หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 136 คำขอของเฉิงฮ่าว
บทที่ 136 คำขอของเฉิงฮ่าว
บทที่ 136 คำขอของเฉิงฮ่าว
บรรยากาศของช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า พักหลังนี้มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม อาจเป็นเพราะการมาอยู่ของโจวอี้ หรือบางทีอาจมีการสื่อสารกันมากขึ้นในกลุ่ม WeChat ดังนั้นเพื่อนบ้านที่ไม่ค่อยได้ทักทายกันมาก่อนจึงยิ้มแย้มและพยักหน้าหรือไม่ก็หยุดคุยกันมากขึ้น
กล่าวได้ว่าโจวอี้ผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดีนั้นมีอิทธิพลต่อทุกคนโดยไม่รู้ตัว
ณ ประตูทิศใต้ของพื้นที่วิลล่า
“เกิดอะไรขึ้น?” โจวอี้ถามด้วยความสงสัย
“คุณโจว มีแขกรอคุณอยู่ที่หน้าบ้าน” เหลียงเสี่ยวปู้กล่าว
“แขก? แขกอะไร”
“เขาเป็นคนใหญ่คนโตในเมืองจินหลิง สถานะเขาไม่ได้ด้อยไปว่าบอสหวงไห่เทาที่คุณรู้จัก”
“อย่าเอะอะไป บอกชื่ออีกฝ่ายมา” โจวอี้ยิ้ม
“เฉิงฮ่าว!”
ชายคนนั้นเองงั้นเหรอ?
โจวอี้ดูประหลาดใจ
ถ้าเฉิงฮ่าวต้องการมาหาก็น่าจะโทรมาบอกกันก่อน แต่นี่กลับมารอถึงหน้าบ้านเลย?
เขารู้สึกสับสนอย่างมาก
เวลานี้มีรถออฟโร้ดสีดำสี่คันจอดที่ริมถนน ชายร่างใหญ่หลายสิบคนในชุดสูทสีดำและแว่นกันแดดสีดำดูเย็นชากำลังเฝ้าดูการเคลื่อนไหวรอบ ๆ
เฉิงฮ่าวอยู่ในชุดสูทสีดำ เขากำลังยืนพิงประตูรถและสูบบุหรี่
“น้องโจว…” เมื่อเฉิงฮ่าวเห็นโจวอี้เดินมาถึง เขาก็ทักทายทันที
“พี่เฉิง เป็นยังไงบ้าง” โจวอี้พบว่าเฉิงฮ่าวดูผิดปกติ ดวงตาของอีกฝ่ายแดงก่ำและอารมณ์ก็ดูหม่นหมอง
“มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น” เฉิงฮ่าวมองลงไปที่ถังเหมียวเหมี่ยวที่มาด้วยกันกับโจวอี้ เขาดึงกล่องของขวัญออกมาพลางยิ้มแล้วพูดว่า “หนูคือเหมียวเหมี่ยวใช่ไหม น่ารักจริง ๆ นี่เป็นของขวัญจากลุงนะ”
ถังเหมียวเหมี่ยวเงยหน้าขึ้นมองโจวอี้เชิงขออนุญาต
“ในเมื่อลุงเฉิงส่งมา ลูกก็รับได้!” โจวอี้ยิ้ม
“ขอบคุณค่ะลุงเฉิง!” ถังเหมียวเหมี่ยวยินดีรับมันและเปิดมันอย่างกระตือรือร้น
โจวอี้ไม่สนใจว่าเฉิงฮ่าวให้ของขวัญอะไรแก่ลูกสาวของเขา เขาเงยหน้ามองอีกฝ่ายและถามว่า “พี่เฉิง ให้ทุกคนเข้าไปข้างในกันเถอะ! ไปคุยกันข้างใน”
“ดี!” เฉิงฮ่าวพยักหน้าเบา ๆ
ครู่ต่อมา โจวอี้ก็โทรหาเหม่ยหลานจากข้างบ้านเพื่อให้มาดูแลลูกสาวของเขาก่อน จากนั้นเขาก็ไปห้องหนังสือที่ชั้นสองกับเฉิงฮ่าว
“เอาล่ะ เกิดอะไรขึ้น” โจวอี้ถาม
“น้องโจว คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับตลาดมืดในโลกศิลปะการต่อสู้ไหม” เฉิงฮ่าวยื่นบุหรี่ให้อีกฝ่าย
“เคยได้ยินมาบ้าง แต่ยังไม่เคยไป”
“แล้วเคยได้ยินเรื่อง ‘โลกตงเทียน’ ไหม”
โจวอี้ตกตะลึงในทันใด
เขาเคยได้ยินและเคยอ่านเกี่ยวกับ ‘โลกตงเทียน’ มาจากหนังสือโบราณ
อันที่จริงเขาเคยถามอาจารย์ของเขาเกี่ยวกับ ‘โลกตงเทียน’ จนได้ความว่า การปรากฏขึ้นของพื้นที่พิเศษนี้มาจากความปั่นป่วนของมิติต่าง ๆ ซึ่งท้ายที่สุดมันกลายเป็นเส้นทางมิติเชื่อมไปยังพื้นที่พิเศษที่เรียกว่า ‘โลกตงเทียน’
เท่าที่เขารู้ มีโลกตงเทียนปรากฏขึ้นสามแห่งในดินแดนของจีน
อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการเข้าไปในโลกทั้งสามแห่งนี้ คุณต้องใช้วิธีการพิเศษเพื่อทำให้ความผันผวนของพลังงานนั้นคงที่ในรอยแยกของมิติ
“ผมเคยได้ยินเรื่องนี้” โจวอี้พยักหน้า
“น้องโจว สนใจเข้าไปในโลกตงเทียนไหม” เฉิงฮ่าวถาม
“สนใจ แต่ไปไม่ได้” โจวอี้ยิ้ม
“ทำไม?”
