หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 157 เราเลิกกัน
บทที่ 157 เราเลิกกัน
บทที่ 157 เราเลิกกัน
หลี่เฉิงกุ้ยรู้สึกอับอายเพราะการแสดงออกแย่ ๆ ของหลานชาย เมื่อเทียบกับหมอโจวแล้วมันเทียบกันไม่ได้เลยสักนิด
หลังดื่ม!
หลี่เฉิงกุ้ยก็กลับไปด้วยความลำบากใจ หลี่ลี่เฟิงและหม่าเซียวลี่ก็กลับไปด้วยเช่นกัน
ถังจี้โจวและคนอื่น ๆ พบว่ามันน่าสนใจ หลังจากที่หลี่เฉิงกุ้ยออกไป ถังจี้โจวก็มองไปที่โจวอี้อย่างมีความสุขและถามว่า “น้องโจว คุณรู้จักพวกเขาเหรอ?”
“เคยเจอกันครั้งหนึ่งครับ” โจวอี้ยิ้ม
“คนหนุ่มสาวอย่างพวกนายนี่มีพลังล้นเหลือกันจริง ๆ!”
“พี่ถังล้อผมเล่นแล้ว คนหนุ่มสาวที่ดีต้องรู้จักควบคุมตนเอง พวกเขาปล่อยให้อารมณ์โกรธครอบงำง่ายขนาดนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ดี!” โจวอี้ส่ายหัว
ถังจี้โจวยิ้ม
เจ้าหนุ่มคนนี้น่าสนใจมาก
เกาชงและจินหมิงเองก็หัวเราะออกมา พวกเขาชื่นชมโจวอี้มากขึ้น
“โจวอี้ คุณเป็นหมอ คุณรู้เรื่องการรักษาสุขภาพมากไหม” หลี่เป่าเอ๋อร์ถาม
“ผมอาจไม่กล้าอวดเรื่องอื่น แต่ในเรื่องการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ผมสามารถบอกได้ว่ามีแพทย์จีนไม่กี่คนหรอกที่เก่งกว่าผม” โจวอี้กล่าวอย่างมั่นใจ
“จริงเหรอ? พ่อของฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ และเขาเคยออกรายการทีวีด้วย”
“ถ้างั้นลองถามพ่อของคุณดูก็ได้ว่ามีใครที่มีพลังมากกว่าศิษย์สำนักโอสถในด้านการรักษาสุขภาพ อ้อ ลืมบอกไปว่าผมมีอาจารย์ชื่อฉู่เทียนฮุ่ยแห่งสำนักโอสถ”
“คุณมีอาจารย์ด้วยเหรอ” หลี่เป่าเอ๋อร์ตกตะลึง จากนั้นก็พยักหน้าและพูดว่า “อืม…ฉันจำได้ว่าพ่อของฉันเคยบอกว่าแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับการสืบทอดทางการแพทย์ และจะยอมรับศิษย์ที่คู่ควรเท่านั้น”
เธอไม่ได้โทรไปถาม เพราะเมื่อเห็นโจวอี้กล้าที่จะพูดอย่างเต็มเสียงขนาดนี้ เธอจึงไม่คิดว่าโจวอี้กำลังโม้
ด้านนอกโรงแรมเฉิงถัง
หลี่เฉิงกุ้ยเดินออกมาด้วยสีหน้ามืดมน และไม่พูดอะไรจนกระทั่งเขาเดินไปถึงรถที่จอดอยู่ริมถนน จากนั้นเขาก็หันกลับมามองที่หม่าเสี่ยวลี่ ก่อนจะดุหลานชายของเขาว่า “บอกฉันทีว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นกับนายวันนี้?”
“ลุง! เฉินอันฉีน่ารังเกียจมาก เธอแสร้งบอกว่าไม่ไปกับเรา แต่จริง ๆ กลับแอบเล่นเล่ห์เหลี่ยมและไปเข้าร่วมกินดื่มกับถังจี้โจวอย่างไร้ยางอาย…” หลี่ลี่เฟิงโต้กลับ
“หุบปาก!” หลี่เฉิงกุ้ยโกรธขึ้นมาทันที “วงการบันเทิงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยการใช้เส้นสาย และผู้กำกับคือกุญแจสำคัญในการตัดสินว่านักแสดงจะได้รับความนิยมหรือไม่ หากต้องการได้ดีในวงการบันเทิง นายต้องฉลาดในการเข้าหาคน ใส่ใจในคำพูดและการกระทำตลอดเวลา ไม่สร้างผลกระทบในทางที่ไม่ดีอย่างโง่เง่า!”
“ผม…”
“ยิ่งไปกว่านั้น นายคิดบ้าอะไรอยู่? มันคงยังพอแก้ไขได้หากนายแค่ถากถางเด็กสาวคนนั้นคนเดียว แต่นายกลับแสดงท่าทางเป็นปฏิปักษ์กับชายหนุ่มแซ่โจวอย่างเปิดเผย! นายรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร? นายคิดว่าตัวเองสามารถล่วงเกินใครก็ได้งั้นเหรอ?” หลี่เฉิงกุ้ยกล่าวด้วยความโกรธ
“ทำไมผมจะล่วงเกินเขาไม่ได้ เขาเป็นแค่หมอกิ๊กก๊อกไม่สำคัญอะไรทั้งนั้น!” หลี่ลี่เฟิงเถียง
“หมอกิ๊กก๊อก? ก็แค่หมอที่มีสิทธิ์ดื่มร่วมโต๊ะกับถังจี้โจวและคนอื่น ๆ? นี่นายไม่ได้ยินที่ถังจี้โจวพูดหรือไงหลังจากที่เราเข้าไปในห้อง? เขาบอกว่าเราไม่ได้รบกวนเขาและเพื่อนที่ ๆ สนิทของเขา! คำพูดนั้นมันหมายความว่าชายหนุ่มชื่อโจวเป็นเพื่อนระดับเดียวกันของเขา! ไม่ใช่คนที่มีสถานะต่ำกว่า!”
“แล้วไง?” หลี่ลี่เฟิงถามกลับอย่างไม่ยินยอม
ทันใดนั้น หม่าเซียวลี่ก็เอ่ยขึ้นแทรกขึ้นมา “แล้วไงงั้นเหรอ? แค่โจวอี้บอกผู้กำกับถังว่าไม่ชอบนาย พรุ่งนี้นายจะถูกถอนออกจากละครทันที และเราจะต้องกลับไปจินหลิงอย่างมืดมน”
“เซียวลี่ฉลาดกว่าแกเยอะมาก!” หลี่เฉิงกุ้ยพ่นลมหายใจอย่างขุ่นเคือง
หลี่ลี่เฟิงตกตะลึง
จากนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่าถ้าโจวอี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับถังจี้โจว และถ้าโจวอี้พูดไม่ดีเกี่ยวกับตัวเขาไป เขาก็อาจสูญเสียโอกาสในการเล่นละครเรื่องนี้
“นอกจากนี้ ถังจี้โจวยังมีตำแหน่งสูงในวงการบันเทิง และรู้จักคนมากมายเพราะมีความสัมพันธ์พิเศษกับชายหนุ่มแซ่โจว ถ้าเขาต้องการรังแกนายในอนาคต ฉันเกรงว่าด้วยสถานะอย่างนายมันคงยากมากที่จะตั้งหลักในวงการบันเทิงได้ในอนาคต เข้าใจไหม” หลี่เฉิงกุ้ยกล่าวด้วยความโกรธ
“นี่…” หลี่ลี่เฟิงถึงกับสั่นสะท้าน
เขาเริ่มกลัว!
แม้ว่าเขาจะเกลียดโจวอี้และขัดใจเฉินอันฉี แต่เขาก็ไม่อยากเสียโอกาสในการมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง
“ลุงใหญ่ เราจะทำยังไงดี? ถ้าผู้ชายแซ่โจวคนนั้น…” หลี่ลี่เฟิงกังวล
“ตอนนี้นายรู้แล้วงั้นเหรอว่าจะต้องกลัวอะไร? ฉันพูดไม่ออกกับนายจริง ๆ ปกตินายฉลาดแต่ทำไมวันนี้กลับโง่เง่าได้ขนาดนี้?” หลี่เฉิงกุ้ยคำรามอย่างเย็นชา
“ลุงหลี่ เขาไม่ได้โง่ มันเป็นเพราะความหึงหวงที่ทำให้เขาหน้ามืดตามัวไปชั่วขณะ” หม่าเซียวลี่พูดขึ้น
“หึงหวง?” หลี่เฉิงกุ้ยตกตะลึง
“เขาเป็นแฟนของฉันก็จริง แต่เขาชอบเฉินอันฉี เขามักจะหึงเมื่อเห็นเฉินอันฉีอยู่กับโจวอี้” หม่าเซียวลี่แสดงสีหน้าเย้ยหยัน หลังจากที่เธอออกมาจากห้องอาหารของโรงแรมเฉิงถัง เธอก็คิดอะไรบางอย่างได้แล้ว ดังนั้นแม้จะมีหลี่เฉิงกุ้ยอยู่ด้วย เธอก็มองไปที่หลี่ลี่เฟิงและพูดว่า “ฉันไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว เราเลิกกันเถอะ!”
แค่นั้นแหละ!
เธอโค้งคำนับหลี่เฉิงกุ้ยแล้วพูดว่า “ลุงหลี่ ฉันขอโทษ”
หลี่เฉิงกุ้ยตกตะลึง เขามองไปที่หลานชายของเขา จากนั้นก็มองไปที่แผ่นหลังของหม่าเซียวลี่ซึ่งกำลังเดินจากไป ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหม่นหมองอย่างมาก
หลานชายของเขาถูกผู้หญิงคนอื่นทิ้งต่อหน้าต่อตาเขา?
คนที่หลานชายเขาชอบจริง ๆ คือเฉินอันฉี?
แต่ไม่น่าแปลกใจ!
เฉินอันฉีสวยจริง ๆ! แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังชื่นชมในใจ
แต่ช่างเถอะ เรื่องของคนหนุ่มสาวให้จัดการกันเองก็แล้วกัน!
หลี่เฉิงกุ้ยตบไหล่หลานชายและพูดว่า “จำบทเรียนนี้ไว้และใช้มันปรับปรุงตัวเอง! ในอนาคตจงฉลาดและคิดก่อนกระทำการใดทุกครั้ง”
พูดจบเขาก็ขึ้นรถและจากไป
ท่ามกลางสายลมหนาว หลี่ลี่เฟิงมองไปยังร่างที่ห่างไกลของหม่าเซียวลี่ เปลวไฟแห่งความโกรธปะทุขึ้นมาทันที เขาอยากจะฆ่าหม่าเซียวลี่ให้ตายคามือ!
เขาชอบเฉินอันฉี
แต่แล้วไงล่ะ?
หากจะเลิกรากันจริง ๆ มันต้องเป็นเขาที่เป็นฝ่ายบอกเลิก! หม่าเซียวลี่! ผู้หญิงเลวนั่นกล้าดียังไง?
งานเลี้ยงในโรงแรมเฉิงถังเลิกดึกเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว โจวอี้และเฉินอันฉี ก็มองดูคนอื่น ๆ ทยอยคนขึ้นรถ
“กินพอหรือยัง” โจวอี้หันกลับมาถาม
“ฉันอิ่มแล้ว!” เฉินอันฉีตอบ เธออิ่มจริง ๆ อาหารเย็นวันนี้อร่อยมาก บรรยากาศที่มีความสุขนั้น ทำให้เธอกินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“อิ่มแล้วไปชอปปิงกับผมต่อ!” โจวอี้ยิ้ม
“ได้!” เฉินอันฉีพยักหน้า
เธอจำได้ว่าก่อนที่ถังจี้โจวจะจากไป อีกฝ่ายถามเธอว่าเธอยังพอใจกับบทละครปัจจุบันของเธออยู่หรือไม่ และเธอก็เข้าใจอย่างคลุมเครือว่าผู้กำกับถังน่าจะอยากมอบบทใหม่ที่ดีมากกว่าเดิมให้เธอด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะโจวอี้
เนื่องจากช่วงท้ายของงานเลี้ยง โจวอี้สัญญากับคุณถังและเกาชงว่าเขาจะให้ซุปยาที่มีผลดีเยี่ยมต่อสุขภาพของพวกเขา
“โจวอี้ ฉันคิดว่าคุณคือดาวนำโชคของฉัน” จู่ ๆ เฉินอันฉีก็หัวเราะออกมา ซึ่งมันทำให้เธอยิ่งดูงดงามมากยิ่งขึ้น