หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 185 ประกาศใน Weibo
________________________________________
บทที่ 185 ประกาศใน Weibo
ช่างเถอะ!
ฝนจะต้องตก ลูกสาวจะต้องออกเรือน ไม่มีใครห้ามสิ่งเหล่านี้ได้!
ในเมื่อถังหว่านอยากจะเล่นละครทีวี ดังนั้นก็ปล่อยเธอไป เพราะถึงอย่างไรลูกสาวก็ยังมีเขาที่คอยดูแล หากไม่มีถังหว่าน เขาก็สามารถใช้เวลากับลูกสาวได้มากขึ้น!
“สมเป็นแม่ของลูกสาวของผมจริง ๆ ไม่เพียงแต่ร้องเพลงเก่งเท่านั้น แต่ยังมีทักษะการแสดงอีกต่างหาก” โจวอี้จงใจยกนิ้วโป้งขึ้นเพื่อสนองความไร้สาระเล็กน้อยของถังหว่าน
“แค่นั้นแหละ!” ถังหว่านยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ราวกับว่าดอกไม้นับร้อยบานสะพรั่ง
โจวอี้ตกตะลึง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นถังหว่านยิ้มอย่างสดใส
ถงหู่มองรอยยิ้มของถังหว่านและตกอยู่ในภวังค์ จากนั้นเขาก็กัดปลายลิ้นและบังคับตัวเองให้ตื่น จากนั้นเขาก็ไม่กล้ามองไปที่ถังหว่านอีกเลย
‘นี่คือพี่สะใภ้ของฉัน’
‘พี่ใหญ่ของฉันมีสิทธิ์ดูได้คนเดียว!’
‘ท่านแม่บอกว่าผู้หญิงหน้าตาดีมีพิษมีภัย ใจเย็น ๆ ดูได้อย่างเดียว!’
ถงหู่ท่องประโยคเหล่านี้ในใจ
“อาหารใกล้จะพร้อมแล้ว คุณไปเล่นกับเด็ก ๆ ก่อน อาหารเสร็จเมื่อไหร่ฉันจะไปเรียกอีกที” ถังหว่านพูดอย่างมีความสุขและเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง
โจวอี้มองตามแผ่นหลังของถังหว่านด้วยความรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะผิดหวังที่ถังหว่านไม่ไว้ใจเขามาก่อน แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงของเขา เขาไม่ควรใจแคบ อีกหน่อยเขาควรสอนถังหว่านให้มากขึ้น และปลูกฝังแนวคิดเรื่องความไว้วางใจในตัวเขา เธอจะได้กลายเป็นภรรยาที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม
“จะหน้าบึ้งทำไม ไปเล่นกับลูกสาวฉันกันเถอะ” โจวอี้เห็นสีหน้าและท่าทางนิ่งเฉยของถงหู่แล้วก็ตบหัวอีกฝ่ายพลางเดินไปที่ชั้นสองด้วยรอยยิ้ม
ชั้นสอง ห้องฝั่งทิศตะวันตก
ถังเสี่ยวถังยืนอยู่ใกล้กับหน้าต่าง ดวงตาของเขาสดใสเป็นพิเศษ
ถังเหมียวเหมี่ยวถอดรองเท้าและปีนขึ้นไปบนเตียงของถังเสี่ยวรุ่ย เธอพยายามสื่อสารกับถังเสี่ยวรุ่ย แต่น่าเสียดายที่เธอรู้สึกว่าถังเสี่ยวรุ่ยดูเบื่อเล็กน้อย เธอพูดคุยไปด้วยหลายคำ แต่อีกฝ่ายกลับพูดเพียงไม่กี่คำ
“พี่เสี่ยวรุ่ย พี่วาดรูปได้ไหม” ถังเหมียวเหมี่ยวถามอย่างกระตือรือร้น
“ไม่…” ถังเสี่ยวรุ่ยส่ายหัว
“ให้ฉันสอนพี่วาดไหม ภาพวาดของพ่อฉันดีที่สุด ฉัน… ไม่สิ พ่อของเรา ฉันเรียนรู้วิธีวาดภาพอันยอดเยี่ยมมาจากพ่อของเราแหละ!” ถังเหมียวเหมี่ยวเป็นคนใจกว้างมากในเวลานี้
“อืม!”
