หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 121 การแลกเปลี่ยน
บทที่ 121 การแลกเปลี่ยน
บทที่ 121 การแลกเปลี่ยน
แปะ แปะ แปะ
เมื่อจบการรำดาบของหญิงสาว โจวอี้ก็ปรบมือพลางเอ่ยชื่นชม “รำดาบกงซุน แสงดาบพร่างพรายส่องประกายราวกับโฮ่วอี้ดวงอาทิตย์ ท่วงท่าร่ายรำแข็งแกร่งทรงพลัง ว่องไวราวกับเทพสวรรค์โผบินอยู่บนมังกร สุดยอดไปเลย”
ใบหน้างดงามของซีชิงอิ่งแดงระเรื่อ เปล่งประกายราวกับว่าพอใจกับการเยินยอของโจวอี้ หลังจากเก็บดาบเข้าสู่ฝัก ซีชิงอิ่งก็ทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามกับโจวอี้ และพูดด้วยรอยยิ้มเขินอาย
“อาจารย์ของฉันบอกว่าฉันไม่ได้ฝึกรำดาบกงซุนถึงขึ้นสูงสุด และไม่สามารถบรรลุระดับสุดยอด การอยู่ร่วมกันของวิญญาณและรูปร่าง”
“คุณไม่ใช่ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ และไม่ได้ฝึกฝนทักษะกำลังภายใน มันยากที่จะนำการร่ายรำดาบกงซุนมาสู่ระดับนี้ได้” โจวอี้กล่าว
“หมอโจวรู้จักศิลปะการต่อสู้ไหม”
“ผมมาจากสำนักโอสถ” โจวอี้คลี่ยิ้ม
สำนักโอสถ?
มันคืออะไร?
ซีชิงอิ่งกะพริบตาปริบ ๆ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน
โจวอี้มองไปที่การแสดงออกของซีชิงอิ่ง และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าเธอไม่มีรู้เกี่ยวกับสำนักโอสถ เกรงว่าเธอคงไม่รู้เรื่องสถานการณ์ของโลกศิลปะการต่อสู้โบราณเท่าไหร่นัก เขาจึงไม่ได้อธิบายสิ่งใดมาก แต่กลับพูดเคล้ารอยยิ้ม “ผมเป็นนักศิลปะการต่อสู้แบบโบราณ และผมฝึกทั้งกำลังภายในและภายนอก”
ซีชิงอิ่งพยักหน้า “อาจารย์ของฉันบอกว่าถ้าต้องการเพิ่มทักษะการรำดาบกงซุน ต้องเรียนรู้ทักษะภายในด้วย น่าเสียดายที่อาจารย์ของฉันก็ทำไม่ได้”
โจวอี้มีความสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับอาจารย์ของซีชิงอิ่ง แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เธอพูด ความสนใจของเขาก็หายไป
ทันใดนั้นโจวอี้ก็มองไปที่ซีชิงอิ่งด้วยรอยยิ้ม “ถ้าผมสอนทักษะการฝึกฝนกำลังภายในให้คุณ คุณจะยกเพลง ‘โชคชะตา’ ให้ผมได้ไหม”
“จริงเหรอคะ? คุณยินดีจะสอนทักษะกำลังภายในให้ฉัน?” ซีชิงอิ่งประหลาดใจ
“แน่นอน!”
“ฉันยินดีค่ะ!” ซีชิงอิ่งตอบโดยไม่ต้องคิด
ในความเป็นจริง แม้ว่าโจวอี้จะไม่ได้สอนสิ่งใดกับเธอ แต่เธอก็เต็มใจที่จะมอบเพลง ‘โชคชะตา’ ให้เขาไปฟรี ๆ
เมื่อก่อนเธอแต่งเพลงนี้ได้ตรงกับความรู้สึกในใจ
แต่เนื่องจากโจวอี้บอกว่าสามารถรักษาโรคของตนได้ เธอจึงไม่เคยชอบเพลง ‘โชคชะตา’ อีกเลย
แต่เพราะโจวอี้ทำให้เธอเห็นความหวังในการมีชีวิตอยู่ และเพลงใหม่ที่เธอเพิ่งแต่งเสร็จมีชื่อว่า ‘แสงแห่งความหวัง’
ความหวังแห่งชีวิต แสงสว่างที่เปล่งออกมา…
ซีชิงอิ่งมองไปที่โจวอี้ รอยยิ้มในดวงตาของเธอนั้นแน่วแน่มั่นคง
“คุณรู้ตำแหน่งเส้นชีพจรและจุดฝังเข็มของมนุษย์ไหมครับ?” โจวอี้ถาม
“ค่ะ” ซีชิงอิ่งพยักหน้า
การป่วยมานานทำให้คนไข้แทบจะเป็นหมอได้!
