หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 142 ทรยศ
บทที่ 142 ทรยศ
บทที่ 142 ทรยศ
ถังเสี่ยวถังตัวสั่นเทาราวกับแมวที่สัมผัสสายลมยามฤดูหนาว สายตาก็จ้องมองไปยังฉากที่น่าสลดใจซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร
ใกล้ ๆ กับรถที่ถูกทุบมีซากศพและชายร่างกำยำที่มีปืนพกกำลังเก็บกวาดในที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
ถังเสี่ยวถังได้กลิ่นเลือดจาง ๆ ในอากาศ และฉากที่เพิ่งเกิดขึ้นก็ยังคงค้างอยู่ในใจ
ตอนเช้าเขาคุ้ยถังขยะในตรอกและเห็นใครบางคนกระโดดอยู่เหนือหน้าผาและหายตัวไปในทิศทางของหลังคา
ส่วนเมื่อครู่เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งต่อสู้กัน และได้ยินเสียงปืนและกระสุนปลิวว่อนไปทุกที่
ถังเสี่ยวถังกำหมัดแน่น ด้วยความกลัวในดวงตาของเขาค่อย ๆ จางหายไป ความคิดที่กล้าได้กล้าเสียก็ผุดขึ้นมา ความคิดหนึ่งลุกลามเหมือนไฟในทุ่งหญ้าแห้ง และเขาไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป
แม้ภาพฉากการสังหารจะน่ากลัวจับใจ แต่ภาพของคนคนหนึ่งในเหตุการณ์นั้นกลับเด่นชัดยิ่งกว่า
ต้องตามหาเขา!
ต้องเรียนรู้จากปรมาจารย์คนนั้นให้ได้!
ขอแค่เขาเรียนรู้ทักษะได้เพียงหนึ่งในสิบของคนคนนั้น เขาจะไม่ต้องจรจัดแบบนี้อีกต่อไป
รถออฟโร้ดขับไปได้อย่างราบรื่นจนเจอกับสภาพการจราจรที่พลุกพล่าน
โจวอี้เผยสายตาเย้ยหยันเมื่อมองไปที่เฉิงฮ่าวแล้วพูดขึ้นว่า “งูเหลือมกัดคนได้ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต ใช้แค่ตัวยาง่าย ๆ ก็สามารถรักษาบาดแผลที่งูเหลือมกัดได้แล้ว”
“หมายความว่าเขาโกหกผม?”
“ยิ่งกว่าโกหกอีก มันเป็นเพียงอุบายตื้น ๆ ไม่ต่างจากมุกหลอกเด็กสามขวบ” โจวอี้ดึงบุหรี่ออกมาจุด ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “คุณคิดว่าจะมีสักกี่คนที่ยอมซื้อกุญแจแพง ๆ แล้วไปที่โลกตงเทียนเพื่อฆ่าคนและขโมยของ? โลกตงเทียนที่เพิ่งเปิดใหม่เต็มไปด้วยสมบัติ การฆ่าคนและการปล้นจะได้ผลตอบแทนมากกว่าการล่าสมบัติงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เฉิงฮ่าวก็ได้สติขึ้นมาทันที
เขาฉลาดมากอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ความกังวลของเขาทำให้เขาไม่ได้ฉุกคิดถึงเรื่องนี้
เวลานี้เขาตระหนักได้แล้วว่าเพื่อนเก่าของอาจารย์ไม่น่าไว้ใจ
“โจวอี้ แล้วเราควรทำยังไงต่อไป”
“คุณไปพักเถอะ ผมจะไปหาเขาเอง”
“มันอันตรายเกินไป ผมจะไปด้วย”
“คุณจะกลายเป็นภาระของผม” โจวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้มระอา
“แค่ก ๆ…” เฉิงฮ่าวถึงกับสำลักและไม่ได้พูดอะไรอีก
เขารู้ว่าโจวอี้พูดถูก
เขาไม่เพียงแต่จะช่วยอะไรไม่ได้ แต่จะกลายเป็นภาระอีกต่างหาก แต่เขาก็ไม่สบายใจที่เห็นโจวอี้ต้องออกไปเสี่ยงคนเดียว
ไม่นานนัก รถออฟโร้ดก็มาถึงโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง
ขณะที่เฉิงฮ่าวกำลังเตรียมตัวจะลงจากรถ โจวอี้ก็กดไหล่ของเขาไว้ทันที
“มีอะไรเหรอ?” เฉิงฮ่าวสงสัย
“ในฐานะศิษย์ของสำนักโอสถ คุณรู้ไหมว่าผมปรุงยาอะไรได้ดีที่สุด”
“ยาอะไร?”