ถังเสี่ยวรุ่ยยิ้มและพยักหน้าเบา ๆ
ในความเป็นจริง เธอรู้ความมากกว่าถังเหมียวเหมี่ยวเยอะ
แม้ว่าถังเสี่ยวถังพี่ชายของเธอจะดูแลเธอมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่มันก็ทำให้เธอเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างและมีเหตุผลมากกว่าเด็กปกติ
ดังนั้นเธอจึงเข้าใจชัดเจนว่าในเมื่อเธอและพี่ชายของเธอเป็นลูกบุญธรรมของโจวอี้ เธอและพี่ชายต้องดูแลถังเหมียวเหมี่ยวเหมือนเป็นน้องสาว
“พี่เสี่ยวรุ่ย พี่ทำอะไรได้บ้าง” ถังเหมียวเหมี่ยวถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ฉัน…เขียนและคำนวณได้”
“สอนหนูได้ไหม?”
“ได้ พ่อจะสอนให้เอง” ประตูห้องถูกผลักเปิดออก โจวอี้และถงหู่เดินเข้ามา
“เสี่ยวรุ่ย ลูกเขียนและคำนวณได้ด้วยเหรอ ใครสอนลูก?” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ… พี่ชายของหนูสอนให้” ถังเสี่ยวรุ่ยตอบเสียงเบา
แม้ว่าถังเสี่ยวถังจะเป็นขอทานและขายขยะแลกเศษเงิน แต่เขาก็ได้เรียนรู้คำศัพท์มามากมาย เขายังสามารถคำนวณเลขอย่างง่ายได้อีกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้น้องสาวของเขาป่วยเพียงลำพัง เขาจึงได้นำหนังสือ กระดาษ และปากกาที่เขาหยิบมาให้เธอเล่นฆ่าเวลา ดังนั้นแม้ว่าถังเสี่ยวรุ่ยจะมีอายุเพียงหกขวบครึ่ง แต่เธอก็สามารถอ่านคำศัพท์ได้หลายพันคำ
“ไม่เลว!” โจวอี้ยิ้มและแนะนำให้ถงหู่ “นี่คือลูกสาวของฉันเอง ถังเหมียวเหมี่ยว ส่วนอีกสองคนคือถังเสี่ยวถังและถังเสี่ยวรุ่ย พวกเขาเป็นลูกที่ฉันเพิ่งรับมาเลี้ยง พวกเขาทุกคนเรียกฉันว่าพ่อ”
ลูกสาว?
ถงหู่มองถังเหมียวเหมี่ยวด้วยแววตาอ่อนโยน
เขาถือว่าโจวอี้เป็นพี่ชายของเขา และเป็นคนที่ต้องทำงานหนักมาตลอดชีวิต ดังนั้นลูกสาวของโจวอี้จึงถือได้ว่าเป็นหลานสาวของเขาด้วย
สำหรับลูกบุญธรรมอีกสองคนของพี่ชาย เขาเองก็ชอบเด็ก ๆ สองคนนี้เช่นกัน
ถงหู่ต้องการที่จะอุ้มถังเหมียวเหมี่ยว แต่เขาพบว่าหลานสาวของเขาดูเหมือนจะกลัวเขาเล็กน้อย เขาชักมือที่ยื่นออกไปกลับมาทันที เกาหลังศีรษะด้วยความกระอักกระอ่วน จากนั้นก็ราวกับจะจำอะไรบางอย่างได้ เขาจึงรีบหยิบถั่วพีแคนหนึ่งกำมือจากกระเป๋าเสื้อของเขาส่งให้ถังเสี่ยวถังและพูดว่า “มันอร่อยมากเลยนะ พวกเธอเอาไปแบ่งกันสิ”
“ไม่ขอบคุณอาถงหู่เหรอ?” โจวอี้ยิ้ม
“ขอบคุณครับ/ค่ะลุงถงหู่!” เด็กทั้งสามคนมีไหวพริบ พวกเขาแบ่งพีแคนกันอย่างรวดเร็ว
“ยินดี ยินดี” ถงหู่โบกมือด้วยรอยยิ้ม
“อาถงหู่สูงมาก! สูงกว่าพ่ออีก” ถังเหมียวเหมี่ยวกล่าว เธอนั่งบนเตียงและเงยหน้าขึ้นมองถงหู่
“ฮ่าฮ่าฮ่า กินเยอะ ๆ นะ แล้วหลานจะได้ตัวสูงขึ้น” ถงหู่หัวเราะ
โจวอี้มองไปที่ถงหู่และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเช่นกัน
เขารู้ว่าถงหู่ชอบเด็ก ตอนที่อยู่ในหมู่บ้านโจวเมี่ยว ถงหู่เป็นเหมือนราชาแห่งเด็ก ๆ เด็กทุกคนชอบเล่นกับเขา
แต่โจวอี้กลับกลายเป็นเหมือนทรราชสำหรับเด็ก ๆ พวกนั้น เด็กน้อยเหล่านั้นกลัวเขามากยกเว้นตอนที่อยากจะขอของอร่อยเท่านั้นถึงได้กล้าเข้าใกล้เขา
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ถังเสี่ยวถังและถังเสี่ยวรุ่ยก็หลับไปแล้ว ถงหู่ดื่มไวน์อยู่ที่บ้านของอู๋ฉีหางและผล็อยหลับไปด้วย
โจวอี้นอนไม่หลับ เขาปีนข้ามกำแพงไปที่วิลล่าถัดไป เขาพุ่งไปที่ชั้นสองและเคาะประตูห้องนอน ครู่ต่อมา ถังหว่านก็เปิดประตูจากด้านใน
“ทำไมยังไม่นอนอีก” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“รอคุณอยู่”
รอเขา?
โจวอี้รู้สึกประทับใจและดึงถังหว่านเข้ามาในอ้อมแขน “คุณคิดดีแล้วใช่ไหม? คุณจะเล่นละครเรื่องนั้นจริง ๆ เหรอ? ดูเหมือนว่าการถ่ายทำละครเรื่องนี้จะใช้เวลาอย่างน้อยสองสามเดือนเชียวนะ แล้วระหว่างการถ่ายทำ คุณจะกลับมาจินหลิงรึเปล่า?”
“ฉันจะหาเวลากลับมาบ้าง”
“ถ้าคุณยุ่งก็ไม่ต้องกลับไปกลับมาหรอก อย่างแย่ที่สุด ผมจะพาลูกไปเยี่ยมที่กองถ่ายสัปดาห์ละครั้ง” โจวอี้ยิ้ม
“ไม่” ถังหว่านรีบผละตัวออกมา “ฉันไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องเหมียวเหมี่ยว”
“แล้วผมล่ะ?”
“คุณ…เมื่อไหร่ที่คุณผ่านการทดสอบจากพ่อแม่ฉันแล้ว ฉันจะโพสต์ประกาศใน Weibo”
“แปลกจัง พ่อตาแม่ยายกลับไปพักหนึ่งแล้วนะ ทำไมพวกเขายังไม่กลับมาอีกเนี่ย” โจวอี้ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ฉันไม่รู้”
“แม่ยายไม่โทรมาเลยเหรอ?”
“โทรมา แต่พวกเขาไม่ได้พูดถึงคุณ”
“ไม่พูดถึงก็ไม่เป็นไร! อาทิตย์หน้าถ้าผมว่าง ผมจะพาเหมียวเหมี่ยวไปเยี่ยมพวกเขา ถึงพวกเขาจะอยากไล่ผมออก ผมก็ไม่ไป ผมเชื่อว่าลูกสาวของเรามีน้ำหนักต่อรองได้มากพอ ฮ่าฮ่าฮ่า” โจวอี้หัวเราะ
“…”
ถังหว่านพูดไม่ออกเล็กน้อย แต่สีหน้าเธอเบิกบานยิ่งขึ้น
เมื่อมองรอยยิ้มบนใบหน้าของถังหว่าน เขาก็โอบรอบเอวเธอแน่นขึ้น ก่อนจะอุ้มเธอเดินเข้าไปในห้องนอน “คืนนี้ผมนอนนี่นะ”
“ไม่มีทาง!” ถังหว่านไม่ได้ดิ้นรน แต่พูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ฉัน ฉันกำลังมา”
“อะไรมา?” โจวอี้หยุดชั่วคราว
“คุณป้า[1]”
“…”
[1] ป้า 大姨妈 เป็นคำเรียกอย่างหนึ่งที่คนจีนเอาไว้ใช้เรียก ‘ประจำเดือน’