หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 179 มีปัญหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 179 มีปัญหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 179 มีปัญหาอย่างต่อเนื่อง
ภายในห้องที่เงียบงัน โจวอี้มองที่ซีชิงอิ่งอย่างเงียบ ๆ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าหญิงสาวแสนสวยคนนี้ทำให้เขาสบายใจได้มากกว่าถังหว่าน
อย่างน้อยเธอก็เชื่อใจเขา
“คุณกลัวไหม?” โจวอี้ถาม
“เล็กน้อย” ซีชิงอิ่งตอบกลับเสียงเบา
“มีสิ่งหนึ่งที่คุณอาจไม่รู้ แต่เนื่องจากผมเปิดโอกาสให้คุณได้ฝึกยุทธ์แล้ว ดังนั้นผมจะบอกบางเรื่องของโลกผู้ฝึกยุทธ์ให้คุณรู้” โจวอี้จุดบุหรี่ พ่นควันเล็กน้อยแล้วพูดต่อไปว่า “กฎของสังคมสมัยใหม่สามารถบังคับคนธรรมดาทั่วไปได้ แต่ไม่สามารถบังคับพวกผู้ฝึกยุทธ์ได้ เป็นเรื่องปกติที่จะมีความเกลียดชังกันในโลกผู้ฝึกยุทธ์ และทุกอย่างถูกตัดสินจากความแข็งแกร่ง”
“โลกผู้ฝึกยุทธ์?”
“ใช่ มันโหดร้ายมาก” โจวอี้ชี้ไปที่ถุงชอปปิงที่อยู่ไม่ไกลและพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงมาหาคุณ ผมมาที่นี่เพื่อสงบสติอารมณ์ของผม เพราะก่อนที่ผมจะมาที่นี่ ผมได้ฆ่ากลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังจะฆ่าผม ในถุงใบนี้เต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของศัตรู และผมก็มาที่นี่เพื่อเปลี่ยนชุด”
ในที่สุดซีชิงอิ่งก็ตระหนักได้ว่าสิ่งแรกที่โจวอี้ทำเมื่อเขามาถึงโรงน้ำชาคือเข้าไปในห้องส่วนตัว แต่ไม่สั่งชา และไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปรบกวน เขาใช้ห้องส่วนตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เต็มด้วยเลือด
“คุณมีศัตรูเยอะไหม” ซีชิงอิ่งถาม
“ผมไม่รู้” โจวอี้ส่ายหัว
“คุณหมายถึงอะไรที่บอกว่าไม่รู้?”
“คนที่ต้องการทำร้ายผมคือศัตรูของผม แต่ผมไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ต้องการทำร้ายผม” โจวอี้ยิ้มอย่างขมขื่น
เมื่อซีชิงอิ่งได้ยินเช่นนี้ก็เงียบไป
เธอไม่ต้องการให้โจวอี้ตาย
ไม่ต้องพูดถึงว่าโจวอี้เป็นความหวังเดียวที่จะทำให้เธออยู่รอด เพราะหลังจากที่เธอได้รู้จักกับโจวอี้ เธอก็รู้ว่าโจวอี้ไม่ใช่คนเลว แต่เป็นคนที่ใจดี
คนดีควรมีอายุยืน ส่วนคนเลวควรตายแล้วไปเกิดใหม่!
“ในอนาคต ถ้าคุณต้องการที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเลอะเลือด คุณก็มาหาฉันได้ทุกเมื่อ!”
เธอรีบลุกขึ้นและเดินไปที่ถุงชอปปิงแล้วคว้ามันมาถือไว้ในมือ จากนั้นก็ออกจากห้อง
โจวอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นตามเธอไป
เขาเห็นเธอเข้าไปในห้องน้ำ ยกเสื้อผ้าออกมา จากนั้นก็หยิบน้ำยาซักผ้าออกมาและเริ่มซักล้างคราบเลือดบนเสื้อผ้าของเขา
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
เมื่อโจวอี้และซีชิงอิ่งกลับไปที่ห้องสำนักงาน ชายสองคนในชุดสูทสีดำก็มาถึง คนหนึ่งถือกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ด้วย
“คุณโจว เจ้านายสั่งให้เรามาที่นี่”
“เก็บศพนี้ไป! ระวังอย่าให้มีพิรุธหรือร่องรอยเหลือทิ้งไว้” โจวอี้ออกคำสั่ง
“รับทราบ!”