“ยาพิษ!” โจวอี้ตบไหล่อีกฝ่าย จากนั้นก็ผลักประตูเปิดออกก่อนจะลงจากรถ
ยาพิษ?
เขาเข้าใจแล้ว!
โจวอี้กำลังบอกใบ้
เขามองออกไปนอกรถและเห็นโจวอี้กำลังยืนพิงรถเงียบ ๆ พลางสูบบุหรี่ สีหน้าของเขาค่อนข้างผิดหวัง ทันใดนั้นเขารู้สึกเสียใจอย่างมาก
ใช่ เขาเสียใจ
เมื่อนึกถึงฉากที่โจวอี้พยายามช่วยเขา ความเสียใจของเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขโทรออก และพูดอย่างเย็นชาหลังจากที่อีกฝ่ายรับสาย “ถอยออกไป”
จากนั้นเฉิงฮ่าวก็เปิดประตูและลงจากรถ เขาเดินมาหาโจวอี้และถามว่า “คุณรู้ได้ยังไง”
“มือปืนคนนั้นเป็นคนของคุณ” โจวอี้กล่าวอย่างใจเย็น
“คุณรู้อยู่แล้ว? แล้วทำไมถึงพยายามช่วยผม?”
“ถึงแม้เรื่องวันนี้มันจะเป็นเพียงการแสดงที่อลังการหรือมีคนต้องการฆ่าใครสักคนเพื่อเงินจริง ๆ ผมก็ต้องชดใช้หนี้บุญคุณด้วยการช่วยชีวิตคุณ” โจวอี้ตอบ
“…”
“ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมต้องเป็นผม” โจวอี้ถามอย่างใจเย็น
“เพราะนามสกุลของคุณคือโจว! และคุณยังสงสัยเกี่ยวกับการทำลายล้างตระกูลโจว!” เฉิงฮ่าวเปิดใจ เลือดสีดำไหลออกจากปากของเขา เขายิ้มเศร้า ๆ แล้วพูดว่า “มาทำข้อตกลงกันไหม”
“พูดมา!”
“ผมจะบอกให้ว่าคนพวกนั้นซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่ได้โปรดช่วยชีวิตภรรยาของผมด้วย”
“พวกเขาเป็นใคร?”
“นิกายดอกบัวขาว”
โจวอี้ดูประหลาดใจเมื่อได้ยินชื่อนั้น
ไม่ใช่นิกายที่ซ่อนอยู่?
เป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้เฉิงฮ่าวกำลังบอกว่าเรื่องที่ตระกูลโจวถูกกำจัดเป็นเรื่องเท็จ?
