หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 16 ขอทำหน้าที่พ่อและสามี
บทที่ 16 ขอทำหน้าที่พ่อและสามี
บทที่ 16 ขอทำหน้าที่พ่อและสามี
หลังจากที่โจวอี้ได้รู้จักเหม่ยหลานแล้ว เขาก็ไม่นึกดูถูกอีกฝ่ายแต่อย่างใด การที่ภรรยาของเขาไปทำงานต่างเมือง แต่ไว้ใจให้เหม่ยหลานดูแลลูกสาวของเขา ก็แสดงว่าพี่เลี้ยงคนนี้ไว้ใจได้
“พี่หลาน ผมขอเรียกคุณแบบนี้ได้ไหม?” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“ได้…”
“ผมเข้าไปนั่งข้างในได้ไหมครับ? ของเหล่านี้มีไว้สำหรับเหมียวเหมี่ยว”
“ก็ได้! ก็ได้!” เหม่ยหลานลังเลอยู่ครู่หนึ่งจนในที่สุดก็ยอมตกลง
โจวอี้ยิ้มและเดินจูงมือเข้าไปพร้อมกับลูกสาว ส่วนอีกมือหนึ่งถือกรงนกแก้วไว้
เหม่ยหลานมองไปที่ด้านหลังของโจวอี้ เธอหยิบกระเป๋าเป้สะพายหลังขึ้นมาและตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว…
“คุณโจว ที่บ้านไม่มีรองเท้าแตะผู้ชาย คุณอยากลองรองเท้าแตะผู้หญิงคู่นี้ไหม?” เหม่ยหลานวางกระเป๋าเป้สะพายหลังไว้ที่ประตู และหยิบรองเท้าแตะสีชมพูคู่หนึ่งออกมา
มันเล็กไปหน่อย แทบจะไม่สามารถสวมใส่ได้
โจวอี้เข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ชั้นหนึ่ง และมองดูการตกแต่งอันหรูหรา เขาถามว่า “ถังหว่านทำงานที่อื่นบ่อยไหม? พี่หลานมักจะดูแลเหมียวเหมี่ยวแบบนี้เหรอ?”
“…”
เหม่ยหลานมองโจวอี้ด้วยความประหลาดใจ ไม่พูดอะไรสักคำ
เห็นได้ชัดว่าเพื่อนบ้านใหม่คนนี้รู้ว่าถังหว่านอาศัยอยู่ที่นี่ และเขาแสดงให้เห็นว่าเขาชอบเหมียวเหมี่ยวมาก ถึงกับเกลี้ยกล่อมเหมียวเหมี่ยวให้เรียกเขาว่าพ่อ ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องปกติ
เขาชอบถังหว่านงั้นเหรอ?
เขาซื้อบ้านติดกันเพื่อติดตามถังหว่าน? เขาเป็นพวกโรคจิตหรือเปล่า?
เหม่ยหลานรู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามา
เมื่อครึ่งปีที่แล้ว เธอเคยเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งมาที่นี่เพื่อขอแต่งงานกับถังหว่าน อีกฝ่ายถึงกับขับรถสปอร์ตและถือดอกกุหลาบช่อหนึ่งมาด้วย แต่ถังหว่านก็ไม่ยอมให้เขาเข้ามา
ทว่าตอนนี้ เธอได้ปล่อยให้ผู้ชายคนนี้เข้ามา ถ้าถังหว่านรู้เข้าจะเป็นอย่างไร?
“มีอะไรเหรอครับ? ผมถามคำถามผิดไปหรือเปล่า” โจวอี้สงสัย
“ใช่ คุณถังยุ่งกับงานมาก เธอมักจะทำงานที่อื่นบ่อย ๆ แต่เหมียวเหมี่ยวก็ว่านอนสอนง่าย เมื่อคุณถังไม่อยู่ เธอจะอยู่ที่บ้าน หรือไม่ก็ไปเล่นกับเพื่อนบ้านแทน” เหม่ยหลานอธิบาย
“แค่นั้นแหละ!”
