หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 143 ลอบโจมตีที่ภูเขาอวิ๋น
บทที่ 143 ลอบโจมตีที่ภูเขาอวิ๋น
บทที่ 143 ลอบโจมตีที่ภูเขาอวิ๋น
เฉิงฮ่าวซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังของรถออฟโร้ดรู้สึกว่าอาการตัวเองกำลังแย่ลง เขาคิดว่ามันคงเป็นผลมาจากพิษในร่างกาย
“เฉียงจื่อนายเสียใจไหม?”
“ผมไม่เสียใจเลย เจ้านายให้หลายสิ่งหลายอย่างกับเรามามาก ที่ผ่านมาผมอยู่มาได้นานถึงขนาดนี้นับว่าโชคดีแล้ว” เฉียงจื่อยิ้ม
“จริง ๆ แล้วฉันเสียใจ” เฉิงฮ่าวยิ้มอย่างขมขื่น
“คุณเสียใจเรื่องอะไร”
“ฉันเสียใจที่ทรยศเขา มันไม่คุ้มเลยกับการแลกเวลาที่จะอยู่ต่อได้อีกสามปี ไม่สิ ต่อให้สามสิบปีก็ไม่คุ้ม” เฉิงฮ่าวมองออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูขมขื่นมากขึ้น
เฉียงจื่อเงียบ อันที่จริงเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกันเมื่อนึกถึงภาพที่โจวอี้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเจ้านายของเขา
จะมีคนที่ไว้ใจได้สักกี่คนในชีวิต?
และคุณโจวก็เป็นคนที่น่าเชื่อถือ
น่าเสียดาย…
เฉิงฮ่าวมองฉากทิวทัศน์ที่คุ้นเคยนอกหน้าต่างและรู้ว่าเขาใกล้จะถึงบ้านแล้ว ในไม่ช้าเขาจะได้พบกับภรรยาของเขา
ทันใดนั้น เขาก็ถามเฉียงจื่อว่า “นายไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลยเหรอ?”
“ไม่เลย ผมรู้สึกปกติ” เฉียงจื่อตอบ
ปกติ?
ไม่ใช่ว่าโจวอี้เก่งเรื่อง…
เดี๋ยวก่อน!
โจวอี้ไม่ได้วางยาพิษเฉียงจื่อเหรอ?
ถ้าโจวอี้ต้องการฆ่าพวกเขา เขาก็ต้องฆ่าเฉียงจื่อด้วยไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมเฉียงจื่อถึงยังไม่เป็นอะไร?
หัวใจของเฉิงฮ่าวสั่นไหวขึ้นมา จากนั้นเขาก็หยิบยาแก้พิษออกมาเทใส่ปาก
ไม่กี่นาทีต่อมา ยานั้นก็วิ่งไปทั่วร่างกายที่อ่อนแอของเขาและค่อย ๆ ฟื้นฟูพละกำลัง แม้แต่อาการโลกหมุนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ทุเลาลงมาก
ขณะนี้เฉิงฮ่าวรู้สึกอึดอัด
“เฉียงจื่อ ไม่ต้องกลับบ้านแล้ว ไปที่เผิงเฉิงทางเหนือของมณฑลเจียงซู”
“เจ้านาย…”
“อย่ากังวล ฉันยังไม่ตายเร็ว ๆ นี้หรอก” เฉิงฮ่าวพูดขณะมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งด้วยสายตาซับซ้อน
บ่ายสองโมง
บนฝั่งของทะเลสาบอวิ๋นหูในเมืองเผิงเฉิง เวลานี้มีร่างสองร่างยืนตัวตรงและมองดูทะเลสาบอย่างเงียบ ๆ ราวกับรูปปั้นที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบ
กระทั่งมีใครอีกคนเพิ่งมาถึง
“รายงานผู้อาวุโสทั้งสอง พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว” ชายวัยกลางคนในชุดสูทกล่าวด้วยความเคารพ
“บอกชุยหู่ให้พาพวกเขาไปที่ภูเขาอวิ๋น” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าว
