หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 162 สามีภรรยา
บทที่ 162 สามีภรรยา
บทที่ 162 สามีภรรยา
โจวอี้กลับไปที่จินหลิง
ระยะเวลาในการถ่ายทำละครเรื่อง “Crossing the Jianghu” ใช้เวลาประมาณสี่เดือน และเขารู้แล้วว่าหากถังหว่านตกลงตามคำเชิญของถังจี้โจวให้มารับบทเป็นตงฟางเฉียนเฉียน ซึ่งเป็นบทนักแสดงนำหญิงลำดับสอง ถังหว่านจะต้องอยู่ถ่ายทำร่วมกับทีมงานในอีกสี่เดือนข้างหน้านี้ และจะไม่สามารถดูแลครอบครัวหรือพบหน้าลูกสาวได้
และที่สำคัญ…แผนการของเขาที่จะพิชิตใจแม่ของลูกก็จะพังทลายลงอย่างน่าสังเวช
ดังนั้นเพื่อป้องกันเรื่องนี้!
เขาต้องพยายามให้ถังหว่านปฏิเสธคำเชิญของถังจี้โจว!
ทว่า… ชัดเจนมากว่าเขาไม่มีอิทธิพลต่อถังหว่านในตอนนี้ นับประสาอะไรกับการที่จะเปลี่ยนการตัดสินใจของถังหว่านได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับอาชีพการงานของเธอ
อย่างไรก็ตาม เขาจะต้องลองโน้มน้าวใจโดยตรง หรืออาจใช้กลวิธีอ้อม ๆ
โจวอี้ยืนอยู่หน้าบ้านของเขาและมองไปที่หน้าต่างที่มืดของวิลล่าถัดไป
เขารู้สึกว่าถังหว่านทำได้ดีในช่วงสองวันที่ผ่านมาตั้งแต่เขาออกจากจินหลิง อย่างน้อยเธอก็ดูแลครอบครัว และกล่อมให้ลูกสาวเข้านอนแต่หัวค่ำ
เขากลับเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็อาบน้ำและเข้านอนทันที
ตีหนึ่ง
รถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์จอดอยู่นอกลานข้างบ้าน ถังหว่านถูกปลุกโดยผู้ช่วยซุนเหมิงและลงจากรถด้วยร่างกายที่อ่อนล้า ด้วยลมหนาวที่พัดผ่านมา ทำให้เธอหนาวมากจนต้องเอาผ้าแคชเมียร์มาพันคอ
“เสี่ยวหว่าน ลองคิดทบทวนคำเชิญของคุณถังดี ๆ แต่ไม่ว่าสุดท้ายคุณจะตัดสินใจอย่างไร ทางบริษัทของเราจะสนับสนุนคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข” เฉินอ้ายหลินออกมาจากที่นังคนขับ
“อืม ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” ถังหว่านตอบรับก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างวิลล่าถัดไปโดยไม่รู้ตัว
เอ๊ะ?
ไฟทางเดินชั้น 2 เปิดอยู่?
เขากลับมาแล้วเหรอ?
ถังหว่านกลืนน้ำลายลงและรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อย
เฉินอ้ายหลินมองตามสายตาของถังหว่านไปที่หน้าต่างวิลล่าถัดไปด้วยสายตาที่ซับซ้อน
นั่น…
ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังของถังหว่านหรือเปล่า?
คนที่ทำให้บอสใหญ่ตกใจได้ขนาดนั้นมีอิทธิพลมากเท่าไหร่กัน?
“เสี่ยวหว่าน คุณไปพักผ่อนก่อนเถอะ เราจะกลับแล้ว พรุ่งนี้เมื่อคุณตื่นแล้วก็ติดต่อฉัน แล้วเราจะกลับมารับคุณ” เฉินอ้ายหลินกล่าว
“ค่ะ” ถังหว่านตอบรับและหันกลับมามองหน้าบ้าน
เธอไม่ได้รีบเข้าไปในบ้าน แต่ยืนอยู่ที่ประตูอย่างเงียบ ๆ เฝ้าดูเฉินอ้ายหลินและซุนเหมิงขึ้นรถและจากไป จากนั้นเธอก็มองไปที่หน้าต่างชั้นสองของวิลล่าถัดไปอีกครั้ง
หิวก็ต้องทน!
เพื่อรออิ่มท้องสำหรับมื้อใหญ่ในเช้าวันพรุ่งนี้!
ถังหว่านปลอบใจตัวเอง จากนั้นจึงกลับเข้าไปในบ้านของเธอ
ภายในห้องนอนที่มืดสลัว ถังหว่านย่องไปที่ข้างเตียง ก่อนจะเอนตัวลงและมองดูท่าทางของลูกสาวที่กำลังหลับใหล ความเหน็ดเหนื่อยและสีหน้าเย็นชาทั้งหมดของเธอถูกลบออกไป และหัวใจของเธอก็เปี่ยมไปด้วยความรักอันอ่อนโยนของมารดา
เธอรู้ว่าลูกสาวของเธอเป็นเด็กที่รู้ความมาก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอยุ่งอยู่กับการทำงานและบินไปทั่วประเทศ เธอไม่ได้เจอลูกสาวเกือบครึ่งปี แต่ลูกสาวของเธอกลับไม่ร้องไห้หรืองอแง
เมื่ออายุราว ๆ หนึ่งหรือสองขวบ ลูกสาวของเธอติดตากับยายมาก และเมื่ออายุสามหรือสี่ขวบก็กลายเป็นติดพี่เลี้ยง และเพื่อนบ้าน…
ลูกสาวของเธอต้องการคนที่ดูแลเอาใจใส่จริง ๆ
โชคดีที่พ่อของถังเหมียวเหมี่ยวกลับมา
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งราวกับเหล็ก แต่เขาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรักที่พ่อมีต่อลูก เธอได้เห็นความรักที่โจวอี้มีต่อลูกสาวในช่วงเวลาที่ผ่านมา
‘เมื่อมีเขาอยู่ที่นี่แล้ว ฉันขอเวลาอีกไม่กี่ปีก่อนจะหยุดอาชีพนี้ได้ไหม?’
‘ฉันไม่ใช่นักร้องที่มีความคิดสร้างสรรค์ ถ้าฉันได้รับการผลักดันจากบริษัทตลอดเวลา อาชีพของฉันอาจจะราบรื่น แต่ในความเป็นจริง ฉันฝากความหวังไว้กับบริษัทที่ฉันเซ็นสัญญาด้วยอย่างเดียวไม่ได้’
‘จากนักร้องสู่นักแสดง จะทำให้ผู้ชมจดจำฉันได้มากขึ้น และทำให้อาชีพของฉันก้าวไกล ในอนาคต แม้ว่าฉันจะออกจากวงการบันเทิงไปแล้ว แต่ฉันก็จะมีทรัพย์สมบัติมากพอที่จะเลี้ยงดูลูกสาวของพวกเรา’
‘ช่วงไม่กี่ปีถัดจากนี้คงจะสำคัญมาก’
‘แต่ว่าถ้าฉันตกลงรับงานแสดง ฉันต้องออกจากจินหลิงไปหลายเดือน ซึ่งจะอยู่กับลูกสาวไม่ได้’
ถังหว่านคิดอย่างเงียบ ๆ ความสับสนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เช้าวันรุ่งขึ้น
ถังเหมียวเหมี่ยวรู้สึกว่าเธอถูกจับด้วยมือใหญ่คู่หนึ่ง กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้เธอรู้สึกง่วงนอน แต่เธอก็ยังพยายามลืมตาเพื่อดูว่าใครกำลังจับเธอมืออยู่
“พ่อ?”
เสียงของถังเหมียวเหมี่ยวดังขึ้นอย่างสะลึมสะลือ
“ลูกสาวที่รัก ไม่ได้เจอพ่อมาสองวันแล้ว คิดถึงพ่อหรือเปล่า?” โจวอี้จูบใบหน้าของลูกสาวและถามด้วยรอยยิ้ม
“คิดถึง! มากด้วย!” ถังเหมียวเหมี่ยวกอดคอของโจวอี้ไว้แน่น ราวกับกลัวว่าพ่อของเธอจะหายไปอีกครั้งหากเธอกอดเขาเบาเกินไป
“พ่อก็คิดถึงเหมียวเหมี่ยวมากเหมือนกัน” โจวอี้ยิ้ม
ถังหว่านซึ่งนอนหลับอยู่อีกด้านหนึ่งของเตียงใหญ่ถูกปลุกด้วยเสียงของโจวอี้และลูกสาวของเธอ เธอจึงลุกขึ้นนั่ง
หลังจากหาวแล้ว เธอก็หรี่ตามองภาพความรักที่พ่อมีต่อลูกสาว รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เย็นชาและสวยงามของเธอ
โจวอี้ลูบผมของลูกสาวเบา ๆ แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ถังหว่านซึ่งอยู่ในชุดนอนสีม่วงที่คอเว้าลึก
ผิวขาวราวกับหิมะ ร่างกายเย้ายวนชวนมอง…
อีกทั้งใบหน้าที่เรียบเนียนสวยงามของเธอพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่นในความอิดโรยนั้นก่อให้เกิดภาพอันน่าทึ่ง
“มหัศจรรย์…”
โจวอี้คิดถึงภาพความรักทั้งหมดของเขากับถังหว่านในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเผลอพูดคำนี้ออกมาโดยไม่รู้ตัว
ถังหว่านตกตะลึงเมื่อได้ยิน จากนั้นใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เธอเอื้อมมือไปคว้าหมอนข้างเธอแล้วโยนไปที่ไหล่ของโจวอี้ ก่อนจะร้องออกมาด้วยความอับอาย “ใครให้คุณเข้ามา ออกไปจากที่นี่ซะ”
“แต่งงานแล้วยังเขินอายอยู่แบบนี้ได้ยังไง?” โจวอี้กอดลูกสาวของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใครอาย ใครแต่งงานกับนาย?” ถังหว่านหน้าแดง
“คุณไงล่ะ ไม่อย่างนั้นลูกสาวของเราจะมาจากไหน?” โจวอี้ทำตัวหน้าหนา แต่เมื่อเห็นถังหว่านคว้าหมอนอีกใบ เขาก็เตรียมหลบทันที
“แม่ แม่ว่าพ่อทำไม!” ถังเหมียวเหมี่ยวเงยหน้าขึ้นและเม้มริมฝีปาก
“…”
ถังหว่านไม่ได้โยนหมอนออกไปอีก แต่มองไปที่ลูกสาวผู้น่ารักของเธอ
เธอไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
เขากลับมานานแค่ไหนกัน?
ทำไมลูกสาวของเธอเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้?
ตอนนี้เหมือนไปอยู่ข้างเดียวกับพ่อชัด ๆ!
โจวอี้รู้สึกขบขัน เขาจูบลูกสาวอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อย ๆ วางลูกสาวลงบนเตียงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่มันเช้าแล้ว ได้เวลาแต่งตัวและอาบน้ำแล้ว พ่อจะลงไปทำอาหารเช้ารอ”
“พ่อ ช่วยเหมียวเหมี่ยวแต่งตัว”
“ได้ครับลูก!”
โจวอี้มีความสุขมาก
ในที่สุดถังหว่านก็อดทนไม่ไหว เธอทุบหมอนในมือและร้องออกมาด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ “ออกไป ฉันจะแต่งตัวให้ลูกสาวของฉันเอง!”
ท้ายที่สุดโจวอี้ก็ยังไม่สามารถเพลิดเพลินกับสาวงามคนนี้ในห้องนอนได้…
เขาเรียกหาเหม่ยหลานที่กำลังทำความสะอาด ก่อนจะกลับไปที่ครัวในบ้านตัวเองและเริ่มนำอาหารไปจัดวางที่ห้องอาหารทีละจาน รอให้เหล่าสาวสวยมารับประทานอาหาร
เจ็ดโมงสี่สิบ
หลังจากที่ครอบครัวนี้รับประทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น ถังหว่านก็พูดกับโจวอี้ว่า “วันนี้คุณไปส่งลูกที่โรงเรียนกับฉันได้ไหม? ฉันมีบางอย่างอยากขอความคิดเห็นจากคุณ”
ถามความคิดเห็นงั้นเหรอ?
เป็นเรื่องนั้นรึเปล่า?
โจวอี้กะพริบตา จากนั้นก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล “ไม่มีปัญหา ไปส่งลูกของเราที่โรงเรียนด้วยกันนะ!”