ชายทั้งสองเปิดท้ายรถ ก่อนจะเคลื่อนร่างของต้าเจียงอูและงูเขียวที่โจวอี้ฆ่าเข้าไปไว้ที่ท้ายรถ แล้วขับออกไป
หลังจากนั้น โจวอี้และซีชิงอิ่งช่วยกันทำความสะอาดพรมแล้วโยนทิ้งไป
“ถอดเสื้อออก รอรับการรักษา” โจวอี้ชี้ไปที่โซฟา
“อืม!” ซีชิงอิ่งถอดเสื้อโค้ทของเธอและนอนลงบนโซฟาอย่างว่าง่าย
การรักษาด้วยการฝังเข็มเป็นไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปกว่าสิบนาที การรักษาของสัปดาห์นี้ก็สิ้นสุดลง
“ไปกันเถอะ! ไปหาอะไรกินกัน ผมได้ยินมาว่าของหวานทำให้คนมีความสุขได้ วันนี้ผมขอเลี้ยงเอง” โจวอี้ยิ้ม
“ดี!” ซีชิงอิ่งยิ้ม
ถ้าโจวอี้ออกไป เธอก็อยากจะไปด้วย ที่นี่เพิ่งมีคนตายมาหมาด ๆ เธอรู้สึกว่ามันดูอัปมงคลเล็กน้อย
เธอเป็นคนฉลาด เธอรู้สึกได้ว่าโจวอี้ต้องการชวนเธอไปทานของหวานเพื่อคลายความกลัวและทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น
บนชั้นสองของร้านอาหารตรงข้ามโรงน้ำชาปาซาน
เจิ้งเทียนเหอนั่งอยู่ติดหน้าต่างและสังเกตประตูของโรงน้ำชาปาซานอย่างเงียบ ๆ ข้างหลังเขามีชายคนหนึ่งที่เป็นบอดี้การ์ด
“โทรถามอ้าวฉานว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋าหนังสีดำที่ชายสองคนนั้นถือไป” เจิ้งเทียนเหอหันมาสั่งคนของตัวเอง
“ครับ!”
ครู่ต่อมา ชายผู้เป็นลูกน้องก็วางโทรศัพท์มือถือลงและพูดว่า “อ้าวฉานติดตามพวกเขาไปอย่างเงียบ ๆ แล้ว เขายังไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋าเดินทางสีดำใบนั้น!”
“อืม ให้เขาตามต่อไป” เจิ้งเทียนเหอกล่าว
ทันใดนั้น! เจิ้งเทียนเหอพบว่าไม่ได้มีเพียงซีชิงอิ่งเท่านั้นที่เดินออกมาจากโรงน้ำชา แต่ยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตามออกมาด้วย
ชายคนนั้นเป็นใคร?
เข้าไปในโรงน้ำชาตั้งแต่เมื่อไหร่?
ทุกคนที่อยู่ในโรงน้ำชาถูกขอให้ออกมาทุกคนแล้วไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมชายหนุ่มคนนี้ไม่ออกไป? และยังออกมาพร้อมกับซีชิงอิ่ง? ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาคืออะไร?
เจิ้งเทียนเหอเต็มไปด้วยคำถาม และอารมณ์ของเขาก็แย่ลงมาก
เขาชอบซีชิงอิ่ง เธอเป็นรักแรกพบ
แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามีผู้ชายนับไม่ถ้วนในเมืองจินหลิงที่ต้องการจีบซีชิงอิ่ง แต่เขาก็ไม่กังวลเพราะเขามั่นใจมากพอว่าจะชนะใจสาวงามคนนี้
“ไปกันเถอะ!”