“รับทราบ!” ชายวัยกลางคนหันหลังและจากไปทันที
ไป่เยว่ถิงค่อย ๆ หันไปมองเกาอู๋ผู้เป็นพี่ชายของเขาและพูดว่า “พี่สาม ก่อนที่จะฆ่าเขา ฉันต้องการสูตรลับของยา”
“ไม่มีปัญหา” เกาอู๋พูดอย่างใจเย็น
“พี่คิดว่าเขาเป็นคนตระกูลโจวจริง ๆ เหรอ?” ไป่เยว่ถิงถามต่อ
“ในสมัยนั้น มีสมาชิกครอบครัวโจวมากกว่าร้อยคน หกคนในนั้นหนีรอดไปได้ ในบรรดาเด็กสามคนที่รอดไปมีคนที่อายุใกล้เคียงกับเขา ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้มาก” เกาอู๋กล่าว
“แต่ฉันไม่คิดว่ามันเป็นไปได้ ถ้าเขาเป็นตระกูลโจวจริง ๆ เขาจะยังกล้าใช้แซ่ ‘โจว’ ได้ยังไง เขาไม่กลัวเราตามล่าเขาเหรอ?” ไป่เยว่ถิงสับสน
“สิ่งที่นายพูดนั้นสมเหตุสมผล แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว คนเหล่านั้นออกคำสั่งมาแล้วว่าต่อให้ต้องฆ่าคนบริสุทธิ์ร้อยคนก็ดีกว่าให้เสี้ยนหนามหลุดรอดไปสักคน เขาจะใช่คนที่เราตามหาหรือไม่ หลังจากนี้เราจะได้รู้เองถ้าเห็นว่าที่แขนของเขามีรอยปานดาวหกแฉก” เกาอู๋กล่าว
“ถ้างั้นไปที่นั่นกันเถอะ! เฉิงฮ่าวส่งข่าวมาว่าอีกฝ่ายอยู่ในสภาพสมบูรณ์เชียว ฉันเกรงว่าคนพวกนั้นจะฆ่าเขาไม่ได้”
“เอาเลย! ทางเข้าของโลกตงเทียนกำลังจะปิดลง ฉันเองก็อยากจะดูว่าผู้หญิงบ้านั่นจะรอดออกมาได้ไหม”
“อืม!” ไป่เยว่ถิงตอบรับ และทันใดนั้น เขาก็วิ่งไปที่ภูเขาอวิ๋นที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่พวกเขายืนอยู่
ฝั่งตรงข้าม
โจวอี้ถือไม้เท้าหัวมังกรและมองเฉิงฮ่าวซึ่งดูซีดเซียว ชายหนุ่มถามอีกฝ่ายว่า “คุณต้องการแบบนี้จริง ๆ เหรอ จะทิ้งเวลาที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปจริง ๆ แน่เหรอ?”
“ผมคิดดีแล้ว” เฉิงฮ่าวหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาแล้วโยนลงทะเลสาบอวิ๋นหู ก่อนจะพูดอย่างขมขื่นว่า “ผมอยู่ใต้การควบคุมของพวกเขามาหลายปีแล้ว ผมพอแล้ว ในเมื่อผมสามารถยืมมือคุณเพื่อล้างแค้นให้อาจารย์ได้ ต่อให้ผมจะสามารถอยู่ได้อีกแค่สองสามปี มันก็คุ้มค่าแล้ว”
“ฮ่าฮ่า!” โจวอี้หัวเราะเย้ยหยัน
เฉิงฮ่าวสัญญาว่าจะช่วยเขาแก้ปัญหาการซุ่มโจมตีของนิกายบัวขาว แม้ว่าเขาจะค่อนข้างแปลกใจ แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้
แต่แน่นอนโจวอี้ไม่เชื่อใจเฉิงฮ่าวอีกต่อไป
หากเฉิงฮ่าวและเฉียงจื่อซ่อนเจตนาร้ายไว้ เขาจะสังหารทั้งคู่ให้ตายทันที
ครู่ต่อมา โจวอี้ก็หายตัวไปที่ริมทะเลสาบ
และไม่กี่นาทีต่อมา ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงก็วิ่งเข้ามา เขามองไปที่เฉิงฮ่าวและเฉียงจื่อแล้วถามว่า “มีแค่คุณสองคนเท่านั้นเหรอ”
“ใช่” เฉิงฮ่าวพยักหน้า
“นามสกุลของเขาคือโจว?” ชุยหู่ชี้ไปที่เฉียงจื่อ
“ใช่”
“มากับฉัน!”