โจวอี้พยักหน้า เขาวางกรงนกไว้บนโต๊ะน้ำชา ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา ปล่อยให้ลูกสาวนั่งบนตักของเขา
น่าเสียดายที่ถังเหมียวเหมี่ยวสนใจนกแก้วสองตัวนี้มากกว่า เธอแยกตัวออกจากอ้อมกอดของโจวอี้ และเอนตัวเข้าไปใกล้กรงเพื่อดูนกแก้วสองตัวด้วยความสงสัย
จากนั้นเธอก็หยิบพู่กันขึ้นมาดูอย่างสนุกสนาน
“คุณโจว คุณเข้ามาในบ้านแล้ว อีกทั้งคุณยังมีของขวัญมาให้ด้วย และตอนนี้ฉันจะไปที่ครัวเพื่อทำอาหาร…” เหม่ยหลานพูดอย่างมีมารยาท แต่ความหมายชัดเจนมาก นั่นคือ…เชิญออกไปได้แล้ว
เป็นการไล่กลาย ๆ นั่นเอง
“พี่หลาน ผมเพิ่งย้ายมาที่นี่วันนี้ แม้ว่าผมจะซื้อเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ทั้งหมดมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีของสดในครัว คุณคิดว่าผมพอที่จะทานอาหารที่นี่ได้ไหม? หรือไม่อย่างนั้นผมจะทำอาหารให้คุณเอง ” ขณะพูด โจวอี้ไม่ได้ขยับก้นของเขาเลยสักนิด
“คุณ…”
เหม่ยหลานเริ่มปวดหัว เธอไม่คิดว่าหน้าของอีกฝ่ายจะหนาขนาดนี้
แทนที่จะกลับไป แต่อีกฝ่ายกลับยืนกรานจะอยู่กินข้าวที่นี่!
เธอต้องการหยิบไม้กวาดเพื่อไล่คนคนนี้ออกไป แต่เมื่อพิจารณาว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนบ้านใหม่และยังได้นำของมาให้มากมาย ในที่สุดเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
ครู่ต่อมา…
เหม่ยหลานกลับไปที่ห้องครัว เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดเบอร์ของถังหว่าน พร้อมกับคอยดูทิศทางที่ห้องนั่งเล่นเป็นครั้งคราว
ถ้าคนแซ่โจวคิดจะทำอะไรถังเหมียวเหมี่ยว เธอจะรีบวิ่งออกไปพร้อมกับมีดในครัวเพื่อปกป้องหนูน้อยเอง
สถานีโทรทัศน์มอร์ดอร์…
ถังหว่านนั่งอยู่ในห้องรับรอง เธอสวมเสื้อผ้าสวยงามและกำลังให้ช่างแต่งหน้าแต่งหน้าให้เธออยู่
“พี่หว่าน โทรศัพท์ของคุณค่ะ” ผู้ช่วยซุนเหมิงวิ่งเหยาะ ๆ มาหา
“อืม!”
ถังหว่านรับสาย เมื่อเห็นว่าเหม่ยหลานโทรมา เธอก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา
เธอโบกมือให้ช่างแต่งหน้าหยุด จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปอีกด้านหนึ่งแล้วตอบกลับคนในสาย “พี่เหม่ย คุณโทรหาฉัน เหมียวเหมี่ยวเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“คุณถังคะ เหมียวเหมี่ยวสบายดี แต่… มีผู้ชายมาที่บ้าน เขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนบ้านใหม่ที่อยู่ติดกัน และเขาได้นำของขวัญมากมายมาให้ด้วย ตอนนี้เขากำลังเล่นกับเหมียวเหมี่ยวอยู่ในห้อง!” เหม่ยหลานกล่าวด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว
“เพื่อนบ้านใหม่? ผู้ชาย?” ถังหว่านขมวดคิ้ว
“ใช่ค่ะ เขาหน้าด้านมาก ไม่เพียงแต่เกลี้ยกล่อมให้เหมียวเหมี่ยวเรียกพ่อ แต่ยังแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจที่ฉันบอกให้เขากลับออกไป เขาอยากอยู่บ้านเพื่อทานอาหารเย็นด้วย ฉันกลัวว่าจะทะเลาะกับเพื่อนบ้านใหม่จึงไม่กล้าไล่เขาออกไปตรง ๆ” เหม่ยหลานกล่าวอย่างโกรธเคือง
เกลี้ยกล่อมเหมียวเหมี่ยวให้เรียกว่าพ่อ?
ถังหว่านตกตะลึงและถามอย่างรวดเร็ว “เขาแนะนำตัวเองหรือเปล่า คุณรู้จักชื่อเขาไหม?”
“ฉันถามแล้วค่ะ เขาบอกว่าแซ่ของเขาคือโจว และชื่อของเขาคือ…อ้อ! โจวอี้” เหม่ยหลานกล่าว
โจวอี้?
เพื่อนบ้านใหม่?
ในที่สุดถังหว่านก็เข้าใจว่าทำไมเพื่อนบ้านถึงขายบ้านของเขาทันที และสาเหตุที่ว่าทำไมโจวอี้ถึงได้ไม่ปรากฏตัวให้เห็นก่อนหน้านี้
เขาไม่ได้กลับไปที่ภูเขาชางหลาง แต่วางแผนที่จะอยู่ในเมืองจินหลิงจริง ๆ!
แต่เขามีเงินแค่สามพันหยวนไม่ใช่เหรอ? เขาเอาเงินที่ไหนมาซื้อวิลล่าข้าง ๆ? ไหนจะเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ใหม่ ๆ อีก?
ถังหว่านเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างช้า ๆ “พี่เหม่ย ส่งโทรศัพท์มือถือให้เขา ฉันจะคุยกับเขา”
“ได้ค่ะ!”
เหม่ยหลานเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
“คุณโจว คุณถังอยากคุยกับคุณค่ะ”
“ได้!”
โจวอี้รับสายและพูดว่า “เสี่ยวหว่าน ผมโจวอี้เอง!”
“ฉันชื่อถังหว่าน อย่าถือวิสาสะเรียกฉันแบบเป็นกันเองเกินไป” ถังหว่านพูดอย่างเย็นชา แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ “โจวอี้ คุณต้องการทำอะไรกันแน่? ฉันบอกคุณชัดเจนแล้วว่าลูกสาวของฉันและฉันมีชีวิตที่ดีแล้ว และฉันไม่ต้องการให้คุณมารบกวนเรา!”
“เสี่ยวหว่าน ผมไม่ได้ดูแลคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมไม่ได้ทำหน้าที่ของสามีและพ่อ มันเป็นความผิดของผมเอง ผมรู้ว่าคุณโกรธ ผมก็เลยพูดอย่างนั้นไป ผมจะไปกับคุณและดูแลคุณในอนาคต แม้ว่าตอนนี้คุณจะรับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ผมจะพิสูจน์ด้วยการกระทำของผมว่าผมจริงจัง” โจวอี้กล่าว
“นี่คุณ…!”
ถังหว่านโกรธและวางสายทันที
เมื่อโจวอี้ได้ยินเสียงวางสาย เขาก็ตกตะลึงและส่ายหัวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว
ในขณะที่เหม่ยหลานมึนงง คำพูดของโจวอี้ทำให้เธอแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
เขาเรียกคุณถังว่าเสี่ยวหว่าน?
เขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำหน้าที่ของสามีและพ่อที่ดี?
เขาขอให้เหมียวเหมี่ยวเรียกเขาว่าพ่อก่อนหน้านี้ใช่ไหม? แต่เขาไม่ได้ตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากเธอ แต่เขาเป็นพ่อที่แท้จริงของถังเหมียวเหมี่ยว!
เขาคือ…สามีของถังหว่าน?
เหม่ยหลานกลืนน้ำลายและถามอย่างระมัดระวัง “คุณโจว คุณคือ…”
กริ๊ง…!
โทรศัพท์ดังขึ้นอย่างกะทันหันขัดจังหวะเหม่ยหลาน
โจวอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าก่อนที่เขาจะพูด ก็ได้ยินเสียงของถังหว่านจากโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง
“โจวอี้ ทำไมคุณถึงโกหกฉัน คุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อบ้าน?”
“ผมไม่เคยโกหกคุณมาก่อน ตอนที่คุณถามผมว่ามีเงินเท่าไหร่ ผมมีแค่สามพันหยวนเท่านั้น” โจวอี้เหลือบมองลูกสาวของเขา และยิ้มให้เธอ จากนั้นก็อธิบายต่อ “หวงไห่เทาซื้อบ้านให้ผม เรารู้จักกันมาก่อน ตระกูลหวงเป็นหนี้อาจารย์ของผม ดังนั้นเมื่อผมลงมาจากภูเขา อาจารย์และคนในภูเขาจึงได้มอบสัญญาหนี้สินให้ผม”