ตอนที่เธอเป็นเด็ก เธอมีปัญหากับชีพจรหยิน อันที่จริงเธอมีความรู้ด้านการแพทย์แผนจีนอยู่บ้าง และแม้แต่หนังสือทางการแพทย์โบราณหลายเล่มเธอก็อ่านทบทวนมาแล้วเพื่อหวังจะหาวิธีรักษาโรคของตนเอง
ส่วน ‘เส้นทางเส้นชีพจรของมนุษย์และจุดฟังเข็ม’ เธอก็ยิ่งรู้ดี
“ขอผมทดสอบคุณหน่อย”
โจวอี้ขอให้ซีชิงอิ่งยืนอยู่ข้างหน้าเขาโดยชี้ไปที่จุดฝังเข็มทั้งหมดในร่างกายของเธอ หลังจากถามดูแล้ว เขาก็พบว่าซีชิงอิ่งรู้จักทุกจุดฝังเข็มจริง ๆ รู้จักแม้กระทั่งเส้นทางของเส้นชีพจร
“ตอนนี้คุณรู้แล้ว มันไม่ได้ยาก ผมจะสอนวิธีฝึกและผมจะส่งกระแสปราณเบาบางเข้าสู่ร่างกายของคุณ คุณต้องตั้งใจให้ดี มั่นคงตามเส้นทางของปราณที่รับรู้ ต่อมาคุณจะต้องนั่งสมาธิและรับรู้ถึงมัน เมื่อคุณรับรู้ปราณ คุณจะฝึกฝนตามเส้นทางของมันได้ง่าย ๆ”
“อืม!” ซีชิงอิ่งพยักหน้าอย่างระมัดระวัง
“นั่งขัดสมาธิหันหลังให้ผม” โจวอี้นั่งลงบนพรมทันที
ซีชิงอิ่งมีความทรงจำที่ยอดเยี่ยมซึ่งเกินความคาดหมายของโจวอี้ ดังนั้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ราวสิบนาที เธอก็จำการฝึกฝนทักษะภายในได้หลายร้อยคำ
จากนั้น โจวอี้ค่อย ๆ ปล่อยพลังปราณเข้าสู่ร่างกายของเธอ และเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ในช่องพลังงานของเธอตามเส้นทางการบ่มเพาะภายใน
ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ ถึงเก้าครั้ง
ในเวลาต่อมา โจวอี้ก็เก็บฝ่ามือของเขากลับมา เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากแล้วนั่งลงบนโซฟา
ซีชิงอิ่งยังคงสดใสแม้ดวงตายังคงปิดสนิท
ตอนนี้เธอกำลังซึมซับความทรงจำบางอย่าง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ซีชิงอิ่งก็ลืมตาขึ้นและลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ดวงตาที่สดใสของเธอจ้องไปที่โจวอี้และถามว่า “คุณถ่ายทอดทักษะกำลังภายในให้ฉัน ฉันต้องเรียกคุณว่าอาจารย์ไหมคะ?”
“อย่า อย่า อย่า! วิธีการฝึกฝนที่ผมส่งต่อให้คุณไม่ใช่วิธีการฝึกฝนขั้นสูงสุดในสำนักโอสถของเรา แต่เป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้โบราณที่อาจารย์ของผมเคยรวบรวมมา”
“เช่นนั้นฉันควรเรียกคุณว่ายังไง ผู้อาวุโสโจว?” ซีชิงอิ่งรู้สึกโล่งใจและถามด้วยรอยยิ้ม
“เรียกผมว่าโจวอี้ หรือเรียกผมว่าหมอโจวเหมือนเดิมเถอะครับ” โจวอี้โบกมือ
“หมอโจว” เธอเองก็รู้สึกว่าเรียกแบบนี้ดีที่สุด
ครู่ต่อมา เธอก็ฉีกหน้าหนังสือเพลงของเธอออกแล้วยื่นให้โจวอี้ “นี่คือเนื้อเพลงค่ะ ตอนนี้เพลง ‘โชคชะตา’ เป็นของคุณแล้วค่ะ
“ขอบคุณครับ!” โจวอี้ยิ้ม
“ฉันขอถามได้ไหม คุณจะร้องเพลงนี้ด้วยตัวเองหรือเปล่า” ซีชิงอิ่งถามด้วยความสงสัย
“ไม่ ผมจะให้ภรรยาของผมร้อง” โจวอี้เอ่ยออกมาอย่างมีความสุข
“ภรรยาของคุณ?”
