หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 209 กำลังจะมีปัญหาตามมา
บทที่ 209 กำลังจะมีปัญหาตามมา
บทที่ 209 กำลังจะมีปัญหาตามมา
กั๋วฉินเซิงเลือกที่จะวางสายโทรศัพท์ และเมื่อผ่านไปพักใหญ่ ความกลัวลึก ๆ ของเขาก็ค่อย ๆ หายไปจากแววตา แต่มันถูกแทนที่ด้วยความแค้นที่รุนแรงและความอยากฆ่าอย่างบ้าคลั่ง
ทำลายสำนักโอสถ!
เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำได้!
แม้ว่าเขาจะได้รับหญ้าเสวียนหมิงเพื่อหลอมยาต้องห้ามชนิดนั้น แต่ความเป็นไปได้ที่จะทำลายสำนักโอสถได้สำเร็จก็ยังคงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
แต่ถ้าสามารถฆ่าทายาทของประมุขสำนักโอสถได้ มันคงจะทำให้กลุ่มชั่วช้าอย่างสำนักโอสถต้องกระอักเลือดแน่นอน!
ฆ่า!
ฆ่ามัน!
กั๋วฉินเซิงหันไปทางภาพที่แขวนอยู่บนผนัง แล้วโขกหัวสามครั้งที่พื้น
จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือและกดโทรออก
“ว่าไง?” เสียงปลายสายตอบรับ
“ฉันเต็มใจเข้าร่วม แต่ต้องสัญญากับฉันด้วยเงื่อนไขข้อหนึ่ง” กั๋วฉินเซิงกล่าวอย่างอาฆาตแค้น
“พูดมา!”
“ช่วยฉันฆ่าโจวอี้ ศิษย์สำนักโอสถ”
“เรากับสำนักโอสถอยู่กันอย่างปรองดองมาตลอด มันไม่คุ้มสำหรับการที่ต้องแลกมาเพราะนายแค่คนเดียว”
“เขาออกจากภูเขาชางหลางแล้ว และตอนนี้อยู่ในเมืองจินหลิง หากคุณไม่ตกลง ฉันจะไม่เข้าร่วมกับคุณ” กั๋วฉินเซิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ต้องการให้เราแสดงให้เห็นถึงความจริงใจงั้นเหรอ? น่าสนใจ”
“ฉันจะรอการตอบกลับจากคุณ”
“ก็ได้ ฉันจะตอบกลับอีกที”
เฮฟเว่นคลับ
หลี่หงอี้รีบไปที่ลานจอดรถพร้อมกับคนสนิทอีกสองคน เขาเห็นร่างไร้วิญญาณของชายร่างกำยำ และเห็นโจวอี้ที่แสดงสีหน้าเรียบเฉย
“เกิดอะไรขึ้น?” ใบหน้าของหลี่หงอี้ฉายความตระหนก
เขาเดาได้ว่าโจวอี้เป็นคนฆ่าชายร่างกำยำคนนี้ แต่สิ่งที่เขาโกรธไม่ใช่เพราะโจวอี้ฆ่าคนที่นี่ แต่เป็นใครบางคนแอบเข้ามาในบริเวณคลับ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเขาไม่พบมัน!
“วันนี้ผมมีปัญหาในเมืองฉู่ และอีกฝ่ายก็ตามผมมาที่นี่” โจวอี้ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและถามว่า “คุณเคยได้ยินชื่อของกั๋วฉินเซิงไหม”
“กั๋วฉินเซิง? ไม่” หลี่หงอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว
โจวอี้ขมวดคิ้วกับคำตอบนี้
ระหว่างทางมาเฮฟเว่นคลับ เขาโทรหาเฉิงฮ่าวและขอให้ส่งคนไปที่ ช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า เพื่อช่วยเก็บศพ เขายังถามเฉิงฮ่าวด้วยว่ารู้จักกั๋วฉินเซิงหรือไม่ แต่เฉิงฮ่าวก็ตอบว่าไม่รู้เช่นกัน
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
กั๋วฉินเซิงเป็นคนจีน แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำธุรกิจในต่างประเทศ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เป็นที่รู้จักขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนรวยมาก
จากการคุยโทรศัพท์เมื่อครู่ กั๋วฉินเซิงขู่เขา ซึ่งทำให้เขากังวล
เขาไม่ได้กังวลว่าอีกฝ่ายจะหาเรื่องให้เขาเดือดร้อน หรืออีกฝ่ายจะฆ่าเขาโดยการจ้างนักฆ่าในตลาดมืด
แต่เขากลัวว่าลูกสาวของเขาและถังหว่านจะโดนลูกหลง
เขาไม่สามารถอยู่เคียงข้างพวกเธอได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าอันตรายที่ซ่อนอยู่นี้จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนที่อีกฝ่ายจะสร้างปัญหาให้เขา
“พี่หลี่ ให้คนช่วยจัดการศพทีก็แล้วกัน” โจวอี้หายใจเข้าลึกและเอ่ยขึ้น
“ตกลง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง”
“เชาหมิงคุนมาแล้วหรือยัง”
“มาแล้วอยู่ในห้องจักรพรรดิ”
“อื้ม!”
โจวอี้พักเรื่องยุ่งเหยิงนี้เอาไว้ชั่วคราว เขามาที่นี่เพื่อพักผ่อนหาความบันเทิง ดังนั้นเขาจึงรีบไปหาเชาหมิงคุนที่ห้องจักรพรรดิบนชั้นสาม
เวลานี้ชายอ้วนหัวโล้นกำลังร้องเพลงโดยโอบแขนรอบสาวสวยสองคน ซิการ์แท่งหนาอยู่หว่างนิ้ว บนโต๊ะเต็มไปด้วยเครื่องดื่มและผลไม้ แสงไฟหลากสีที่ส่องในห้องทำให้สถานที่นี้ดูเหมือนแดนแห่งความฝัน
“โอ้ น้องโจว ในที่สุดก็มาถึงสักที ฮ่าฮ่า” เชาหมิงคุนผลักผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาออกไป ก่อนจะยืนขึ้นและพูดว่า “สถานที่นี้ที่นายแนะนำได้ดีเหลือเกิน เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของผู้ชายจริง ๆ!”
“ผมดีใจที่พี่ชายหัวโล้นชอบนะ!” โจวอี้เอ่ยขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เขาได้ค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับข้อมูลของเชาหมิงคุนแล้ว
อีกฝ่ายคือผู้จัดการใหญ่ของเซินเจิ้น กวนหมิงกรุ๊ป รองประธานหอการค้าเซินเจิ้น ซึ่งทำธุรกิจหลักในอุตสาหกรรมการแพทย์ และยังมีการลงทุนอีกมาก ความมั่งคั่งและทรัพย์สินของเขาอย่างน้อยก็หลายพันล้านหยวน และเขายังเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยมากในจีน
โจวอี้ไม่สนใจตัวตนของอีกฝ่าย เขาแค่ชอบนิสัยของอีกฝ่าย
กล้าหาญและตรงไปตรงมา
อันที่จริงตอนเขาโทรหาเฉิงฮ่าวระหว่างทางกลับมาที่จินหลิง เขาได้เรียนรู้จากเฉิงฮ่าวว่าเชาหมิงคุนมีชื่อเสียงที่ดีในโลกธุรกิจ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาความยุติธรรม
โจวอี้ชอบคนแบบนี้
จิตใจผู้คนยากที่จะหยั่งถึงเหมือนสายน้ำและมหาสมุทร แต่ชายผู้เห็นคุณค่าของความรักและความยุติธรรมจะสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อสหาย
เชาหมิงคุนน่าจะเป็นคนแบบนั้น
บางทีอาจเป็นเพราะความเพลิดเพลินเมื่ออยู่ในสถานบันเทิงและเฮฟเว่นคลับยังเป็นสถานบันเทิงที่แรกที่โจวอี้มา มันจึงทำให้เขาคิดว่าที่นี่กลายเป็นศาลาประจำบ้านของเขาไปแล้ว
ไม่นานนักโจวอี้ก็ถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มคนที่มีทั้งอ้วน ผอม และสวย
โจวอี้ไม่สนใจผู้หญิงเหล่านี้ แต่ก็ดีที่มีผู้หญิงเหล่านี้มาเพื่อทำให้บรรยากาศครื้นเครง ดังนั้นเขาจึงเรียกหวงไห่เทา มาด้วย เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นที่โปรดปรานของเชาหมิงคุน
แน่นอนว่าเมื่อหวงไห่เทามาถึง ไม่นานนักอีกฝ่ายและเชาหมิงคุนก็กลายเป็นเหมือนเพื่อนกันตั้งแต่ยังเด็ก
กลางดึก
โจวอี้ มองไปสภาพคนทั้งสองที่เมาแล้ว ก่อนจะเดินออกจากห้องจักรพรรดิด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
เมื่อสัมผัสกับลมหนาวภายนอก แอลกอฮอล์ในร่างกายก็มีฤทธิ์บางลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ หายไป และไม่นานนักเขาก็เดินไปถึงทะเลสาบเทียมอันเงียบสงบ
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดหมายเลขโทรออก
ณ เมืองเผิงเฉิง
ทางตอนใต้ของเมืองมีบ้านที่ดูธรรมดาหลังหนึ่ง
ภายในศาลาข้างสวนหิน เหลียงชิงไห่กำลังดูเอกสารซึ่งระบุรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานประมูลของตลาดวัตถุดิบยาในเมืองฉู่วันนี้
“น่าสนใจ เป็นลูกวัวแรกเกิดที่ไม่กลัวเสือจริง ๆ!”
“ตระกูลแพทย์หลวงกั๋วเคยเป็นสมาชิกสาขาของสำนักโอสถ น่าเสียดายที่พวกเขามีนิสัยโหดร้ายและไร้ความปรานี ดังนั้นพวกเขาจึงถูกขับไล่ออกจากสำนักโอสถ ใครจะคิดว่าหลังจากผ่านไปหลายปี ผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลกั๋วกลับมีความขัดแย้งกับทายาทของสำนักโอสถอีกครั้ง นี่คือโชคชะตาสินะ”
“แต่โจวอี้กำลังจะมีปัญหา”
เหลียงชิงไห่พึมพำ แต่รอยยิ้มในแววตาของเขาไม่ได้หายไป
สาวสวยวัยกลางคนสวมเสื้อขนเป็ดและถุงมือถักส่งยิ้มหวานและถามว่า “เราควรช่วยเขาไหม?”
“กั๋วฉินเซิงเคลื่อนไหวอะไรแล้วบ้าง?” เหลียงชิงไห่ถาม
“กั๋วฉินเซิงส่งผู้ใต้บังคับบัญชาสองคนไปที่จินหลิง และเขาเพิ่งออกจากเมืองฉู่ ดูเหมือนว่าเขาจะมุ่งหน้าไปที่จินหลิงด้วย” หญิงวัยกลางคนกล่าว
“อืม…แต่กั๋วฉินเซิงคงไม่สามารถฆ่าโจวอี้ได้หรอก ไหนจะไอ้หนุ่มที่ชื่อถงหู่ก็อยู่รอบ ๆ โจวอี้ เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ แต่เราก็ควรเตือนพวกเขาสักหน่อย เพราะเขาก็คือพวกเราเหมือนกัน…”
กริ๊งงง!
คำพูดของเหลียงชิงไห่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือ
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พลางยิ้มและพูดว่า “เด็กคนนี้ทนไม่ได้นานเลย เมื่อพูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา!”
เหลียงชิงไห่รับสายด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรเหรอน้องโจว?”
“ผมต้องการถามคุณบางเรื่อง” เสียงของโจวอี้ดังออกจากปลายสาย
“กั๋วฉินเซิงใช่ไหม”
“คุณรู้แล้ว? แต่ก็จริง ถ้าคุณไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตลาดวัตถุดิบยาเมืองฉู่วันนี้ก็คงจะแปลก งั้นบอกผมทีว่าไอ้คนที่ชื่อกั๋วฉินเซิงนี่มันยังไงกันแน่”
“ผู้อาวุโสในสำนักโอสถของนายควรรู้จักกั๋วฉินเซิงมากกว่าฉัน เพราะตระกูลกั๋วเคยเป็นส่วนหนึ่งของสำนักโอสถ แต่พวกเขาถูกขับไล่ออกไปเพราะความหลงผิดของพวกเขา”