หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 154 คุณต้องการที่จะร่วมแสดงด้วยไหม
บทที่ 154 คุณต้องการที่จะร่วมแสดงด้วยไหม
บทที่ 154 คุณต้องการที่จะร่วมแสดงด้วยไหม
ภายในห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม มันประดับประดาและใช้เฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจ มีทั้งโคมไฟคริสตัลที่กำลังแผ่แสงนุ่มนวลออกมา ส่วนการจัดวางต้นไม้ก็มีความประณีต ทำให้กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกไม้ไม่มากไปหรือน้อยเกินไป
เฉินอันฉีเดินตามพวกเขามาอย่างเหม่อลอยราวกับตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เนื่องจากจุดประสงค์การมาในครั้งนี้คือการส่งยาให้กับโจวอี้ แต่เธอดันจับพลัดจับผลูได้มาร่วมงานกินเลี้ยงกับผู้กำกับละครและดาราดังอย่างกะทันหัน!
ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนี้ ล้วนเป็นเพราะ… โจวอี้
ชายผู้นี้ราวกับมีมนต์ขลังบางอย่าง
ตั้งแต่ที่เธอพบกับโจวอี้ในโรงเรียนสอนขับรถ ชีวิตเธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป
และวันนี้เธอก็ได้พบกับโจวอี้อีกครั้ง และนำไปสู่การได้พบปะกับผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และดาราชายและหญิงชั้นนำ
ทันใดนั้นเธอก็มีความคิดที่ไร้สาระบางอย่างขึ้นมาในหัวว่า เธอจะเป็นยังไงต่อไปถ้าหากมีโจวอี้อยู่ข้าง ๆ?
“หมอโจวและเสี่ยวเฉิน มา ๆ พวกคุณมานั่งที่ตรงนี้มา” เกาชงชักชวนอย่างอบอุ่น
“ตกลง!” โจวอี้และเฉินอันฉีนั่งลงอย่างว่าง่าย
เกาชงไม่รอช้า เขาสั่งชุดเซ็ต A ของโรงแรม และสั่งไวน์ราคาแพงมาสองขวด จากนั้นก็หันไปคุยกับถังจี้โจวและโจวอี้อย่างออกรส
เมื่ออาหารและไวน์มาถึง ขณะที่เฉินอันฉีกำลังจะร้องห้ามไม่ให้โจวอี้ดื่ม แต่เขากลับทำตัวดื้อดึงไม่ยอมฟัง
การสนทนาของพวกเขาทำให้หลี่เป่าเอ๋อร์ที่มักเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูดขำออกมาอย่างอดไม่ได้
“ปกติแล้วหมอโจวชอบดูละครทีวีหรือเปล่า?” ถังจี้โจวถามด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือละครทีวี พวกมันก็เป็นดั่งหน้าต่างให้ผมได้เข้าใจโลกภายนอกมากขึ้น” โจวอี้ยิ้ม
“รู้จักโลกภายนอก? หมายความว่ายังไง?” ถังจี้โจวถามอย่างสงสัย
“บอกตามตรงว่าผมเพิ่งมาถึงจินหลิงได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ผมอาศัยอยู่ในภูเขาและป่าลึก หากให้พูดแบบง่าย ๆ ก็คือผมเป็นเหมือนกับคนหลังเขาที่อยู่ในป่าห่างไกลความเจริญ”
“ฮะ?” ทุกคนมองหน้ากัน และแม้แต่เฉินอันฉีก็ยังประหลาดใจ
“นั่นไง! ผมว่าแล้วว่าพวกคุณจะต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้” โจวอี้พูดพลางหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า เขายื่นมันให้กับชายทั้งสามคนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมเคยอาศัยอยู่ที่เขาชางหลาง ใกล้กับภูเขาเมิ่งหลาน ผมจึงได้มีโอกาสเรียนรู้วิชาการแพทย์แผนจีนจากอาจารย์ และนอกเหนือจากการดูทีวีแล้ว กิจกรรมของผมก็มีเพียงการจัดการกับพวกเสือ เสือดาว และหมาป่า”
“คุณเคยเห็นเสือ เสือดาว และหมาป่าตัวเป็น ๆ งั้นเหรอ?” เกาชงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ไม่เพียงเห็น แต่ผมยังฆ่ามันและกินมันด้วย!”
“จริงเหรอ? คุณสามารถเอาชนะสัตว์ป่าพวกนั้นได้?” หลี่เป่าเอ๋อร์ตั้งคำถาม
“ชาวเขาอย่างเรา ๆ มักถูกเรียกอีกอย่างว่านักล่า และแม้ว่าผมจะรู้ดี ว่าสัตว์หลายชนิดถือเป็นสัตว์คุ้มครอง แต่ในพื้นที่ห่างไกลแบบนั้น… มันก็ถือเป็นเรื่องปกติที่นักล่าจะล่าและกินสัตว์ป่าพวกนั้น” โจวอี้อธิบาย
เมื่อได้ยินแบบนี้ ถังจี้โจวก็คล้ายกับจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในตัวอีกฝ่าย
สำหรับถังจี้โจวที่อยู่มาจนถึงอายุ 40 กว่าปี เขาย่อมมีประสบการณ์ในชีวิตมากมาย และเนื่องจากสายอาชีพที่ทำ เขาจึงพลอยได้ความสามารถในการมองคนมาด้วย และตั้งแต่ได้พบกับโจวอี้ เขาก็รู้สึกว่าคำพูดและพฤติกรรมของโจวอี้นั้นไม่เหมือนพวกบ้านนอกที่ไม่เคยเห็นโลก
เขาคิดว่าโจวอี้คนนี้พิเศษมาก ราวกับว่าเป็นคนเมืองยิ่งกว่าคนเมืองอย่างพวกเขาเสียอีก!
คนอื่น ๆ เองก็มีความรู้สึกเหมือนถังจี้โจวเช่นกัน
“หมอโจว ทักษะทางการแพทย์ของคุณเก่งกาจมาก ผมจึงสงสัยขึ้นมาว่าอาจารย์ของคุณก็เก่งขนาดนี้เช่นกันเหรอ?” จู่ ๆ เกาชงก็ถามขึ้น
“แน่นอน อันที่จริงความสำเร็จของอาจารย์ในเชิงแพทย์แผนจีนดีกว่าผมเสียอีก เพราะผมไม่เคยเห็นโรคใด ๆ ที่อาจารย์ของผมรักษาไม่ได้!” โจวอี้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“นี่มันสุดยอดมากจริง ๆ ขอทราบชื่อเสียงเรียงนามของอาจารย์คุณในวงการแพทย์แผนจีนได้ไหม?”
“คงไม่ได้ เพราะอาจารย์บอกว่าห้ามบอกใครเด็ดขาด จนกว่าผมจะเป็นหมอผีเต็มตัวแบบเธอ” โจวอี้ยิ้ม
“เดี๋ยวก่อนนะ งั้นอาจารย์ของคุณก็เป็นหมอผีเหรอ” แววตาของเกาชงสว่างวาบขึ้น
“ใช่” โจวอี้พยักหน้า
ในขณะที่ทั้งสองคนคุยกัน แววตาของถังจี้โจวและจินหมิงก็สว่างวาบขึ้นเช่นกัน เพราะแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้เรื่องการแพทย์แผนจีนมากนัก แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าตำแหน่งหมอผีในสาขาการแพทย์แผนจีนนั้นเก่งกาจขนาดไหน ด้วยตำแหน่งนี้ ถือได้ว่ามีแค่เพียงคนที่เก่งกาจอย่างยิ่ง จนถึงขนาดถูกนับว่าเป็นปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนเท่านั้น!
“หมอผีคืออะไร” หลี่เป่าเอ๋อร์ถามอย่างสงสัย
“คือชื่อตำแหน่งระดับสูงจากการแบ่งระดับขั้นของแพทย์แผนจีน” เกาชงมองไปที่โจวอี้ จากนั้นเขาก็อธิบายรายละเอียด “แพทย์จีนมีห้าระดับ จากต่ำไปสูงก็คือ แพทย์ฝึกหัด แพทย์แผนจีน แพทย์หมิง หมอผี และหมอมหัศจรรย์ ซึ่งว่ากันว่าร้อยปีจึงจะมีหมอมหัศจรรย์สักคนหนึ่ง ส่วนระดับที่ลดหลั่นลงมาก็มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ว่ากันว่ามีหมอผีเพียงไม่กี่คนในจีนเท่านั้น ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลากรแถวหน้าของวงการแพทย์!”
“เก่งขนาดนั้นเลย?” หลี่เป่าเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจ เธออายุแค่ยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดเท่านั้น และก็แทบไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนเลย ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้ เธอก็แอบตกใจเล็กน้อย
“แน่นอนว่าภูมิปัญญาทางการแพทย์ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเรานั้นไม่ด้อยไปกว่าการแพทย์แผนตะวันตกเลย แถมยังดีกว่าในหลาย ๆ ด้านด้วย” เกาชงกล่าวอย่างจริงจัง
“การแพทย์แผนจีนรักษามะเร็งได้ไหม?” หลี่เป่าเอ๋อร์ถามด้วยความสงสัย
“…”
คำถามนี้ทำให้เกาชงและถังจี้โจวมองหน้ากันอย่างจนปัญญา
โจวอี้จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าหมอผีสามารถหาสมุนไพรที่ใช้รักษาเจอ เขาคนนั้นก็ย่อมสามารถรักษามะเร็งได้ แม้ว่าผู้ป่วยจะเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายก็ตาม”
“สมุนไพร?” หลี่เป่าเอ๋อร์ไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่ ขอแค่มีบัวหิมะพันปี หญ้าเย็นแห่งโลกใต้พิภพเหนือ ดอกไม้มรณะ รากพรหม…” โจวอี้พูดชื่อของสมุนไพรที่ต้องการออกมาอย่างสบาย ๆ
“ฉันเคยได้ยินแต่ดอกบัวหิมะพันปี” หลี่เป่าเอ๋อร์หัวเราะ
ส่วนเกาชงและถังจี้โจวก็พากันพยักหน้าน้อย ๆ เพื่อเป็นการบอกว่าพวกเขาเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรพวกนี้เช่นกัน
โจวอี้ที่เห็นดังนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “นั่นคือเหตุผลที่ผมบอกว่าสมุนไพรพวกนั้นมีความพิเศษมาก เพราะมันหาได้ยาก จนแม้แต่ปรมาจารย์ด้านการแพทย์แผนจีนทุกคนก็ใช่ว่าจะแสวงหาได้ในช่วงชีวิตเดียว”
เพราะกลัวว่าคนที่เหลือจะงุงงงไปมากกว่านี้ โจวอี้จึงเปลี่ยนเรื่องคุย เขาหันไปถามถังจี้โจวว่า
“ผู้กำกับถัง ผมได้ยินจากเฉินอันฉีว่าละครทีวีที่คุณจะถ่ายทำในครั้งนี้เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้งั้นหรือ?”
“ถูกต้อง” ถังจี้โจวตอบพลางหัวเราะ
“งั้นหลังจากที่คุณเริ่มถ่ายทำ ผมขอไปดูในกองถ่ายได้ไหม พูดตามตรง ผมเคยดูละครทางโทรทัศน์มาก็เยอะ แต่ผมไม่เคยไปที่กองถ่ายเพื่อดูว่าพวกเขาแสดงกันยังไง!”
“ตกลง! แต่ว่าคุณต้องการที่จะร่วมแสดงด้วยไหมล่ะ” ถังจี้โจวถามด้วยรอยยิ้ม
“คงไม่ไหวหรอก! ผมแสดงไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่” โจวอี้ส่ายหัวปฏิเสธ
“หมอโจว ความจริงแล้วรูปร่างหน้าตาคุณดีมาก ดังนั้นแค่แต่งหน้านิดหน่อย คุณก็คงสามารถเล่นบทตัวประกอบได้แล้วล่ะ” ถังจี้โจวกล่าว
“ฮ่า ฮ่า คุณถัง คุณคิดว่ารูปร่างหน้าตาและภาพลักษณ์ของผมดีงั้นเหรอ? งั้นคนแบบผมเนี่ยก็ควรแสร้งเป็นคนบื้อแล้วหาผู้หญิงสักคนให้คอยเลี้ยงดู แบบนั้นไม่ดีกว่าเหรอ? ฮ่า ๆ” โจวอี้หัวเราะ
“ฮ่า ฮ่า หมอโจวตลกจัง” ทุกคนยิ้ม
“หมอโจว ฉันค่อนข้างรวยนะ ถ้าไม่ว่าอะไร คุณจะมาเป็นคนบื้อของฉันก็ได้นะ” หลี่เป่าเอ๋อร์พูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี