หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 171 การส่งมอบยา
บทที่ 171 การส่งมอบยา
บทที่ 171 การส่งมอบยา
โจวอี้ไม่ใช่เทพบุตรอะไรขนาดนั้น เขาใจดีอย่างประมาณตน
เขาแค่รักษาคนเจ็บ ช่วยชีวิตคนใกล้ตายบางคน บริจาคเงินให้โรงพยาบาลบ้างหรือพยายามสร้างโรงเรียนหรือรับเลี้ยงเด็กเร่ร่อน เขาแค่ทำในสิ่งที่อยากทำภายใต้ขอบเขตเล็ก ๆ
ไม่ใช่เพื่อต้องการมีชื่อเสียงค้ำฟ้า แต่ก็แค่สนองมโนธรรมที่ชัดเจนของตนเอง
คื่นนี้เขากินดื่มและพูดคุยกับหวงไห่เทาอย่างมีความสุข
เวลาตีสอง คนขับรถของหวงไห่เทาพาโจวอี้กลับไปส่งที่ช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า
ใต้โคมไฟทางเดินสลัว ๆ เขาค่อย ๆ เปิดประตูห้องนอนสำหรับแขกที่ชั้นหนึ่ง และเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงท่ามกลางความมืดมิด เขายิ้มพลางมองไปที่ถังเสี่ยวถังที่กำลังหลับอยู่
อันที่จริงเขาชอบนิสัยของถังเสี่ยวถัง
เด็กชายคนนี้ไม่พูดมากแต่มีนิสัยดื้อรั้นแน่วแน่ เด็กตัวเท่านี้แต่กล้าที่จะแอบหนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยมีน้องสาวพิการอยู่บนหลัง จากนั้นก็ตระเวนไปทั่วเมืองและเลี้ยงดูน้องสาวพิการมาจนถึงตอนนี้ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเป็นคนกล้าหาญ ใจดี มีเมตตา และหวงแหน
เป็นเหล็กที่ดี แต่ต้องได้รับการขัดเกลา
โจวอี้ดึงผ้าห่มให้ถังเสี่ยวถัง ก่อนจะเดินออกไปที่ห้องข้าง ๆ เขาฟังเสียงหายใจที่สม่ำเสมอของถังเสี่ยวรุ่ยและยิ้มออกมาก่อนจะช่วยเด็กน้อยห่มผ้านวม
เมื่อเขาขึ้นไปชั้นสอง เขาไม่ได้รีบอาบน้ำ แต่เดินเข้าสู่ห้องหนังสือ
มีวัตถุดิบยาหลายชนิดที่จำเป็นในการทำยาต้มอี้เฉิน และเนื่องจากจำเป็นต้องขายในราคาสูง เขาคิดว่าคุณภาพของวัตถุดิบยาจะต้องดีกว่านี้ แม้ว่าจะส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นก็ตาม
นอกจากนี้ เขายังถือโอกาสที่จะหลอมโอสถวิเศษด้วย
ในอดีต เขาเคยประสบความสำเร็จในการหลอมถึงสามครั้ง แต่ทุกครั้งต้องใช้วัตถุดิบยาที่มีค่ามากมาย ซึ่งใช้เวลานานมากกว่าจะรวบรวมได้ครบ
แต่นี่คือเมืองจินหลิง ไม่ใช่เขาชางหลางหรือเขาเมิ่งหลาน ดังนั้นจึงไม่มีวัตถุดิบยาใดที่ไม่ต้องเสียเงิน เขาจึงจะต้องโทรหาซุนเหมาไฉนักสมุนไพรผู้นั้น เพื่อซื้อวัตถุดิบยาล้ำค่าที่เขาต้องการ
กริ๊งงง…
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นกลางดึก
โจวอี้ที่กำลังร่างรายชื่อวัตถุดิบยาที่ต้องการซื้อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและพบว่าเป็นเฉิงฮ่าวที่โทรมา
“เกิดอะไรขึ้น?” โจวอี้ถาม
“ผมเพิ่งได้ข่าวว่านิกายดอกบัวขาวถูกทำลายแล้ว และไม่มีผู้รอดชีวิตเลย”
“ใครเป็นคนทำ?”
โจวอี้สับสน เท่าที่เขารู้ มีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งหลายคนในนิกายดอกบัวขาวไม่ใช่เหรอ? กองกำลังไหนกันที่แข็งแกร่งขนาดทำลายนิกายดอกบัวขาวได้เร็วขนาดนี้?
“เป็นหลันเสวียน ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งเทือกเขาเมิ่งหลาน” เฉิงฮ่าวตอบ
หลันเสวียน?
สีหน้าของโจวอี้เปลี่ยนไปทันที “เธอเป็นยังไงบ้าง เธอบาดเจ็บไหม ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
“ผมไม่รู้”
“ผู้หญิงโง่เอ๊ย เสียสติไปแล้วรึไง ทำไมถึงทำอะไรบุ่มบ่ามคนเดียวแบบนี้!” โจวอี้สบถด้วยความโกรธ แต่ขณะเดียวกันในใจของเขาก็รู้สึกอบอุ่น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็กัดฟันและพูดว่า “คุณพยายามติดต่อกับคนที่เหลืออยู่ของนิกายดอกบัวขาวให้หน่อย ถ้าคุณได้ข่าวอะไร บอกผมทันที”
“ได้!”
โจวอี้วางสายโทรศัพท์และยังคงครุ่นคิด
เขากังวลเรื่องความปลอดภัยของหลันเสวียน และเขารู้ว่าหลันเสวียนไปที่นิกายดอกบัวขาวเพื่อฆ่าคนให้เขา
แต่มันเป็นการกระทำที่ประมาทเกินไป!
จะเป็นยังไงถ้าเกิดพลาดพลั้งขึ้นมา?
โจวอี้จุดบุหรี่สูบแล้วกดหมายเลขโทรออก
“ใคร?” เสียงเข้มถามขึ้น
“ฉันเอง!” โจวอี้ตอบกลับ “เสี่ยวหู่ ไปที่ภูเขาเมิ่งหลานหน่อยสิ ไปตามเส้นทางที่ฉันเคยบอกนายก่อนหน้านี้ ไปสถานที่ที่หญิงบ้าหลันเสวียนนั่นอาศัยอยู่ และดูว่าเธออยู่ที่นั่นไหม และเธอได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”
“ได้!” ถงหู่ตอบรับ
“อย่าลืมนำขี้ผึ้งเทียนเหลียนและยาเม็ดโลหิตไปให้เธอด้วย”
“เข้าใจแล้ว” เมื่อถงหู่พูดจบ เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามว่า “…แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ถ้าเธอโอเค ฉันก็จะยังไม่กลับไปในตอนนี้ …หรือถ้านายเบื่อที่จะอยู่ในภูเขาแล้ว ก็มาหาฉันที่จินหลิงได้! โลกภายนอกนั้นยอดเยี่ยม มีอาหารอร่อยและผู้หญิงสวย ๆ พี่ชายของนายคนนี้ทำเงินได้มากมายซึ่งพอจะเลี้ยงนายได้ทั้งชาติเลย”
“ได้เลย!”
ถงหู่ตอบรับทันที
เช้าตรู่
ภูเขาเมิ่งหลานปกคลุมไปด้วยหิมะหนา เวลานี้มีร่างกำยำกำลังกระโดดไปมาอย่างรวดเร็วสลับกับวิ่งตรงเข้าไปในภูเขาส่วนลึก และเมื่อถึงที่ด้านหน้าน้ำตกที่จับตัวเป็นน้ำแข็งห้อยอยู่บนหน้าผา ชายร่างกำยำจึงหยุดฝีเท้าลง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการไปต่อ แต่เวลานี้มีร่างสองร่างขวางทางข้างหน้า
ผู้ชายทางซ้ายสวมเสื้อคลุมสีขาว และผู้หญิงทางขวาสวมเสื้อคลุมสีดำ
“กลับไปซะ!”
