมือกันมันคงง่ายมากในการหาเงิน ผมมั่นใจว่าไม่นานคุณจะกลายเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง!” หวงไห่เทายิ้ม
“อย่าโลภมากจนเกินพอดี ไม่งั้นจะกลายเป็นผลเสียได้”
“โธ่ ลองคิดดูดี ๆ สิ ไม่เพียงแต่ครั้งนี้นะ แต่คราวที่แล้วกับเหตุการณ์ที่คลับ ผมก็ทำเงินได้สองร้อยล้านหยวนกับคุณนี่นา เห็นไหมว่าเราทั่งคู่จับคู่กันได้ดีขนาดไหน” หวงไห่เทายิ้ม
“ไม่ว่าจะเป็นโชคลาภที่คาดไม่ถึงในคราวนี้หรือคราวที่แล้วก็มีความเสี่ยง ดังนั้นอย่าได้คาดหวังว่าเราจะได้รับเงินมาง่าย ๆ แบบนี้อีกบ่อย ๆ” โจวอี้เริ่มจริงจัง
“เอางี้ ถ้าคุณไม่อยากหาเงินแบบมีความเสี่ยง งั้นเรามาพูดถึงเรื่องยาต้มอี้เฉิน…”
“ไม่! ผมยังไม่ขาดเงินขนาดที่จะต้องพูดถึงเรื่องยาต้มอี้เฉิน!” โจวอี้โบกมือ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอภาวนาให้คุณหมดตูดเร็ว ๆ นี้ ฮ่าฮ่าฮ่า!” หวงไห่เทาหัวเราะลั่น จากนั้นก็สตาร์ตรถและขับออกไป
ระหว่างทางกลับ โจวอี้ได้รับโทรศัพท์จากซีชิงอิ่ง
ปลายสายถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของจวงรุ่ย
โจวอี้รู้สึกประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าซีชิงอิ่งจะสนใจเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของจวงรุ่ย แต่เขาก็ยังบอกรายละเอียดให้เธอทราบ
หลังจากนั้นซีชิงอิ่งได้บอกโจวอี้ว่า เธอหวังว่าโจวอี้จะไปโรงน้ำชาได้ในวันพรุ่งนี้
หลังจากที่โจวอี้ตอบตกลงแล้วเขาก็วางสายไป ส่วนหวงไห่เทาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แสดงสีหน้ายิ้มกริ่ม
“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ” โจวอี้กล่าวทันทีที่เห็นสีหน้าอีกฝ่าย
“ผมรู้ว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษ แต่คุณไม่อยากเชยชมความงามที่ดีที่สุดอย่างซีชิงอิ่งเหรอ” หวงไห่เทาพูดอย่างหยอกล้อ
“ก็ได้! ผมยอมรับว่าเธอสวยจนดึงดูด! ผู้ชายทุกคนต่างก็ชอบสิ่งสวยงาม!” โจวอี้หัวเราะและพูดต่ออีกว่า “แต่ว่าผมมีภรรยาและลูกแล้ว ดังนั้นผมจะไม่มีทางออกนอกลู่นอกทาง”
“โธ่จะกลัวอะไรนักหนา ถ้าคุณไม่พูด ซีชิงอิ่งไม่พูด คนที่บ้านจะรู้ได้ยังไง ผู้ชายอย่างเรามันก็ต้องมีการหาเศษหาเลยบ้างเป็นธรรมดา”
“ขอให้พี่สะใภ้ในอนาคตของผมได้ยินคำพูดนี้ของคุณ!” โจวอี้ยกนิ้วกลางขึ้นชูใส่อีกฝ่าย
เมื่อถึงบ้าน หวงไห่เทาไม่ได้แวะเข้าไปดื่มชา
โจวอี้มองดูอีกฝ่ายขับรถกลับไป จากนั้นก็มองไปที่ชั้นสองของวิลล่าที่อยู่ติดกัน เขาพบว่าไฟในบ้านได้ปิดลงแล้ว เขาจึงตรงกลับไปที่บ้านของเขา
แต่เขาไม่รู้ว่าในห้องนอนบนชั้นสองของวิลล่าข้าง ๆ มีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เขาหลังช่องว่างของผ้าม่าน
และนั่นคือถังหว่าน!
ถังหว่านรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหวงไห่เทา
หวงไห่เทามีชื่อเสียงมากในเมืองจินหลิง และเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ ‘เพชรยอดมงกุฎแห่งเพลย์บอย’
เธอกลัวว่าโจวอี้จะเสียคนจากการคบหากับหวงไห่เทา