ซีชิงอิ่งตกตะลึง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ราวกับว่าเธอไม่อยากเชื่อเลยว่าชายหนุ่มอย่างโจวอี้แต่งงานแล้ว
“อันที่จริงก็มันไม่นับว่าเป็นภรรยาหรอกครับ เรายังไม่ได้แต่งงานและยังไม่มีทะเบียนสมรส แต่ลูกสาวของผมอายุราว ๆ สี่ห้าขวบแล้ว” โจวอี้ยิ้ม
“คุณ … คุณมีลูกสาวแล้ว” ซีชิงอิ่งรู้สึกหดหู่ทันที
“ใช่ ลูกสาวของผมชื่อถังเหมียวเหมี่ยว เธอน่ารักมาก เมื่อถึงเวลาผมจะพาเธอมาเล่นกับคุณนะ”
โจวอี้ไม่ได้สังเกตการแสดงออกของซีชิงอิ่ง แต่เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาและจุดมัน จากนั้นจึงเก็บกระดาษที่เต็มไปด้วยเนื้อเพลง
“คุณ…” ซีชิงอิ่งตะลึงงัน
“คุณคาดไม่ถึงใช่ไหมล่ะ? อันที่จริงเมื่อหนึ่งเดือนก่อนผมก็ไม่เคยคิดว่าอยู่ ๆ จะมีลูกสาว” โจวอี้หยิบบุหรี่ขึ้นมาอีกมวน มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยรอยยิ้ม
“ทันใดนั้นผมก็ได้ยินว่ามีลูกสาวคนหนึ่ง ผมรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นมาก จนกระทั่งผมออกมาจากภูเขาเพื่อพบเธอในเมืองจินหลิง ที่ผ่านมาผม…”
“ฉันไม่เข้าใจ!” ซีชิงอิ่งกล่าวด้วยความงุนงง
“อันที่จริงนี่ไม่ใช่ความลับ ญาติและเพื่อนของผมหลายคนรู้เรื่องนี้ดี” โจวอี้ยิ้มและพูดต่ออีกว่า “ผมบอกคุณแล้ว แต่คุณอย่าลืมเก็บเป็นความลับด้วย! เพราะแม่ของลูกสาวของผมมีตัวตนที่พิเศษ”
“มันจะต้องถูกเก็บเป็นความลับ” ซีชิงอิ่งพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ดาราดังถังหว่าน รู้จักใช่ไหม เธอเป็นแม่ของลูกสาวผม และเป็นรักแรกของผม แม้ว่าเราจะคบกันได้เพียงไม่กี่เดือนก็ตาม…”
โจวอี้เล่าว่าเขาและถังหว่านรู้จักกัน แต่ต่อมาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็จบลงด้วยความหงุดหงิดเพราะเขาไม่ต้องการที่จะออกจากภูเขา
“ตอนนี้ผมเจอลูกสาวแล้ว เธอน่ารักมาก ทุกครั้งที่เธอเรียกผมว่าพ่อ นั่นเป็นเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด” โจวอี้ยิ้ม
“คุณถัง… ยกโทษให้คุณแล้ว?” ทันใดนั้นซีชิงอิ่งก็ถามขึ้น
“แค่ก..ยังน่ะ” โจวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ
“งั้นคุณขอเพลง ‘โชคชะตา’ ไปให้เธอใช่ไหม อยากขอให้เธอยกโทษให้ใช่ไหม” ทันใดนั้นซีชิงอิ่ง ก็รู้สึกเสียใจ เธอลังเลที่จะมอบเพลงนี้กับโจวอี้แล้ว
“ผมทำมันเพื่อเธอ แต่ไม่ใช่เพราะอยากขอให้เธอยกโทษให้” โจวอี้ส่ายหัว
ซีชิงอิ่งเงียบไปครู่หนึ่งและก็ถามขึ้นอีกครั้ง “ในอนาคต คุณกับเธอจะยังอยู่ด้วยกันไหม”
“แล้วแต่โชคชะตา!” โจวอี้ยิ้ม
โชคชะตา?
ซีชิงอิ่งจ้องไปที่โจวอี้
จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก จู่ ๆ เธอก็ยิ้มกว้างราวกับดอกไม้นับร้อยที่กำลังบานสะพรั่ง