ชุยหู่หันหลังและมุ่งหน้าไปที่ภูเขาอวิ๋นทันที
ในมุมที่เงียบสงบห่างไกลออกไป โจวอี้เฝ้าดูสามคนอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งเงาของพวกเขาหายเข้าไปที่เชิงเขาอวิ๋น เขาจึงติดตามทั้งสามไปอย่างเงียบ ๆ
เวลานี้โจวอี้ปรากฏตัวล่วงหน้าก่อนคนทั้งสาม
เขามีประสบการณ์มากมายในการล่าสัตว์ในภูเขาและในป่า ดังนั้นไม่มีอะไรสามารถหลบหนีไปจากการรับรู้ของเขาได้
ส่วนบริเวณห่างออกไปด้านหน้าราว 20 เมตร มีใครบางคนคอยซุ่มอยู่ที่นั่น
โจวอี้ค่อย ๆ ดึงมีดที่เขาได้รับมาจากเฉิงฮ่าวออกมา และย่องอ้อมไปยังจุดที่มีคนซุ่มอยู่ จากนั้นเขาก็หยิบก้อนหินขึ้นมาและเขวี้ยงไปที่ต้นไม้ใกล้ ๆ ชายวัยกลางคนที่นั่งซุ่มอยู่ในพุ่มไม้
ตุ้บ!
เสียงหินกระทบต้นไม้ทำให้ชายวัยกลางคนที่ซุ่มอยู่ถึงกับตกใจ
ร่างของโจวอี้พุ่งเข้าหาอีกฝ่ายทันที เท้าของเขาเหยียบลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา เสียงนั้นถูกบดบังด้วยเสียงหินกระทบต้นไม้ที่เพิ่งเกิดขึ้น
เมื่อชายวัยกลางคนหันมองไปทางซ้าย ร่างของโจวอี้ก็ปรากฏขึ้นข้างหลัง ก่อนจะเอื้อมมือปิดปากและแทงมีดเข้าที่ลำคอของอีกฝ่าย
หยดเลือดสาดกระเซ็น
ชายวัยกลางคนไม่สามารถส่งเสียงดังได้ แม้ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างหนัก แต่เขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากมือใหญ่ที่เหมือนคีมคีบเหล็กได้
โจวอี้แทงเข้าที่หัวใจของอีกฝ่ายอยู่หลายครั้ง เมื่อร่างกายของอีกฝ่ายหยุดนิ่งแล้ว เขาจึงค่อย ๆ วางร่างของอีกฝ่ายและมองขึ้นไปบนภูเขาอย่างระมัดระวัง
เหนือไปทางซ้ายมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร มีใครอีกคนซ่อนตัวอยู่
จากนั้นโจวอี้ก็ปฏิบัติเช่นเดิม เขาสังหารชายคนนั้นด้วยการลอบโจมตีอย่างเงียบ ๆ
ที่วัดบนยอดเขา
ไป่เยว่ถิงนั่งอยู่ในห้องโถง มีชายวัยกลางคนสองคนในชุดสูทยืนประกบข้างเพื่อคุ้มกัน
“คนอยู่ที่ไหน?”
ไป่เยว่ถิงเห็นชุยหู่เดินเข้ามา คนหนึ่งคือเฉิงฮ่าวและอีกคนคือเฉียงจื่อซึ่งเป็นคนสนิทของเฉิงฮ่าว เขาเคยเห็นคนคนนี้มาก่อน
แต่ชายหนุ่มแซ่โจวอยู่ที่ไหน?
“มีบางอย่างผิดปกติ พวกนายรอที่นี่ก่อน” ไป่เยว่ถิงเอ่ยขึ้นและมุ่งตรงไปหาเฉิงฮ่าว
“พี่ไป่” เมื่อเฉิงฮ่าวเห็นไป่เยว่ถิง เขาก็เอ่ยด้วยความเคารพทันที
“แล้วชายหนุ่มที่ชื่อโจวล่ะ?” ดวงตาที่ดุร้ายของไป่เยว่ถิงจับจ้องเฉิงฮ่าวขณะที่น้ำเสียงของเขาก็ฟังดูเย็นชา
“เขา…”
“ฮะ? แล้วที่พามาด้วยนี่ไม่ใช่คนแซ่โจวเหรอ?” ชุยหู่ขัดจังหวะเฉิงฮ่าว และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาชักดาบพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวออกมาเล็งไปที่เฉิงฮ่าว
“ไม่ใช่” เฉิงฮ่าวยิ้มและมองไปที่ชุยหู่ซึ่งกำลังโกรธ จากนั้นเขาก็มองไปที่ไป่เยว่ถิงและพูดว่า “พี่ไป่ เราถูกโจมตีที่จินหลิง เขากลัวมากจนไม่กล้ามากับผม แต่ผมต้องการที่จะได้ยาชีวิตย้อนกลับ ผมก็เลยโกหกว่าจะพาเขามา ขอโทษด้วย”
“แกกล้าโกหกฉันเหรอ ไอ้บัดซบ!” ใบหน้าของไป่เยว่ถิงแทบจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน และดาบที่บางราวกับปีกของจักจั่นก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา!