หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 199 มีความรู้ก็เท่ากับมีความมั่งคั่ง
บทที่ 199 มีความรู้ก็เท่ากับมีความมั่งคั่ง
บทที่ 199 มีความรู้ก็เท่ากับมีความมั่งคั่ง
ผู้คนหลายหมื่นคนหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดวัตถุดิบยาในเมืองฉู่จนแน่นขนัด ไม่เพียงแต่ในบริเวณร้านค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในพื้นที่แผงลอยด้วย
สมุนไพรทุกชนิดที่นี่คือโอกาสในการทำความมั่งคั่ง
ดังนั้นไม่มีใครอยากออกไปแม้ว่าที่นี่จะมีเสียงดังและวุ่นวายก็ตาม
สายตานับไม่ถ้วนคอยตรวจดูวัตถุดิบยาหลายชนิดที่วางขายเรียงรายอย่างต่อเนื่อง เสียงถามตอบและต่อรองดังขึ้นไม่รู้จบ
โจวอี้ชอบความมีชีวิตชีวาแบบนี้
ตอนที่เขาอยู่ที่ภูเขาชางหลาง เขาเห็นคนนอกภูเขาอย่างมากก็แค่พวกนักเก็บสมุนไพรซึ่งเดินทางมาที่ภูเขาชางหลางเพื่อเก็บสมุนไพร ดังนั้นมันจึงแทบไม่มีโอกาสที่เขาจะได้อยู่ในสถานที่ที่มีบรรยากาศมีชีวิตชีวาแบบนี้
เขาเดินไปตามกระแสผู้คนมากมาย กวาดสายตามองแผงขายของแต่ละร้าน สายตาของเขาคอยสอดส่องหาวัตถุดิบยาที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
เขาเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าแผงลอยร้านหนึ่ง
สายตามองจ้องไปที่รากไม้สีดำเข้มเหมือนหมึกชิ้นหนึ่ง แววตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที
รากต้นหงส์ทองนิล? เมื่อวัดจากความหนาของรากไม้นี้แล้ว มันน่าจะมีอายุมากว่าร้อยปีแน่นอน และรากนี้ย่อมมีสรรพคุณทางยามากมาย
ตอนนี้!
เจ้าของร้านหนุ่มกำลังทักทายลูกค้าคนอื่น ๆ และต่อรองราคากับพวกเขา
โจวอี้ไม่รีบถามราคา แต่รอจนกว่าอีกฝ่ายจะคุยกับลูกค้าคนอื่นเสร็จ จากนั้นจึงหยิบรากไม้หงส์ทองนิลขึ้นมาและถามว่า “อันนี้ราคาเท่าไหร่”
“ห้าร้อยหยวน” เจ้าของร้านหนุ่มมองดูมันและเอ่ยราคาอย่างง่าย ๆ
“ตกลงผมจะซื้อมัน”
“คุณจะซื้อมัน?” เมื่อเจ้าของร้านหนุ่มเห็นโจวอี้สแกนจ่าย เขาก็แสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมาทันทีและถามด้วยรอยยิ้ม “คุณไม่ต่อรองราคาเลยเหรอ”
“คุณอยากให้ผมต่อรองให้ลดราคาลงงั้นเหรอ?” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ ๆ!” เจ้าของร้านหนุ่มรีบโบกมือ
แต่ในใจเขาแอบด่าว่า โจวอี้เป็นศัตรูตัวฉกาจ
เขาเป็นพวกผู้ค้าซื้อเหมา รากไม้นี้ที่เขาได้มามันอยู่ในกองรวมกับสมุนไพรอื่น ๆ ซึ่งพูดตามตรงแล้วเขาไม่ได้ใช้เงินสักแดงตอนที่ได้มันมา ดังนั้นต่อให้ชายตรงหน้าเขาต่อรองจนเหลือร้อยหยวนเขาก็ขายให้ ทว่าอีกฝ่ายกลับยินดีจ่ายห้าร้อยหยวนในทันที
โจวอี้เก็บรากไม้หงส์ทองนิลมาด้วยความรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย
มีความรู้ก็เท่ากับมีความมั่งคั่ง!
ตอนนี้เขาเข้าใจความหมายของประโยคนี้อย่างลึกซึ้งแล้ว
เจ้าของร้านหนุ่มไม่รู้จักต้นหงส์ทองนิล และลูกค้าคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้จักมันเช่นกัน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาซื้อมันมาได้ในราคาเพียงห้าร้อยหยวน
โจวอี้รู้สึกว่าถ้าอิงจากตลาดวัตถุดิบยาภายนอก ถ้าทุกคนรู้ว่ามันคืออะไรและทำอะไรได้บ้าง ผู้คนจำนวนมากคงยอมจ่ายเงินมากมายเพื่อซื้อมันอย่างแน่นอน
เขายังคงเดินต่อไปอย่างสบาย ๆ
“นายน้อยโจว รากที่คุณซื้อเป็นสมุนไพรอะไร?” แม้ว่าซุนเหมาไฉจะเป็นนักเก็บสมุนไพร แต่เขาก็ไม่สามารถระบุชนิดของสมุนไพรที่โจวอี้ซื้อมาได้ แต่เขาก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะธรรมดา
“รากไม้หงส์ทองนิล” โจวอี้ยิ้ม
“ฮะ!? จริงเหรอ? รากไม้หงส์ทองนิล?” ซุนเหมาไฉตกตะลึง
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นต้นหงส์ทองนิลของจริง แต่เขาเคยได้ยินชื่อมัน แม้กระทั่งเคยเห็นรูปวาดมันในตำราโบราณเกี่ยวกับวัตถุดิบยา ต้นหงส์ทองนิลเป็นพันธ์ุไม้ที่หายากมาก และคุณค่าสูงสุดของมันอยู่ที่ราก!
โจวอี้คนนี้… สุดยอด!
จากมุมมองของเขา ถ้ามีความรู้ระดับโจวอี้ มันคงจะง่ายมากในการหาโอกาสทำเงินจากแผงลอยพวกนี้
ซุนเหมาไฉชื่นชมโจวอี้มากยิ่งขึ้น
ถ้าเขามีความสามารถเทียบเท่ากับโจวอี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในภูเขาและป่าเพื่อเก็บสมุนไพร! เกรงว่ารายได้ต่อปีของการเตร่ไปตามแผงขายยาทั่วประเทศทุกวันจะมากกว่ารายได้ของผู้ที่ทำงานหนักเพื่อเก็บสมุนไพรตามป่าเขาเสียอีก
สิบนาทีต่อมา
โจวอี้ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าแผงลอยร้านหนึ่งอีกครั้ง
บนแผงลอยนี้มีผลไม้สีแดงเพลิงหลายสิบลูก มันดูคล้ายกับผลเบอร์รีป่าที่สุกแล้ว และถูกบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสขนาดเล็ก ซึ่งหลายคนเห็นแต่ไม่มีใครสนใจ
ผลไม้หลิงหลง?
มีผลไม้ชนิดนี้ที่นี่ด้วยงั้นเหรอ?
แล้วมันก็ยังดูสดมาก!
โจวอี้รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น แต่เขาควบคุมอารมณ์ได้และเหลือบมองไปยังเจ้าของแผงลอยซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนร่างท้วม เขาค่อย ๆ หยิบถุงพลาสติกเล็ก ๆ ที่มีผลไม้หลิงหลงอยู่ข้างในขึ้นมาและถามว่า “ผมกระหายน้ำนิดหน่อย ผลไม้สุกพวกนี้ขายเท่าไหร่เหรอ?”
“ผลไม้นี้อร่อยมาก รสชาติดีมาก ๆ เลย เมื่อคืนลูกชายฉันกินไปหลายลูกเชียวล่ะ!” เจ้าของร้านยิ้มและพูดว่า “ฉันคิดสองร้อยหยวนก็แล้วกัน”
สองร้อยหยวน?
ลูกชายของเธอกินไปแล้วกี่ลูก?
โจวอี้อยากจะสบถออกมา
ผลไม้รสอร่อย!
นี่มันอยู่ในสิบอันดับแรกของรายชื่อผลไม้ศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ เกือบจะดีพอ ๆ กับสมุนไพรสิบอันดับแรกในรายการสมุนไพรล้ำค่า ผลไม้หลิงหลงลูกเดียวอาจมีมูลค่านับสิบล้าน!
“ได้!” โจวอี้จ่ายเงินอย่างรวดเร็ว แล้วรีบโอบผลไม้ที่ล้ำค่าเหล่านี้เอาไว้ในอ้อมแขน
เขามองไปรอบ ๆ ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะขโมยมันไปจากเขา
ซุนเหมาไฉคอยเฝ้าดูโจวอี้แบบตาไม่กะพริบ และเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของโจวอี้ดูผิดปกติเขาก็รู้ทันทีว่าผลไม้นี้น่าจะเป็นสมบัติล้ำค่า
หลังจากเดินตามโจวอี้ไปไม่นาน เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “นายน้อยโจว ผลไม้ที่คุณเพิ่งซื้อมาดีมากเลยเหรอ”
“มันยิ่งกว่าดีซะอีก! พวกมันคือสมบัติ!” โจวอี้เชิดคางขึ้น จากนั้นเขาก็กัดฟันและพูดอย่างหุงดหงิด “ผู้หญิงโง่คนนั้นทำกับสมบัติเหมือนวัชพืชข้างถนน! โดยเฉพาะไอ้ลูกชายของเธอยิ่งโง่ที่สุด กินผลไม้พวกนี้แทนอาหารว่างได้ไง? ที่บ้านของพวกเขาเป็นแดนสวรรค์รึไงถึงมีพวกมันให้กินมากมาย? บัดซบที่สุดเลย!”
“…”
ซุนเหมาไฉพูดไม่ออก
“คุณรู้ไหมว่ามันเรียกว่าอะไร” โจวอี้ถาม
“มันเรียกว่าอะไร?”
“ผลไม้หลิงหลง ผลไม้ล้ำค่าอันดับแปดในรายการผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ในสายตาของอาจารย์ผม เธอก็ยังมองว่ามันคือสมบัติล้ำค่า!”
“เอ่อ…”
เมื่อซุนเหมาไฉได้ยินคำพูดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับรายชื่อผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ และรู้ด้วยซ้ำว่าผลไม้ศักดิ์สิทธิ์สี่หรือห้าชนิดในรายชื่อผลไม้ศักดิ์สิทธิ์คืออะไร แต่เขาไม่รู้จักผลไม้ที่ชื่อหลิงหลงเลย
รวยเละ!
หากผลไม้ที่โจวอี้เพิ่งซื้อเป็นผลไม้หายากในรายชื่อผลไม้ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ คราวนี้โจวอี้รวยเละแน่นอน!
เขากล้าที่จะตบหน้าอกของเขาและรับประกันว่ามูลค่าของหนึ่งในสิบผลไม้หายากในรายการผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ หรือสมุนไพรสิบอันดับแรกในรายการสมุนไพรล้ำค่าแต่ละชนิดนั้นขายได้เกินเก้าหลักแน่นอน
ซุนเหมาไฉรู้สึกอิจฉาจริง ๆ แต่เป็นเพราะความไม่รู้ของเขา ทำให้เขาไม่ทางเอาชนะโจวอี้ได้เลย ไม่เช่นนั้นเขาคงคว้าผลหลิงหลงมาก่อนแล้ว
ตราบใดที่เขาทำได้สำเร็จ เขาก็สามารถเกษียณได้ทันที เขาจะมีเงินใช้และเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่เหลือได้สบาย ๆ
“แค่ก ๆ หรือเราควรเลิกเดินเที่ยวได้แล้ว ผมเริ่มรู้สึกปวดใจนิดหน่อย” ซุนเหมาไฉกระแอมไอสองสามครั้งแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
“ปวดใจ? ให้ผมจับชีพจรของคุณไหม?”
“ไม่ ๆ ผมแค่ตื่นเต้นกับคุณ กลัวว่าถ้าเรายังเดินต่อไปแบบนี้ คุณจะพบสมบัติที่ดีกว่านี้ แล้วผมคงจะตายลงเพราะหัวใจทนรับไม่ไหว”
“ฮ่าฮ่า… ผมไม่นึกว่าคุณจะตลกได้ขนาดนี้” โจวอี้ยิ้มกว้างและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ เขาก็หันไปมองทางด้านหนึ่ง
เขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขา
นี่เขากำลังถูกจับตามอง?
เกิดอะไรขึ้น?
การซื้อของเขาที่ผ่านมา… มีคนดูออกงั้นเหรอ?
โจวอี้ชะงัก จากนั้นก็ลากซุนเหมาไฉให้รีบเดินไปข้างหน้าทันที