“เท่าที่ผมรู้ โลกตงเทียนนั้นอันตรายมาก แม้ว่าจะมีสมบัติฟ้าดินมากมายในโลกตงเทียน แต่ผมไม่อยากที่จะเสี่ยงหรอก”
“น้องโจว ครั้งนี้คุณช่วยยกเว้นสักครั้งได้ไหม ไม่ใช่เพื่อไปตามหาสมบัติในโลกตงเทียน แต่ไปช่วยชีวิตคนคนหนึ่ง” เฉิงฮ่าวถามอย่างมีความหวัง
“ช่วยคน? ช่วยใคร?” โจวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อาจารย์ของผมเอง”
“อาจารย์ของคุณ?”
“อาจารย์ของผมเป็นผู้บ่มเพาะไร้สังกัด หลังจากที่เขาสอนศิลปะการต่อสู้ให้ผม เขาก็ออกไปท่องโลกตามประสา แต่ไม่กี่วันก่อน จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเขา ผมรีบไปที่ตลาดมืดและจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อกุญแจสู่โลกตงเทียน แต่เมื่อไปถึงทางเข้า ผมพบว่าไม่สามารถเข้าไปได้ด้วยกำลังของตัวเอง” เฉิงฮ่าวกล่าวอย่างขมขื่น
“คุณหมายถึงอะไร?” โจวอี้รู้สึกงุนงงยิ่งกว่าเดิม
“คือ…”
หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน โจวอี้ก็ทราบเหตุผล
มีนิกายในโลกยุคโบราณที่เรียกว่านิกายฉีเจี๋ย ซึ่งเป็นนิกายที่เชี่ยวชาญในการทำให้ความผันผวนของพลังงานในรอยแยกของมิติคงที่ได้ ดังนั้นใครก็ตามที่ต้องการเข้าไปในโลกตงเทียนจำเป็นต้องซื้อ ‘กุญแจ’ จากพวกเขาเท่านั้น
แต่ต่อให้จะสามารถรักษาเสถียรภาพความผันผวนของพลังงานในรอยแยกของมิติได้ ผู้ที่จะเดินทางเข้าไปก็ต้องมีคุณสมบัติเพียงพอในการเดินข้ามสะพานมิติที่ถูกสร้างขึ้น
เฉิงฮ่าวไม่แข็งแกร่งพอที่จะข้ามสะพานมิติเพียงลำพัง
“คุณต้องการความแข็งแกร่งระดับไหน?” โจวอี้ถาม
“อย่างน้อยต้องอยู่ระดับกึ่งปรมาจารย์ถึงจะสามารถข้ามสะพานมิติได้” เฉิงฮ่าวยิ้มอย่างขมขื่น
โจวอี้เงียบไป
เขาอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์พอดี ตราบเท่าที่เขาทะลวงผ่านอีกครั้ง เขาก็จะสามารถกลายเป็นปรมาจารย์ที่แท้จริงได้
อย่างไรก็ตาม โลกตงเทียนที่เพิ่งค้นพบใหม่นั้นอันตรายอย่างยิ่ง และอาจตายได้หากไม่ระวัง
“งั้นคุณมาหาผมก็เพื่อขอให้ผมช่วยอาจารย์ของคุณเหรอ?” โจวอี้ถาม
“ผมจะเข้าไปด้วย ตราบใดที่คุณพาผมเข้าไปได้”
โจวอี้เงียบไปอีกครั้ง
เขาต้องคำนึงว่าการเข้าสู่โลกตงเทียนไม่ใช่เรื่องตลก มันสุดแสนจะอันตราย
แต่!
เขาเป็นหนี้บุญคุณของเฉิงฮ่าวอยู่!
แม้ว่าเขาจะเคยช่วยรักษาภรรยาของเฉิงฮ่าวมาก่อน แต่ก็ยังด้อยกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายเคยทำให้อย่างสิ้นเชิง
ตอบแทนบุญคุณดีไหม?
เขาไม่อยากตกลง แต่เมื่อมองไปยังสายตาที่ฉายชัดถึงความคาดหวังของอีกฝ่าย โจวอี้ก็ลอบถอนหายใจ
“แล้วเราจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่?” โจวอี้ถาม
“ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี! ตราบเท่าที่คุณตกลง เราจะไปที่ตลาดมืดทันทีเพื่อซื้อกุญแจเข้าสู่โลกตงเทียน”
“ตลาดมืดอยู่ที่ไหน”
“มีตลาดมืดในเมืองจินหลิง ใช้เวลาเดินทางราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
“ยังก่อน รอให้ถังหว่านกลับมาก่อน ผมต้องบอกเธอไว้ล่วงหน้า”
“ได้!”
ฮวนหยิงเอนเตอร์เทนเมนต์
ถังหว่านกำลังบันทึกเพลงอยู่ในห้องบันทึกเสียง ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูจากเฉินอ้ายหลิน
“พี่เฉิน มีอะไรเหรอ?” ถังหว่านถอดหูฟังออกแล้วถาม
“เสี่ยวหว่าน มาคุยกันก่อนเถอะ” เฉินอ้ายหลินยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ได้”
ถังหว่านเดินตามเฉินอ้ายหลินไปที่เลานจ์ แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือ นอกจากซุนเหมิงผู้ช่วยของเธอแล้ว ยังมีหลิวจงเฉวียนผู้อำนวยการแผนกดนตรีอยู่ที่นี่ด้วย