เสียงแหบแห้งดังมาจากหญิงชุดดำ
ถงหู่ยกกล่องไม้แกะสลักอย่างสวยงามในมือของเขาขึ้นมา และพูดอย่างเฉยเมยว่า “พี่น้องของฉันขอให้ฉันมาส่งยา ฉันต้องส่งมันให้ถึงมือหลันเสวียน”
“โจวอี้?” หญิงชุดดำเลิกคิ้วถาม
ใช่
หญิงชุดดำและชายชุดขาวมองหน้ากัน จากนั้นเธอก็หยิบนกหวีดไม้ไผ่ที่ห้อยอยู่ที่อกมาเป่า
ครู่ต่อมา
หลันเสวียนก็ปรากฏกายในชุดสีแดงงดงามซึ่งดูสูงส่งไม่อาจเอื้อม เธอจ้องมองไปที่ถงหู่ด้วยสีหน้าเบิกบาน
“เขาขอให้นายมา?” หลันเสวียนถาม
“ใช่ เขาขอให้ส่งยามาให้” ถงหู่พูดจบก็โบกมือเล็กน้อย และกล่องไม้ที่สวยงามก็ลอยไปหาหลันเสวียนทันที
“หืม?” หลันเสวียนประหลาดใจ เธอรับกล่องไม้มาแต่ไม่ได้รีบเปิดมัน
“นายทะลวงผ่านเข้าระดับปรมาจารย์แล้วงั้นเหรอ?”
“อื้ม!” ถงหู่พยักหน้า
“อืม ช้ากว่าฉันนิดหน่อย” ทันใดนั้น หลันเสวียนก็ยิ้มออกมา แต่แล้วเธอก็กระแอมไอสองครั้ง มุมปากของเธอมีเลือดปรากฏออกมาเล็กน้อย
“อาการบาดเจ็บสาหัสไหม?” ถงหู่ถาม
“ไม่เท่าไหร่” หลันเสวียนตอบ
“ยามาส่งแล้ว งั้นฉันกลับล่ะ” ถงหู่พูดแล้วหันหลังเดินจากไป
“ไปที่จินหลิงซะ! เขากำลังมีปัญหา อย่าปล่อยให้เขาตายอยู่ข้างนอกนั่น!” หลันเสวียนตะโกนออกมา
ถงหู่ชะงักค้างไปครู่หนึ่ง จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นเส้นแสงพุ่งออกไปทางตอนใต้ของภูเขา
หญิงชุดดำเดินมาหาหลันเสวียนและมองตามทิศทางที่ถงหู่หายตัวไปก่อนจะเอ่ยว่า “หมู่บ้านโจวเมี่ยวถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีเสือหมอบมังกรซ่อนอยู่จริง ๆ แม้แต่ชายหนุ่มคนนี้ที่น่าจะอายุแค่ 22 ปี แต่กลับทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว ดูเหมือนว่าหมอผีคนนั้นคงทุ่มเทให้กับเขาไม่น้อยเลย”
“ถ้าไม่ทำแบบนั้น ต่อให้เขาจะมีความสามารถ เขาก็คงไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้” ชายชุดขาวชำเลืองมองหลันเสวียนแล้วพูดว่า “ฉันชักไม่แน่ใจแล้วจริง ๆ ว่าไอ้เจ้าหนุ่มแซ่โจวเป็นผู้สืบทอดของสำนักโอสถ หรือว่าถงหู่เป็นผู้สืบทอดกันแน่?”
“แต่ถงหู่ยังไม่เข้าใจการหลอมโอสถ” หลันเสวียนตอบกลับ จากนั้นเธอก็เดินจากไปพร้อมกับกล่องไม้ในมือ
หญิงชุดดำเม้มปากก่อนจะพูดอย่างเหยียดหยาม “สำนักโอสถก่อตั้งโดยนักหลอมโอสถ ที่พวกเขาฝึกศิลปะการต่อสู้นั้นก็เพียงเพื่อเอาไว้ปกป้องตัวเอง ใครคือผู้สืบทอด เจ้าบอกลำดับความสำคัญไม่ได้หรือไง?”
ชายชุดขาวตกตะลึง
แน่นอนว่าเขารู้
ถงหู่ได้ทะลวงผ่านเข้าระดับปรมาจารย์แล้ว โจวอี้ที่แก่กว่าถงหู่ถึงสองปี แต่ตอนนี้กลับยังไม่ทะลวงเข้าระดับปรมาจารย์อีก นี่ไม่นับว่าด้อยกว่าหรือยังไง?
แม้ว่าสำนักโอสถจะทำยาเป็นหลัก แต่ก็เป็นสำนักด้านศิลปะการต่อสู้โบราณ
ในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณ ความแข็งแกร่งย่อมสำคัญที่สุด