“นิกายดอกบัวขาวเป็นนิกายรองของนิกายเร้นลับ และอาจารย์ของผมเป็นผู้อาวุโสของนิกายดอกบัวขาว เขาทรยศต่อนิกายและถูกสังหารด้วยเหตุผลบางอย่าง ขณะที่ผมอยู่ภายใต้การควบคุมของนิกายดอกบัวขาว หลายปีมานี้ผมใช้สถานะการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทำสิ่งที่มองไม่เห็นมากมายเพื่อพวกเขาอย่างลับ ๆ” เฉิงฮ่าวหัวเราะเยาะตัวเอง
เมื่อใครสักคนกำลังจะตาย คำพูดที่ออกมามักจะเป็นความจริงเสมอ
เขารู้ว่าวันนี้เป็นจุดจบของเขา แต่เขาไม่ได้เกลียดโจวอี้
ทันทีที่เขาตัดสินใจทรยศโจวอี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็รู้ว่าหากโจวอี้ไม่ตาย มันก็ต้องเป็นเขาที่ต้องตาย
“คำถามสุดท้าย คุณจะได้ประโยชน์อะไร” โจวอี้ถาม
“เคล็ดวิชาของนิกายดอกบัวขาวนั้นพิเศษมาก ทุก ๆ สามปี ผู้ฝึกฝนต้องใช้ยาที่เรียกว่า ‘ยาชีวิตย้อนกลับ’ เพื่อรักษาชีวิตไว้ ไม่เช่นนั้นผู้ฝึกจะต้านกระแสลมปราณไม่ไหวและตายเพราะเส้นลมปราณระเบิด การสร้างผลงานให้นิกายเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์รับยานี้ไปได้” เฉิงฮ่าวกล่าวด้วยรอยยิ้มเศร้า
“น่าเสียดายจริง ๆ…”
โจวอี้มองไปที่เฉิงฮ่าวอย่างสมเพชและส่ายหัวเบา ๆ
เขาเคยได้ยินอาจารย์ฉานซินพูดถึง ‘ยาชีวิตย้อนกลับ’ ว่ามีผู้ฝึกตนสายมารต้องการยาชนิดนี้เพื่อรักษาความยั่งยืนของอายุขัย
อันที่จริงเขาได้เรียนรู้วิธีการกลั่นยาชนิดนี้มาด้วยซ้ำจากชายชราฉานซิน การใช้ยานี้แค่เพียงหนึ่งโดสก็สามารถแก้ปัญหาอันตรายของผู้ฝึกตนสายมารได้
“เสียดายอะไร?” เฉิงฮ่าวถาม
โจวอี้ส่ายหัว เขามองไปยังเฉียงจื่อที่อยู่ข้าง ๆ และพูดว่า “พาเขาไป! ถ้าเขาตายที่นี่มันจะเป็นปัญหากับผมได้!”
เฉียงจื่อคุกเข่าลงต่อหน้าโจวอี้และพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “คุณโจว ได้โปรดไว้ชีวิตเจ้านายของผมด้วย! ถ้าคุณไม่พอใจ ผมขอตายแทนเจ้านายของผมได้ไหม!”
โจวอี้มองไปที่เฉียงจื่อ จากนั้นก็มองไปที่เฉิงฮ่าว และทันใดนั้นก็ปรบมือและหัวเราะเย้ยหยันออกมา
“ไม่เลว! ก่อนหน้านี้มีคนเต็มใจที่จะตายเพื่อคุณ และตอนนี้ก็ยังมีคนเต็มใจที่จะแลกเปลี่ยนชีวิตเพื่อช่วยคุณอีก ดูเหมือนว่านอกจากความสามารถในการทรยศสหายตัวเองแล้ว คุณก็ยังมีวิธีครอบงำจิตใจคนได้อย่างดีเยี่ยมเลยด้วย”
“ผมเสียใจจริง ๆ!” เฉิงฮ่าวส่ายหัวเล็กน้อยและเดินเข้าไปหาเฉียงจื่อ เขาเอื้อมมือไปตบไหล่ลูกน้องตัวเองแล้วเข้าไปนั่งในรถ “ไปเถอะ เฉียงจื่อ!”
“เจ้านาย…” เฉียงจื่อดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขามองโจวอี้อย่างลึกซึ้ง ก่อนจะลุกไปสตาร์ตรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
โจวอี้มองดูรถออฟโร้ดสีดำหายไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
เขาปฏิบัติต่อเฉิงฮ่าวด้วยไมตรี แต่อีกฝ่ายกลับต้องการทำร้ายเขา
เขาจำคำพูดของหญิงชุดขาวคนนั้นได้
‘อย่าไว้ใจใครนอกจากสาวกของสำนักโอสถ’
ตัวตนของเธอคือใครกันแน่?
โจวอี้พ่นบุหรี่ออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะโยนก้นบุหรี่ลงพื้น
เขาโกหกเฉิงฮ่าว
แท้จริงแล้วเขาไม่เก่งเรื่องการปรุงยาพิษ และไม่ได้วางยาพิษเฉิงฮ่าวด้วย
แต่ความตายของเฉิงฮ่าวนั้นขึ้นอยู่กับทางเลือกของเจ้าตัวต่างหาก