ในไม่ช้าเขาและคนของเขาก็เข้าไปในรถและตามรถของซีชิงอิ่งไปอย่างเงียบ ๆ
รถของซีชิงอิ่งไม่หรูหราและราคาไม่แพงมาก แต่ภายในสะอาดและการตกแต่งก็ให้บรรยากาศอบอุ่น โจวอี้นั่งอยู่ที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าและมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของซีชิงอิ่งเป็นครั้งคราว
ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเจริญตา!
แต่ทำไมแก้มของเธอถึงแดงเล็กน้อย?
มีไข้?
โจวอี้ถามขึ้น “คุณไม่สบายหรือเปล่า”
“ไม่!” แววตาของซีชิงอิ่งดูกระสับกระส่าย และมือของเธอก็จับพวงมาลัยแน่นขึ้น
“แล้วทำไมหน้าแดงจัง ร้อนมากเหรอ”
“…”
ซีชิงอิ่งคร่ำครวญอยู่ในใจ
เธอรู้สึกได้ว่าโจวอี้จ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา หัวใจของเธอจึงเต้นเร็วกว่าปกติ เธอประหม่าและเขินอาย มันคงแปลกแล้วล่ะถ้าหน้าของเธอไม่แดง!
โจวอี้ส่ายหัวและมองออกไปนอกหน้าต่าง
เก้าครั้งแล้วนะ!
นี่เป็นจำนวนครั้งที่เขาสังเกตรถข้างหลังผ่านกระจกมองหลัง ตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงตอนนี้ก็ประมาณเจ็ดนาที!
หรือก็คือรถเบนซ์คนนั้นตามหลังพวกเขามาเกินเจ็ดนาทีแล้ว
ศัตรูงั้นเหรอ?
“ชิงอิ่ง เลี้ยวขวาข้างหน้า” โจวอี้พูดขึ้นทันที
“อืม!”
ซีชิงอิ่งไม่รู้ว่าร้านขนมร้านไหนที่โจวอี้กำลังจะพาเธอไป ตอนนี้เธอทำตามที่โจวอี้บอกทุกอย่าง
เวลาผ่านไป 21 นาที
ดวงตาของโจวอี้เปลี่ยนเป็นเย็นชา และเขาถามว่า “มีสถานที่เงียบสงบใกล้ ๆ นี้ หรือมีสถานที่ที่มีคนบนถนนไม่เยอะมากไหม แบบที่ว่าถึงจะมีบางอย่างเกิดขึ้น คนก็จะหาเราไม่พบ?”
“คุณจะทำอะไร?” ซีชิงอิ่งถามอย่างสงสัย
“มีรถตามหลังเรามากว่ายี่สิบนาทีแล้ว ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครอยู่ในรถ และจุดประสงค์ที่ตามเรามาคืออะไร”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ซีชิงอิ่งก็สังเกตผ่านกระจกมองหลัง เธอพบรถเบนซ์ขับตามอยู่ข้างหลังโดยรักษาระยะห่างจากรถของเธอ
“เราโทรแจ้งตำรวจดีไหม” ซีชิงอิ่งถามอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่!” โจวอี้ส่ายหัว
ซีชิงอิ่งจำได้ว่าโจวอี้เพิ่งจะฆ่าคนมา มันคงโง่มากที่ถามคำถามแบบนี้ในเวลานี้
จากนั้นเธอก็ขับรถเลี้ยวเข้าไปในสวนสาธารณะ
เมื่อเธอหยุดอยู่ที่บริเวณลานจอดรถ ซีชิงอิ่งก็จับแขนของโจวอี้ไว้และกระซิบว่า “ฉันประหม่านิดหน่อย”
“หึหึ ไม่ต้องกังวลหรอก” โจวอี้ตบหลังมือเธอ จากนั้นก็เดินเข้าไปในป่าทางเนินเขาที่อยู่ไม่ไกลนัก
ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ มีไม่กี่คนที่อยู่ในสวนสาธารณะ และมีคนมาปีนเขาที่นี่ไม่มาก เนินเขาที่อยู่ใกล้ ๆ นี้สูงราวร้อยเมตรเท่านั้น
ขณะเดินอยู่ โจวอี้ก็สังเกตเห็นว่ามีคนสองคนติดตามพวกเขามา
“ที่นี่แหละ!”